เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 12 พ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 9 คน ที่ประกาศลาออกจากส.ส. นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี  นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา  นายอิสสระ สมชัย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตส.ส.ตรัง นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช นายชุมพล จุลใส อดีตส.ส.ชุมพร นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตส.ส.กทม. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตส.ส.กทม. และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตส.ส.กทม. เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลานด้านหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีเพียงนายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เดินทางมาให้กำลังใจ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการลาออกของ นายอิสสระ ซึ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้นางมณทิพย์ ศรีรัตนา ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 51 เลื่อนขึ้นมารับตำแหน่ง ส.ส.แทน

 นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า พวกตนมากราบลา และขอพรกับพระแม่ธรณีฯว่าขอให้พวกเราและประชาชนที่ร่วมกันต่อสู้เพื่อปกษ์ปักรักษาประเทศชาติ สามารถสู้กับมารได้ เพราะพระแม่ธรณีฯ เคยปราบมารในสมัยพุทธกาลมาก่อน ซึ่งตนเห็นว่าจำนวน ส.ส.ที่ลาออกทั้ง 9 คนนั้นเพียงพอที่จะต่อสู้เรื่องนี้แล้ว เพราะยังมีตัวแทนจากองค์กรเครือข่ายต่างๆ ร่วมต่อสู้ด้วย ส่วน ส.ส.ที่ไม่ได้ลาออกก็ต้องทำหน้าที่ในสภาฯ ต่อไป ทั้งนี้การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ในฐานะประชาชนเต็มตัว และไม่กลัว เพราะการต่อสู้เพื่อบ้านเมืองต้องไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น

 จากนั้นเวลา 11.00 น. นายสุเทพ พร้อมคณะ เดินทางมายังรัฐสภา โดยได้นำพวงมาลัยเข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ที่หน้าอาคารรัฐสภา1 และเข้ายื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และทำการเป่านกหวีดที่บริเวณห้องโถง อาคารรัฐสภา 1

 ทั้งนี้นายสุเทพให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า การที่ส.ส.ลาออกครั้งนี้ มีส.ส.ระบบเขต 8 เขต จะให้คำตอบต่อสังคมว่ามีความชัดเจนอยู่แล้ว พวกตนทั้ง 9 คนเห็นตรงกันไม่มีทางอื่นในการต่อสู้ นอกจากประชาชนเจ้าของประเทศต้องออกมารวมพลังกันต่อสู้และพวกตนได้สละเอกสิทธิ์ในฐานะส.ส. เพื่อเป็นประชาชนธรรมดา โดยไม่มีสิทธิ์อะไรคุ้มครอง ซึ่งคำตอบนี้ชัดเจนอยู่แล้ว

 เมื่อถามว่าหาก กกต. จัดเลือกตั้งซ่อม พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมส่งคนลงสมัครแล้วใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า พวกตนไม่เกี่ยวข้องกับประชาธิปัตย์อีกต่อไป เป็นเพียงประชาชนธรรมดา ดังนั้นการตัดสินใจอื่นเป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ และการตัดสินใจของพวกตนต่อไปนี้เป็นเรื่องของประชาชนและจะตัดสินใจร่วมกับประชาชน

 เมื่อถามว่าก่อนตัดสินใจลาออกในครั้งนี้ได้ปรึกษานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การที่มนุษย์คนหนึ่งตัดสินใจปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติ ได้ปรึกษาตัวเอง ภรรยา และบุตร คนในครอบครัว เป็นสิทธิเสรีภาพต้องตัดสินใจด้วยความสำนึกว่ามีภาระหน้าที่ โดยแจ้งให้นายอภิสิทธิ์และนายชวนทราบเท่านั้น ไม่ได้มีการปรึกษาว่าเห็นด้วยหรือไม่

 เมื่อถามว่าการต่อสู้หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เพราะไม่มีเอกสิทธิ์ส.ส. คุ้มครองแล้ว นายสุเทพ กล่าวว่า เราต่อสู้ภายใต้กรอบกฎหมาย เป็นพลเมืองมีหน้าที่พิทักษ์รักษาประเทศชาติบ้านเมือง ยืนยันว่าตั้งแต่ทำมาไม่มีอะไรผิดกฎหมาย ส่วนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะกลั่นแหล่งยัดเยียดข้อหาทางกฎหมาย เราก็จะสู้คดี จะเรียกไปสอบสวนก็ไป จับกุมก็ยอมให้จับ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และยืนยันว่ากลุ่มตนจะใช้พื้นที่ราชดำเนิน เป็นที่มั่นรวบรวมประชาชนต่อสู้ ซึ่งการยกระดับต่อสู้จะปฏิบัติตามสถานการณ์ในแต่ละวัน และมาตราการที่เรียกร้องให้ประชาชนดำเนินอารยะขัดขืนเป็นขั้นต้นเท่านั้น จะมีการยกระดับขึ้นสูงกว่านี้อีก

 “ยืนยันเป็นการทำเพื่อแสดงออกถึงพลังของประชาชนเจ้าของประเทศ ส่วนรัฐบาลจะเป็นอะไรไป ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา ซึ่งไม่ต้องมีการประเมินรัฐบาล เพาะเรามีหน้าที่แสดงให้รัฐบาลรู้ว่าไม่ชอบ ไม่เชื่อฟัง ไม่ร่วมมือกับรัฐบาล และหากรัฐบาลใช้กำลังสลายผู้ชุมนุมถือว่ารัฐบาลทำผิดและประชาชนทั้งประเทศ ก็จะได้เห็น รัฐบาลทำผิดรัฐบาลก็จะจบ”