ดาวรุ่ง หรือ ดาวดับ ? เมื่อทัพดารา ขึ้นเวทีชุมนุม

 

 

 

 

 

ดาวรุ่ง หรือ ดาวดับ ? เมื่อทัพดารา ขึ้นเวทีชุมนุม

เรื่องของการเมือง กับดารา น้กร้อง นักแสดง ในอดีตแทบจะกลายเป็นของแสลง ที่หลายคนไม่กล้าแสดงทัศนะ เปิดเผยความคิดเห็นทางการเมืองมากนัก เพราะจะต้องไปกระทบกับคนหมู่มาก โดยเฉพาะฝั่งตรงข้ามทางการเมือง ในฐานะฐานเสียง แฟนคลับ รวมไปถึงแบรนด์สินค้าที่กำลังเป็นพรีเซนเตอร์อยู่

แต่ปัจจุบัน ด้วยความเป็นระบอบประชาธิปไตย ทุกคนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองได้ ภายใต้กรอบของกฎหมาย  ล่าสุดที่ออกมาแสดงพลังคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้เห็นดารานักแสดงหลายคน ตบเท้าเป่านกหวีด และผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัย โดยไม่เกรงกลัวว่า การขึ้นเวทีการเมือง จะกลับกลายเป็นดาวดับอับแสง เพราะอุดมการณ์ในครั้งนี้ ต้องการแสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่า พวกเขาไม่เอาพ.ร.บ.นิรโทษกรรม อย่างบริสุทธิ์ใจ ตามวิถีประชาธิปไตย ไม่ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย

ทั้งนักแสดงขั้นนางเอก ผู้จัดชื่อดัง นักแสดงตลก ดาราอาวุโส ไม่สนเสียงวิจารณ์ เพราะการออกมาแสดงพลัง มั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

และเมื่อพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตกไปจากสภา ถือได้ว่าการต่อสู้ แสดงพลังของประชาชนเป็นผลสำเร็จ… จากนี้ไปคือการเข้าสู่เกมการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ ในการชุมนุมเป็นขับไล่รัฐบาล ขับไล่ระบอบทักษิณ ให้สูญสิ้นจากแผ่นดินไทย ดารานักแสดงที่ร่วมชุมนุม คือผู้ที่ตัดสินใจแล้วว่า จะแสดงออกทางการเมืองอย่างไร และยอมรับได้หากจะกระทบกับชื่อเสียงในวงการ

มีคำถามเกิดขึ้นว่า ดารา นักร้อง นักแสดง ควรไปยุ่งเกี่ยว หรือมีความเห็นทางการเมืองหรือไม่

ดารา ก็คือประชาชนคนหนึ่ง ได้จ่ายภาษี เลือกตั้ง มีบัตรประชาชนตามกฎหมาย ฉะนั้นแล้วการแสดงออกทางวิถีประชาธิปไตยจึงไม่ใช่เรื่องต้องห้าม มีสิทธิที่จะพูดในสิ่งที่ต้องการ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้บนพื้นฐานของกฎหมาย ก่อนหน้านี้บุคคลเหล่านี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสี ทางการเมือง ตั้งแต่ ตั้ว ศรัณยู วงศ์กระจ่าง จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค หงา คาราวาน นก สินจัย อ๊อฟ พงพัฒน์ หยองลูกหยี เต๋าสมชาย ดร.เสรี วงศ์มณฑา

และรายล่าสุด ที่กลายเป็นดาวเด่นบนเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยคงหนีไม่พ้น แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราระดับนางเอก กับดาราแถวหน้า หมอก้อง ร.ท.สรวิชช์ สุบุญ หยวน ดรากอนไฟว์ ไม่หวั่นถูกเสื้อแดงเช็คบิลดารา พร้อมกล่าวเสียงดังบนเวที “ผมไม่ใช่คนขายชาติ”

อย่างไรก็ตาม สังคมไทยยังแตกแยกในเรื่องความคิด แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน เมื่อดารา ผู้ที่ผู้ที่มีอิทธิพลต่อประชาชน เมื่อประกาศกร้าวอยู่ฝั่งหนึ่งฝั่งใด แน่นอนว่า ฝั่งที่ร่วมอุดมการณ์จะยิ่งให้การสนับสนุนมากขึ้น ให้ ความชื่นชม ชื่นชอบทันที แต่ขณะเดียวกัน แฟนคลับอีกฝั่งหนึ่งกลับทอดทิ้งความรู้สึกที่เคยมี กลายเป็นเลิกชอบ เลิกสนับสนุนไปโดยปริยาย

บทเรียนของดารา ที่เข้าไปเอี่ยวกับการเมืองมีให้เห็นมากหน้าหลายตา บางคนก็รุ่ง ส่วนบางคนงานหดหาย ขณะที่บางราย ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยตรง อย่าง “เท่ง เถิดเทิง” ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ หลายวัน กับประโยคที่ว่า “อยากเห็นทักษิณกลับบ้าน” จนเจ้าตัวต้องตั้งโต๊ะข่าวแถลงทั้งน้ำตาว่า อย่าเอาตนเองไปเกี่ยวข้องกับการเมือง  และในเหตุการณ์นั้น ตนเพียงแค่ได้รับการว่าจ้างให้ไปแสดงในงานเลี้ยงวันเกิด”ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” แกนนำคนเสื้อแดงเท่านั้น

การไปขึ้นเวทีการเมือง ในยุคที่การเมืองแตกออกเป็นสองขั้วโดยชัดเจน ผลกระทบย่อมเกิดขึ้นตามมา อย่างน้อยก็จะถูกฝ่ายตรงข้ามเช็คบิลดารา

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เชื่อว่าดาราเหล่านี้รับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านการไตร่ตรองและตัดสินใจระดับหนึ่ง

ส่วนสิ่งที่ประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ ไม่ใช่เสื้อสีที่ใส่ แต่เป็นเพราะสิ่งที่พูดออกไปบนเวทีนั้น ได้พูดอะไรออกไปบ้าง หากข้อมูลมีเหตุผล มีหลักฐานข้อเท็จจริง แน่นอนผู้ฟังย่อมรับฟัง แต่หากสิ่งที่พูดนั้นเต็มไปด้วย คำหยาบคาย ใส่ร้าย โจมตี ถึงคราวนี้ ก็จะเป็นการเกลียดชังไม่ต่างจากแกนนำ นักการเมืองที่กำลังประสบอยู่

“เพชรพิริยะ”

 
ที่มา: http://news.mthai.com/politics-news/286239.html
Credit: http://board.postjung.com/722385.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...