เคยสงสัยกันรึเปล่าว่า ค่าเล่าเรียน รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆที่เราจ่ายให้มหาวิทยาลัยนั้น ถูกนำไปใช้ในส่วนไหนบ้าง แล้วทำไมบางสถาบันจึงต้องเก็บค่าเรียนปีละนับล้านบาท (อาจจะน้อยกว่าหรือมากกว่านั้น) วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากกันครับ
หลังจากเก็บเงินไปแล้ว มหาวิทยาลัยจะนำไปใช้ในค่าใช้จ่ายหลักๆ 3 ส่วนด้วยกัน ซึ่งแบ่งได้ดังนี้
1. จ่ายค่าจ้างและสวัสดิการให้บุคลากร
นี่คือค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ที่มหาวิทยาลัยต้องจ่ายไป ผลสำรวจพบว่า Yale University มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ประมาณ 63% ส่วนทาง City University of Hong Kong ก็จ่ายเงินเดือนเป็นสัดส่วนถึง 62% จากค่าเล่าเรียนที่เก็บมา
แสดงว่ามหาวิทยาลัยนั้นทุ่มเทให้บุคลากรอย่างมาก เทียบได้ว่าบุคลากรที่มีคุณภาพก็มาพร้อมกับเงินเดือนที่สูง รวมไปถึงจำนวนบุคลการที่มาก ก็ย่อมกินเงินเดือนมากนั่นเอง
2. ลงทุนในเครื่องใช้ และส่วนกลางต่างๆ
ค่าใช้จ่ายประมาณ 15% ในแต่ละปี จะถูกใช้ไปกับการปรับปรุงคุณภาพของส่วนกลาง เช่น ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ศูนย์กีฬา นั่นหมายถึงว่ายิ่งมหาวิทยาลัยลงเงินในส่วนนี้มากเท่าไร ก็เพื่อให้ส่วนกลางดูทันสมัย อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อย่างดี และตอบรับความต้องการของนักเรียนนั่นเอง
3. งานวิจัย การเรียนการสอน และทุนการศึกษา
เพื่อปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนอยู่เสมอ มหาวิทยาลัยจึงต้องทุ่มเทงบประมาณลงไปในเรื่องงานวิจัย รวมทั้งในเรื่องของทุนการศึกษา ที่หลายๆคนอยากได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น University of Melbourne จะแบ่งค่าใช้จ่าย 4% มาเป็นส่วนของทุนการศึกษา เห็นตัวเลขไม่กี่เปอร์เซ็น แต่ก็เป็นเงินที่เยอะมากเลยล่ะ
นอกจากนี้ ยังมีผลสำรวจจากทาง Yale University อีกด้วยว่ามหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะขาดทุนอยู่ตลอด และมีเพียงแค่ 8.6% เท่านั้นที่กำไรในแต่ละปี เพราะฉะนั้นการศึกษาจึงต้องของบจากทั้งรัฐบาล และบุคคลภายนอก เพื่อมาทำให้คุณภาพดีที่สุดสำหรับนักเรียนทุกคนนั่นเอง….
ที่มา: topuniversities