> คุณค่าของตนเอง

 

 

 

 

             ปัจจุบัน หลายคนคงได้ฟังข่าวต่างๆ  ไม่ว่า จะเป็นนักเรียน นักศึกษากระโดดตึก ฆ่าตัวตาย  ทำร้ายร่างกายตนเอง  ประชดชีวิตต่างๆ จนเป็นเหตุให้คนในครอบครัวต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในครอบครัวของเขาไป  ทั้งๆ ที่ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุย หรือทราบถึงปัญหา แต่คนเหล่านั้นก็ได้ตัดสินใจอย่างผลีผลาม จนเป็นเหตุให้ตัวเองต้องเสียชีวิต หรือพิการไป ทิ้งไว้แต่ความโศกเศร้าของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
            ในชีวิตการทำงาน บางครั้งเราก็มักจะคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าเราไม่เก่ง ไม่สำคัญ  หัวหน้าไม่เคยเห็นความสำคัญในตัวเรา  เพื่อนร่วมงานไม่เชื่อมั่น ไม่ไว้ใจในความสามารถของเรา  ไม่มีใครเห็นความสำคัญของเรา  ฯลฯ 
             เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้  เราเป็นจริงตามนี้เชียวหรือ  เราไม่มีค่าในสายตาคนอื่นเลยหรือ  ไม่มีใครต้องการเราเลยหรือ ?????
           
            ชีวิตมนุษย์เราทุกคน เกิดมา ถือว่า เป็นสิ่งสำคัญที่สุดแล้ว  ไม่ว่าเราจะเกิดมาในสถานะอย่างไร จะมีฐานะอย่างไร  มันก็มีคุณค่าในตัวเอง  ปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้น มันก็เป็นแนวทางที่จะทำให้เราได้ค้นพบชีวิตในแต่ละแง่มุม  ดังนั้น  เราทุกคนล้วนมีคุณค่าทุกเวลาที่เรามีชีวิตอยู่
           
            ผมจะขอเล่าเรื่อง ๆ หนึ่งที่ เกี่ยวกับ การรู้ถึงคุณค่าในตนเอง
 
            ….  มีชายชาวอินเดียคนหนึ่ง ช่วงสองปีที่ผ่านมา  ผู้คนจะพบเห็นจนชินตาว่าบนบ่าของเขามีหม้อดินใบใหญ่วางอยู่ข้างละใบ  หม้อดินใบหนึ่งมีรอยร้าว  ขณะที่อีกใบสมบรูณ์สวยงาม  ไร้ที่ติ  หม้อใบสวยสามารถบรรจุน้ำไว้เต็มเปี่ยมนับจากลำธารจนถึงบ้านเจ้านาย   ขณะที่อีกใบหนึ่งนั้น เมื่อมาถึงปลายทางกลับเหลือน้ำแค่ครึ่งเดียว เท่ากับว่า  ชายผู้นี้ขนน้ำได้เที่ยวละหม้อครึ่งอยู่ทุกครั้ง   แน่ล่ะ!!....หม้อดินใบสวยย่อมภาคภูมิใจในตนเองที่ทำหน้าที่ได้อย่างสมบรูณ์ ครบถ้วน  ส่วนหม้อดินใบร้าว  นอกจากอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความไม่สมประกอบ ของตนเองแล้ว  มันยังรู้สึกผิดกับการทำหน้าที่ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกด้วย
            หลังจากสองปีเต็มที่แบกความทุกข์ระทมขมขื่นนั้นเอาไว้  วันหนึ่งมันจึงตัดสินใจเอ่ยกับคนหาบน้ำตรงลำธารว่า “ ฉันรู้สึกละอายใจเหลือเกิน  ฉันอยากขอโทษท่าน...ตลอดสองปีมานี้  ฉันทำงานให้ท่านได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น  เนื่องจากเจ้ารอยร้าวบนตัวฉัน  มันทำให้รั่วไหลไปตลอดทาง ”
            เมื่อฟังเช่นนั้นแล้ว คนขนน้ำก็พลอยรู้สึกเสียใจไปด้วย  และแล้วเขาก็พูดว่า
            เอาล่ะ!! ...ระหว่างทางที่เราจะเดินกลับไปบ้านเจ้านาย  ฉันอยากให้เธอสังเกตดอกไม้สวย ๆ ข้างทางเดินสักหน่อย  เธอไม่ได้สังเกตหรอกหรือว่า ทำไมดอกไม้ป่าเหล่านั้นถึงได้งอกงามเฉพาะ  ฝั่งที่ฉันแบกเธอเท่านั้น  ทำไมมันไม่ขึ้นอีกฟากหนึ่งด้วยล่ะ !!  ..นั้นเป็นเพราะฉันได้ตระหนักในข้อจำกัดของเธอ  จึงอาศัยเงื่อนไขนี้เพาะเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ป่าตรงทางเดินฝั่งที่ฉันแบกเธอเสมอมา   และทุก ๆวันที่เราเดินกลับบ้าน  เธอเองก็ได้ช่วยฉันรดน้ำให้มัน.. .แล้วในสองปีนี้ ฉันก็ได้เด็ดดอกไม้สวย ๆ นี้ไปปักแจกันให้เจ้านายเราของเราด้วย  นี่ถ้าหากไม่มีเธอแล้วล่ะก็  เจ้านายของเรา คงไม่มีโอกาสได้ชมดอกไม้ป่าอันแสนสวยงาม  ที่ผลิสะพรั่งอยู่ระหว่างทาง  มาประดับบ้านเป็นแน่

            หากคนเราทุกคน ใช้ชีวิตในแต่ละวัน โดยรู้สึกภูมิใจในตนเอง  ไม่ไปเปรียบเทียบคนอื่นมากจนเกินไป  หากสิ่งไหนไม่ดี ก็พยายามแก้ไขให้ดีขึ้น  เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่ดี เรียนรู้แก่นแท้ของชีวิต จะทำให้ชีวิตของเราเติมเต็มและสมบูรณ์ ไม่ไปจมปลักอยู่กับความอิจฉา ความอยากมีอยากได้  ความล้มเหลว  ความผิดหวัง  การแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่นกัน   

เราก็จะรู้ว่า คุณค่าของเรา จะยังคงอยู่กับตัวเราตลอดไป ไม่มีใครมาลดคุณค่าตัวเรา นอกจากเราจะลดคุณค่าของตัวเราเอง ……

 

Credit: http://board.postjung.com/720648.html
11 พ.ย. 56 เวลา 07:45 731 90
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...