ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน จอดอยู่ในสภาพชนเข้ากับรั้วหน้าร้านจนรถพังยับ บริเวณยางด้านขวาทั้งหน้าและหลังมีร่องรอยถูกกระสุนปืนยิงใส่จนแตกทั้ง 2 ล้อ ประตูหลังฝั่งซ้ายมีรอยกระสุนปืนยิงจากด้านในจนทะลุ ส่วนภายในรถพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ทราบชื่อภายหลังคือนายศิวณัฐพิพัฒน์ (สงวนนามสกุล) หรือนัท อายุ 20 ปี (คนขับ) อาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัย ถูกอาวุธปืนขนาด .38 ยิงเข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย อาการสาหัส อีกคนเป็นหญิง ชื่อนางโบว์ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ถูกอาวุธปืนขนาดเดียวกันยิงเข้าที่หน้าอกและเฉี่ยวแก้มขวา เบื้องต้นยังพอมีสติ จึงรีบนำตัวทั้งคู่ส่ง รพ.กรุงเทพพัทยา
ตรวจสอบภายในรถพบมีคราบเลือดเปรอะเปื้อน นอกจากนี้ยังมีอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ตกอยู่ในรถ มีกระสุนปืนขนาดเดียวกันอยู่ในรังเพลิงจำนวนหนึ่ง และเศษกระดาษมีข้อความที่เขียนด้วยลิปสติกระบุว่า “หนูโดนจับตัวมา เค้ามีปืนช่วยด้วย” จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ตรวจโดยรอบที่เกิดเหตุพบว่าร้านขายของชำที่อยู่ติดกันยังถูกรถชนได้รับความเสียหายเล็กน้อยอีกด้วย
สอบถาม ด.ต.สมบัติ มหาวังสวัสดิ์ ผบ.หมู่งาน ป.สภ.เมืองพัทยา เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับแจ้งจากแม่บ้านโรงแรมวงศ์อำมาตย์เรสซิเด้นท์ ซอย 16 ถ.พัทยา-นาเกลือ ว่ามีชายไทยใช้อาวุธปืนจี้หญิงสาวอยู่ในรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว จึงรีบรุดไปตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าคนขับ ได้ขับรถยนต์เก๋งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จึงวิทยุแจ้งให้เพื่อนสายตรวจทราบ ก่อนขับรถไล่กวดติดตามไปอย่างกระชั้นชิด ตนเกรงว่าประชาชนคนอื่นจะได้รับอันตรายจึงตัดสินใจชักปืนออกมายิงยาง กระทั่งรถมาเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าหน้าเต๊นท์รถ แต่ระหว่างจะเข้าจับกุมได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และพบว่านายศิวณัฐพิพัฒน์ ได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองและสาวรุ่นพี่ที่นั่งมาด้วยจนได้รับบาดเจ็บ
ด้าน พ.ต.อ.ชัชชพล ภัทรศิริพร พงส.ผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยว่า จากการสอบถามบิดา-มารดา ของนายศิวณัฐพิพัฒน์ ที่มาดูอาการลูกชาย ทราบว่า นายศิวณัฐพิพัฒน์ เพิ่งคบหากับนางโบว์ ได้ไม่นาน ทั้งคู่มักจะมีปากเสียงทะเลาะกันเป็นประจำ เบื้องต้นจึงสันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง นายศิวณัฐพิพัฒน์ จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงฝ่ายหญิง ได้รับบาดเจ็บ ก่อนใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อขมับแล้วลั่นไกหวังปลิดชีพตัวเอง อย่างไรก็ตาม คงต้องรอให้อาการของทั้งคู่ดีขึ้นเพื่อสอบปากคำหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป