สแกนอาหารดูสารเคมีและของที่แพ้

เวลาไปทานข้าวตามร้านอาหาร คุณแทบไม่รู้เลยว่าเค้าใส่ส่วนผสมอะไรมาให้บ้าง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญนะโดยเฉพาะถ้าคุณแพ้อาหารหรือสารเคมีบางอย่างที่อาจทำให้ถึงตายได้

คนที่เป็นภูมิแพ้หรือแพ้สารเคมีบางอย่างนั้นทานอาหารได้ยากกว่าคนที่ลดน้ำหนักที่พอจะคำนวณพลังงงานคร่าวๆ ได้ ในอาหารหนึ่งจานนั้นจะประกอบไปด้วยสารเคมีจากเครื่องปรุงรสต่างๆ รวมถึงสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ ซึ่งยากที่ตาเราจะแยกแยะได้เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าพ่อครัวใส่วัตถุดิบอะไรมาบ้าง กว่าจะรู้ตัวว่าแพ้ก็เมื่อทานเข้าไปแล้วอาการถึงแสดงออกมา ในกรณีที่แพ้หนักๆ ก็อาจทำให้ถึงตายได้ก็มีให้เห็นมาแล้ว นั่นจึงทำให้คนที่แพ้สิ่งเหล่านี้ไม่กล้าไปทานอาหารนอกบ้าน

ล่าสุดมีการพัฒนาอุปกรณ์มหัศจรรย์ที่ชื่อว่า TellSpec ขึ้นมาเพื่อช่วยให้คุณรู้ว่าในอาหารนั้นประกอบด้วยอะไรบ้างเพียงแค่ถือไปโบกเหนืออาหาร แล้วก็จะส่งข้อมูลไปยังสมาร์ทโฟนของคุณ ในเชิงเทคนิคอุปกรณ์ตัวนี้มีชื่อว่า spectrometer scanner ที่มาพร้อมกับอัลกอริทึมและแอพบนสมาร์ทโฟนในการวิเคราะห์สารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้, สารเคมี, สารอาหาร, แคลอรี่และสารอาหารในจานนั้นๆ

หลักการทำงานของ TellSpec ก็คือ ใช้หลักการแสงรวมตัวกันเป็นอนุภาคที่เรียกว่า โฟตอน เมื่อยิงเลเซอร์พลังงานต่ำจาก TellSpec scanner ไปยังอาหาร โฟตอนบางตัวก็จะดูดซับแสงเอาไว้ พลังงานในโมเลกุลของอาหารก็จะเพิ่มขึ้น โฟตอนบางตัวก็จะสะท้อนแสงกลับ เจ้า spectrometer ภายใน TellSpec ก็จะทำการแบ่งแยกโฟตอนเหล่านี้จากความยาวคลื่นแสงและนับว่ามีอะไรบ้าง ผลออกมาเป็นสเปคตรัมที่สามารถบอกสารเคมีที่ประกอบในอาหาร ส่งข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วไปยังสมาร์ทโฟน

TellSpec สามารถสแกนอาหารได้โดยตรงหรือสแกนผ่านภาชนะอย่างพลาสติกหรือแก้วได้ นั่นหมายความว่าคุณสามารถตัดสินความปลอดภัยของอาหารผ่านกระจกหน้าร้านหรืออาหารที่ใส่ในบรรจุภัณฑ์ได้ นอกจากใช้ระบุส่วนผสมที่แพ้อย่างกลูเต็นหรือไข่แล้ว แอพ TellSpec ยังสามารถเตือนถึงปริมาณแคลอรี่ ตรวจสอบฉลากอาหารว่าถูกต้องรึไม่ รวมถึงสอดส่องสิ่งที่คุณทานเข้าไป เช็คว่าได้รับแร่ธาตุและวิตามินเพียงพอรึไม่

ปัจจุบัน TellSpec ยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาต้นแบบอยู่ค่ะ ซึ่งตอนนี้ทางทีมงานเค้าก็ต้องการเงินทุนมาพัฒนาโปรเจคนี้ต่อ ก็เลยนำมาหาเงินระดมทุนในเว็บ Indiegogo ถ้าได้เงินตามเป้าที่ตั้งไว้ก็น่าจะผลิตออกมาวางขายได้จริงอย่างเร็วสุดคือ เดือนสิงหาคมปีหน้าค่ะ ซึ่งคุณภาพชีวิตของคนที่เป็นภูมิแพ้อีกหลายล้านคนจะดีขึ้นอย่างแน่นอน