1.3ล้านชีวิตสัตว์ทดลองเพื่อชีวิตมนุษยชาติ
ในธรรมชาติสัตว์นักล่าจะฆ่าเหยื่อเพื่อประทังชีวิต หนึ่งชีวิตเพื่ออีกหนึ่งชีวิตได้อยู่รอด เป็นกฎเกณฑ์ที่ก่อให้เกิดระบบนิเวศโลกที่ทำให้เกิดสมดุลธรรมชาติมานานหลายล้านล้านปี และในวงจรธรรมชาติเหล่านี้ยังก่อให้เกิดการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต เพื่อให้อยู่รอดได้นานที่สุดให้พ้นจากการถูกล่า หรือโรคร้าย จนกว่าสัตว์จะบรรลุจุดหมายสูงสุดแห่ชีวิตคือการสืบเผ่าพันธุ์ให้ดำรงคงอยู่ต่อไป
แต่สำหรับมนุษย์แล้ว การฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นนั้น มีเหตุผลเหนือไปกว่าการใช้เป็นอาหาร เพราะมนุษย์ยังใช้สัตว์มาเป็นตัวแทนในการทดลองสารเคมี สารอินทรีย์ ชนิดต่างๆ เพื่อใช้ในการสร้างเวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง หรือในการทดลองอื่นๆ
มีรายงานจากเว็บไซต์เดลี่ เมล์ แห่งอังกฤษ เปิดเผยว่า ในปี 2555 เฉพาะในกลุ่มมหาวิทยาลัยบนเกาะอังกฤษเพียงแห่งเดียว มีการฆ่าสัตว์ทดลองชนิดต่างๆ ตั้งแต่หนู ลิง สุนัข จนถึงนกอีมู มากกว่า 1.3 ล้านตัว
ในจำนวนนี้เป็น หนู 978,259 ตัว ปลา 278,586 ตัว หนูใหญ่ 51,218 ตัว กบ 5,552 ตัว นก 4,246 ตัว ไก่ 2,953 ตัว สัตว์เลื้อยคลาน 2,040 ตัว ลิง 124 ตัว สุนัข 10 ตัว แมว 2 ตัว และนกอีมู 6 ตัว
มหาวิทยาลัยเอดินเบอเรอะ ฆ่าสัตว์ทดลองมากที่สุดถึง 226,341 ตัว รองลงมาได้แก่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และเคมบริดจ์
กลุ่มมหาวิทยาลัยบนเกาะอังกฤษต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า การฆ่าสัตว์ทดลองเป็นไปเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ แม้การทดลองบางอย่างจะทำให้สัตว์ตายอย่างทรมานมาก เช่น การให้หนูสูดดมไอน้ำมันดีเซลเพื่อทดลองถึงผลเสียจากการสูดดมไอระเหยของน้ำมัน และการเพิ่มระดับความเครียดของตัวอ่อนในครรภ์ของสัตว์ทดลองเพื่อดูว่าเมื่อตัวอ่อนคลอดออกมาแล้วจะมีความผิดปกติทางจิตอย่างไรบ้าง
ตัวเลขเหล่านี้มาจากการเปิดเผยของสหภาพรณรงค์การยกเลิกการผ่าทดลองขณะที่สัตว์ยังมีชีวิต (บียูเอวี) ที่กำลังรณรงค์ชาวอังกฤษให้ร่วมกดดันมหาวิทยาลัย สถานศึกษา และศูนย์วิจัยต่างๆ ให้ยกเลิกกระบวนการผ่าตัดสัตว์ทดลองระหว่างที่ยังมีชีวิต โดยระบุว่า เงินสนับสนุนการทดลองแบบนี้มาจากเงินภาษีของชาวสหราชอาณาจักร จึงไม่ควรสนับสนุนการฆ่าสัตว์แบบทรมานเช่นนี้อีกต่อไป
คุณเป็นคนมีน้ำใจ ขอบคุณที่กด Like.ให้ครับ