1. Epiphone
Epiphone เป็นกีต้าร์ที่มีต้นกำเนินที่ประเทศกรีซ ในปี 1873 ชื่อEpiphone มาจากชื่อของเจ้าของกิจการ Epamainondas กับคำว่า เสียง phone ในกรีซ เจ้าของกิจการเป็นเพื่อนกันกับ les pual ทางด้าน les pual ได้เข้ามาดูโรงงานของ epin ในปี 1941 เพื่อประกอบกีต้าร์ลำตัวตันตัวแรกของ Epiphone ชื่อรุ่น The log แล้วได้ให้คำแนะนำต่างๆ
จากนั้น ทาง Gibson ที่ les pual เป็นเจ้าของได้ซื้อกิจการ รวมเป็นบริษัทเดียวกัน
ปล. Epiphone เป็นกีต้าร์ราคาระดับกลางนะครับ มือ2 6500 - 15000 ก็หารุ่นดีๆได้เลย เสียงก็แล้วแต่รุ่นแล้วแต่คนชอบ
สำหรับผม ถ้าหากีต้าร์ดีๆมาฝึกสักตัว ยี่ห้อนี้เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางครับ
2. Ibanez
Ibanez ร็อคเกอร์ในหมู่วัยรุ่นยันตาเฒ่าทั่วโลกไม่มีใครไม่รู้จักกีตาร์ยี่ห้อนี้แน่นอน
ประวัติย่อของ บริษัท ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน รวบรวมสรุปจากGuitarthai
ยี่ห้อ Ibanez มีที่มาจากปี 1929 เมื่อ Hoshino Gakki นำเข้ากีตาร์ยี่ห้อ Salvador Ibanez จากสเปน เมื่อโรงงานของ Salvador Ibanez ถูกทำลายในช่วงสงครามกลางเมืองในสเปน กีตาร์ยี่ห้อนี้ก็เลยไม่มีขายอีกต่อไป Hoshino Gakki ก็เลยไปซื้อยี่ห้อ(แบรนด์) มาแล้วก็เริ่มทำกีตาร์สเปนขายเองในช่วงปลายปี 1935 แล้วก็เปลี่ยนชื่อยี่ห้อเป็น Ibanez ในภายหลัง
หากคุณต้องการประวัติทั้ง หมด Ibanez คุณต้องย้อนอดีตกลับไปในปี 1908 เมื่อ บริษัท ชื่อ Hoshino เริ่มเป็นที่เก็บเพลงแผ่นและจัดจำหน่ายสินค้าเพลงต่อไปในนาโกย่าประเทศ ญี่ปุ่น ตัดเรื่องขายแผนเพลง เข้าเรื่องกีตาร์กันดีกว่า กลับไปเมื่อปี '45 เมื่อ Hoshino เริ่มจำหน่ายกีตาร์สเปนชื่อ Ibanez และในช่วงปี '60 เมื่อ Hoshino ที่ตามเวลาที่ได้ซื้อสิทธิ์ในชื่อ Ibanez เริ่มส่งกีต้าร์ดูจี๊ดจ๊าดอย่างเหลือเชื่อในสหรัฐอเมริกาหลายแห่งที่มีการ จำหน่ายจริงในห้างสรรพสินค้า
Ibanez เริ่มต้นเกือบ 30 ปีมาแล้วเมื่อ Hoshino เปิดสำนักงานใกล้ Philadelphia, PA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดจำหน่ายกีต้าร์ Ibanez ไปทั่วสหรัฐอเมริกา ส่วนใหญ่กีต้าร์ที่มี คุณภาพสูง Ibanez นั้นมีชื่อเสียงพอตัว (แต่ไม่แพงมาก)
ยุคแรกๆIbanez เป็นกีตาร์ที่Coppyรูปทรงของยี่ห้อดังๆขาย เหมือนBaracudaประมาณนี้ล่ะครับ ทำให้ช่วงปี75 โดนGibsonฟ้อง จุดนี้เอง Ibanez เริ่มการออกแบบของตัวเองคือ Iceman (ทำครั้งแรกที่มีชื่อเสียงโดย Paul Stanley วงKiss และ guitars George Benson, นักดนตรีแจ๊สออกแบบกีตาร์แจ๊สครั้งแรก ทำให้กีต้าร์ Ibanez ต่อเพื่อเพิ่มมูลค่าคุณค่าแก่การสะสมสะสม โดย ยุค 80 ที่มีความสนใจในกีตาร์ที่เพิ่มขึ้นกับ Ibanez ร่วมกับผู้เล่นเช่น Steve Vai, Joe Satriani และ Paul Gilbert และนำออก Jem, JS, RG และรุ่น S วันนี้รุ่นปัจจุบันเช่น รุ่นนี้ถือว่ายังคงมาตรฐานในฮาร์ดร็อคกีต้าร์ โดยเฉพาะรุ่น Jem ของ Steve Vai และ RG550สร้างชื่อเสียงให้กับIbanezมากๆ จนประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม
และIbanez ก็สร้างชื่อในด้านกีตาร์แจ๊สด้วย คือ George Benson และ John Scofield
หนึ่งบันทึกสุดท้าย ... Ibanez เป็นหนึ่งใน บริษัท ยอดขายเบสสูงเป็นอันดับต้นๆอีกด้วย
ปล. Ibanez เป็นอีกทางเลือกที่ดี มีตั้งแต่ราคาระดับกลางไปจนถึงโครตแพงหูดับตับไหม้เลยละครับ จุดเด่นของibanezนี้คงไม่พ้น Floyd rose หรือคันโยกนั้นเอง ลองชมตามคลิปด้านล่างเลย
3.Hamer
Hamer เป็นกีต้าร์ที่หลายคนมองข้ามไปเยอะเลยนะครับ อาจเป็นเพราะ แบรนด์ไม่ติดหูหรือ ไม่ค่อยมีคนนิยมใช้ โดยส่วนตัวผมชอบยี่ห้อนี้มากเคยไปลองอยู่ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ถ้ามีตังก็อยากจะมีไว้ในครอบครองสักตัว ต้องขออภัยที่หาประวัติให้ไม่ได้นะครับ รู้เพียงแต่ว่ากีต้าร์ญี่ห้อนี้มีมานานแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ปี มีตั้งแต่ราคาระดับ 7900 - 25000 ถ้าจำไม่ผิดผมเคยเห็นมือกีต้าร์วงไมโครใช้ด้วยนะครับ
4.Gibson
Gibson บริษัทผลิตกีตาร์ ทั้งกีตาร์โปร่งและกีตาร์ไฟฟ้า กำเนิดขึ้นโดย นาย Orville H. Gibson ในปี 1856 ทางตอนเหนือของนิวยอร์ก แต่หากกล่าวถึงการกำเนิดของกีต้าร์ที่กลายเป็นตำนานอย่าง Gibson Les Paul เราคงจะต้องนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปปี 1941 ตอนนั้นปู่เลส พอล อายุ 26 ระหว่างการแสดงดนตรีกลางแจ้งคืนหนึ่งมีคนฟังบ่นให้ฟังว่าเขาไม่ค่อยได้ยินเสียงกีต้าร์ของเลส พอล เลย ว่าแล้วปู่เลส พอล ก็กลับไปบ้านจัดการดึงเอาหัวเข็มที่ติดอยู่บนเครื่องเล่น
แผ่นเสียงของพ่อมาติดที่บริดจ์กีต้าร์จากนั้นก็ต่อวงจรไฟฟ้าให้เสียงไปออกที่ PA ทีนี้ทุกคนก็ได้ยินเสียงของปู่เลส พอล ชัดเจน แต่ปัญหาอย่างนึงที่ตามมาคือซาวน์โฮลของกีต้าร์โปร่งมันทำให้เกิดปี๊คแบ็ค ปู่เลส พอล ก็เลยเอาเศษผ้าและปูนปลาสเตอร์อุดเข้าไป ซึ้งอัดปูนมันก็ได้ผลครับ แต่ว่าทำให้กีต้าร์หนักโคตร.....
ปู่เลส พอล เลยตัดสินใจสร้างกีต้าร์ลำตัวตันขึ้นมาเอง ด้วยการงัดเอาไม้หมอนรางรถไฟมาใส่สายกีต้าร์แล้วก็ติดหัวเข็มแผ่นเสียงไว้ที่บริดจ์ เมื่องเล่นดูพบว่ามันให้เสียงที่เพอร์เฟ็กต์ทีเดียวเขาเลยไปให้แม่ดูด้วยความภาคภูมิใจแต่กลับได้รับคำวิจารณ์ว่า "คงไม่มีใคร(บ้า)กล้าถือมันออกไปเล่นหรอก" ปู่เลส พอล ไม่ยอมแพ้ เขาเอากลับมาปรับปรุงหน้าตาใหม่ ทีนี้เปลี่ยนเป็นท่อนไม้หน้า 4x4 นิ้วมาติดอุปกรณ์เหมือนเดิม เสร็จแล้วก็เอาออกไปแสดงสดกับวงด้วยความปลื้มสุดๆเพราะปู่เลส พอล เล่าว่าคนดูไร้การตอบสนองโดยสิ้นเชิง ปู่เลส พอล จึงกลับมาดีไซน์และสร้างกีต้าร์ขึ้นใหม่โดยไปใช้โรงงานของ Epiphone โดยยังคงใช้ท่อนไม้อันเดิม แต่เอามาติดปีดสองข้างที่เอาจากกีต้าร์ Epiphone ทีนี้ปู่เลส พอล ก็ได้กีต้าร์ไฟฟ้าลำตัวตัวที่มีรูปร่างหน้าตาดูสมเป็นกีต้าร์ขึ้นมาแล้วครับ แล้วเอาไปเล่นสดอีกครั้ง ทีนี้คนดูปรบมือเกรียวเลยครับ ปู่เลส พอล จึงได้ตระหนักว่า
"ที่แท้คนฟังเขาฟังเพลงกันด้วยตา!!!" เพราะจริงๆแล้วมันก็เป็นท่อนไม้ท่อนเดิมเพียงแต่นำไปติดปีกและกีต้าร์ตัวนี้ก็คือ "The Log" หนึ่งในต้นกำเนิดของกีต้าร์ไฟฟ้าลำตัวตันนั่นเองในความคิดของปู่เลส พอล
"The Log" คือกีต้าร์ไฟฟ้าลำตัวตันที่จะสามารถเปลี่ยนโฉมหน้ากีต้าร์แบบเดิมๆ เขาจึงนำไอเดียอันแสนบรรเจิดนี้ไปเสนอบริษัท Gibson แต่คนที่นั่นกลับมองว่ามันเป็นความคิดที่ไม่ได้ท่า แถมยังเรียก The Log ของปู่เลส พอล ว่า" เป็นแท่งไม้กวาดติดปิ๊คอัพ"อีกต่างหาก ทำให้ช่วงทศวรรษ '40 ปู่เลส พลอ ต้องเก็บไอเดียกีต้าร์ไฟฟ้าลำตัวตันใส่ลิ้นชักไปคือเราต้องเข้าใจก่อนว่าช่วงทศวรรษ '40 กีต้าร์ที่มีลำตัวโปร่งเป็นที่นิยมอย่างมาก ถ้าไม่มีซาวด์โฮมันก็คือแท้งไม้กวาดหรือไม่ก็ไม่เบสบอล และช่วงนั้นเป็นยุคทองของดนตรี "บิ๊กแบนด์"ที่โดดเด่นด้วยเครื่องเป่าทองเหลืองและเครื่องลมไม้ เป็นยุคแห่งดนตรี "สวิง" นอกจากนั้นมันยังเป็นอคติลึกๆ ว่าเครื่องดนตรีไฟฟ้าทำให้คุณค่าของศิลปิะลดลงช่วงทศวรรษ '50 Leo Fender เปิดตัวกีต้าร์ไฟฟ้าลำตัวตัน Broad-Caster ขึ้นเป็นครั้งแรกแงะมันทำให้ Gibson อยู่เฉยไม่ได้ พวกเขาเร่งพัฒนากีต้าร์ลำตัวตันของตัวเองขึ้นบ้างและรับติดต่อให้เลส พอล มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และกีต้าร์ Gibson Les Paul ตัวแรกที่ทำออกมาก็คือ GibsonLes Paul Gold Top ปี 1952 หลังจากนั้นก็มีการพัฒนา Gibson Les Paul ออกมาอีกหลายรุ่น อาทิ Les Paul Junior, Special, TV Model และอีกมากมาย แต่มีอยู่รั่นหนึ่งที่อยากพูดถึงก็คือ SGGibson SG ถูกผลิตขึ้นในปีประมาณ '60 หรือ '61 เดิมที Gibson ตั้งใจจะให้เป็นรุ่นหนึ่งของ Les Paul แต่ว่าปู่เลส พอล ไม่ชอบการออกแบบกีต้าร์รุ่นนี้เท่าไหร่ เขาก็เลยขอไม่ให้ใช้ชื่อLes Paul กับรุ่นนี้ ซึ่งทาง Gibson เลยต้องใช้ชื่อว่า SG แบบเฉยๆ แต่กลายเป็นว่า SGเป็นกีต้าร์รุ่นหนึ่งที่ขายดีที่สุดของ Gibson เลยทีเดียว ประจวบกับว่าสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของปู่เลส พอล กับ Gibson หมดลงในปี 1962 พอดีซึ่งตอนนั้นปู่เลส พอลไม่ได้เซ็นต่อเพราะกำลังอยู่ในช่วงทำเรื่องหย่ากับภรรยา (เป็นเรื่องการแบ่งสินสมรสน่ะครับ) เว้นไปจนถึงปี 1966โน่นแน่ะ ปู่เลส พอล ถึงได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ Gibson ก็เลยกลายเป็นว่าในช่วงระหว่างปีประมาณ 1964-1967 Gibson จึงไม่ได้ผลิตกีต้าร์ที่มีชื่อ Les Paul ติดอยู่เลย แต่หลังจากนั้นชื่อ Les Paul ก็อยู่คู่กับ Gibson ตลอดจนถึงปัจจุบันครับ
ปล. Gibson นี่ถือเป็นยี่ห้อคุณภาพอมตะครับ ราคาก็อมตะด้วย คนที่ใช้ยี่ห้อนี้ก็มากมาย อย่างเช่น slash อดีตมือกีต้าร์วง Gun'n'roses
5. PRS
กีต้าร์ PRS บริษัท ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 โดย luthier และนักดนตรี Paul Reed Smith พอลกีต้าร์ตัวแรกของเขาเมื่อเขาถูกท้าทายโดยศาสตราจารย์ด้านดนตรีของเขาในการสร้างหนึ่งสำหรับสินเชื่อพิเศษบางอย่างในขณะที่เขาได้เข้าร่วม Mary 's College เซนต์แมรี่แลนด์ Paul ได้งานที่น่าตื่นตาตื่นใจในกีต้าร์ครั้งแรกของเขาและได้"A"จากอาจารย์ของเขาในทางกลับกัน นี้ทำให้เขาตระหนักถึงความรักของเขากีต้าร์การก่อสร้างและการตัดสินใจที่จะไล่ตามความฝันของเขาและทำให้กีต้าร์สำหรับการใช้ชีวิต
Paul เริ่มต้นปิดช้าในครั้งแรกและได้รับการตกแต่งกีต้าร์อาจจะหนึ่งเดือน เมื่อเสร็จสิ้นกีต้าร์, พอลก็จะทดสอบโดยใช้มันในช่วงหนึ่งของคอนเสิร์ตวงของเขาจะเล่น เขาก็จะทำการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ตามสิ่งที่เขารู้สึกและได้ยินเสียงหรือความคิดเห็นใด ๆ จากเพื่อนร่วมวงของเขาจะให้ ช่วงไม่กี่ปีแรก, Paul ไปถึงการเปลี่ยนแปลงหลายกับกีต้าร์ของเขารวมถึงการออกแบบตัวการออกแบบลูกคอ, headstocks ที่แตกต่างกันและการทดสอบการรวมกันของหลายชนิดของป่าที่จะได้รับเสียงขวานอกจากนี้เขายังเอาความคิดริเริ่มที่จะหาผู้เล่นกีต้าร์บางส่วนที่สำคัญในการลองกีต้าร์ของเขาเพื่อให้ได้คำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเขามีคุณภาพที่ดี Paul นั้นจะแสดงคอนเสิร์ตที่ arenas ท้องถิ่นของเขา 6 หรือ 7 ชั่วโมงก่อนที่คอนเสิร์ตได้เริ่มทำเพื่อเขาจะทำให้เป็นเพื่อนกับ Roadies ส่วนมากของเวลาเมื่อเขาได้เขาก็สามารถไปกลับเวทีได้พยายามที่จะรับผู้เล่นกีต้าร์ลองกีต้าร์ของเขาPaul ได้ทำให้การขายที่อาจจะ 1 ในทุก 10 มือกีต้าร์เขาจะได้รับที่จะพูดคุยให้กับคาร์ลสันเป็นหนึ่งในครั้งแรก นอกจากนี้เขายังให้ข้อเสนอที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้ซื้อของเขา ถึงแม้ว่าเขาดิ้นรนในบันปลายชีวิต, Paul จะสัญญาว่าจะให้พวกเขามีเงินฝากของพวกเขากลับถ้าผู้ซื้อไม่ได้รักกีต้าร์ใหม่ของพวกเขา การรับประกันนี้รวมที่มีคุณภาพและงานฝีมือที่เหนือกว่าก็เป็นกีต้าร์ที่เขาทำง่ายมากสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้โอกาส
หลังจากรวบรวมมากกว่า 50 คำสั่งสำหรับกีต้าร์ของเขาแล้วทำ Paul สองต้นแบบที่จะใช้ในการเดินทางทางธุรกิจทั้งหมดของดีลเลอร์กีต้าร์ของเขายังสามารถหาขึ้นและลงฝั่งตะวันออก เมื่อเขาได้กลับจากการเดินทางธุรกิจของเขาเขามีคำสั่งซื้อเพียงพอที่จะดึงดูดนักลงทุนเพื่อเริ่มต้นการผลิต
กีต้าร์ PRS เป็นที่รู้จักกันเพื่อเป็นผู้นำในการสร้างของระดับไฮเอนด์กีต้าร์ที่มีคุณภาพสูง การเป็นนักดนตรีตัวเอง, พอลรู้ว่าสิ่งที่เสียงดีในกีต้าร์ เป็น luthier, Paul รู้วิธีที่จะนำเสียงที่เป็นกีต้าร์ที่เขาทำให้ PRS ยังมีพนักงาน บริษัท ผู้รับเหมาที่มีความภาคภูมิใจในการทำงานของพวกเขาและส่วนใหญ่นักดนตรีที่ตัวเองเป็น ดังนั้นการควบคุมคุณภาพจะเริ่มต้นกับพวกเขาและพวกเขาทั้งหมดช่วยกัน
ปล. กีต้าร์ยี่ห้อนี้ผมไม่เคยลองเลยนะครับ รู้แต่ว่ามีตั้งแต่ราคา 14000 - หลักแสนกว่า เคยเห็นก็แต่ตอนไปดูคอนเสริตโปเตโต้ เห็นพี่วินเค้าใช้อยู่ เสียงถือว่าคุ้มราคาเลยละครับ
6. Schecter
ร้านซ่อมกีตาร์ Schecter ถูกเปิดขึ้นครั้งแรกในปี 1976 โดยเดวิด Schecter ในแวนนายส์แคลิฟอร์เนีย และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของโรงงานที่ผลิตกีต้าร์จำนวนมากมายขึ้นมาในอนาคต ร้านซ่อมกีตาร์ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ทดแทนและจัดที่สุดทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณในการทำกีตาร์ แต่ไม่ได้มีการสร้างแบรนด์ตัวเอง ในช่วงเวลานั้น ลูกค้าหลักของพวกคือ บริษัท ผลิตกีตาร์ใหญ่กิบสันและเฟนเดอร์
ในที่สุดในปี 1979 Schecter เริ่มทำกีต้าร์ของตัวเองเพื่อจะขายให้กับนักกีต้าร์ทั่วไป การออกแบบอยู่บนพื้นฐานของการออกแบบกีตาร์ Fender และมีราคาแพงมากเพราะส่วนที่มีคุณภาพสูงและจำนวนที่ผลิตได้น้อย ในระหว่างนั้น Pete Townshend ได้ชื่นชอบกีตาร์ Schecter ในทันทีที่เขาได้สัมผัสมัน เพราะตรงทางกับเพลงที่เขาใช้เล่นอยู่Mark Knopfler จากสเตรทส์เป็นศิลปินรายต่อไปสูงที่ชื่นชอบกีตาร์ Schecter เขาจะมาลงเอยกับกีตาร์ Schecter หลายปีที่ผ่านและหนึ่งขายได้ในการประมูล 50,000 ดอลลาร์สำหรับในปี 2004
ในปี 1983 Schecter หมดทรัพยากรและไม่สามารถที่จะผลิตกีต้าร์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดังนั้นบริษัทกีตาร์ Schecter จึงจบลงด้วยการขายบริษัทของพวกเขาให้กับกลุ่มของนักลงทุนเท็กซัสซึ่งเป็นตระหนักดีถึงชื่อเสียงที่ดีของชื่อ Schecter และคุณภาพสูงสุดของกีต้าร์ของพวกเขา รู้นี้เจ้าของคนใหม่คาดว่าจะสามารถที่จะทำกำไรได้ด้วยการขยายการดำเนินงานและการเคลื่อนย้ายของ บริษัท ที่จะดัลลัส, เท็กซัส แต่น่าเสียดายที่การโยกย้ายนี้ทำได้ไม่ดีเพราะพนักงานดั้งเดิมส่วนใหญ่ไม่ย้ายไปที่เท็กซัสและนี้ก็นำไปสู่การออกแบบที่ย่ำแย่ลง รวมถึงคุณภาพที่ต่ำลงจากการออกแบบโดยพนักงานชุดใหม่ กีต้าร์ที่ถูกผลิตในเวลานี้จึงถูกกล่าวถึงในแง่ของสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ แม้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากนี้ แต่ Schecter ก็ยังพยายามที่จะสร้างชื่อเสียงขึ้งใหม่โดยใช้ชื่อของ Yngwie Malmsteen เพื่อรับรองกีตาร์ของพวกเขา พวกเขายังปล่อยรุ่นใหม่หลายคนรวมทั้งกีตาร์สไตล์แคสเตอร์ที่ Pete Townshend เรียกว่า ดาวเสาร์ รูปแบบที่นิยมของพวกเขามาจากพื้นฐานในการออกแบบของรุ่นStratocaster ถึงแม้จะมีการออกแบบใหม่ๆ มาช่วยก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังประสบปัญหาในการระบายของที่ถูกเชื่อว่าเป็นของเกรดคุณภาพต่ำ
ในปี 1987 บริษัท ฯ ได้ถูกซื้อไปโดยผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ Hisatake ชิบูย่า Hisatakeไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเครื่องดนตรี และ ดนตรี เขาเป็นเจ้าของกีตาร์ ESP สถาบันดนตรีในฮอลลีวู้ด เขาย้าย Schecter กลับไปแคลิฟอร์เนียและในไม่ช้านำชื่อเสียงของ บริษัท กลับไปทางที่มันเคยเป็น บริษัท กลับไปใช้วิธีการเดิมของการผลิตที่มีคุณภาพสูง กีต้าร์สั่งทำที่มีราคาสูง กีต้าร์ถูกสร้างขึ้นในจำนวนที่น้อย และแจกจ่ายให้ตัวแทนจำหน่ายที่น้อย
ในปี 1996 Hisatake ได้ทำการว่าจ้าง ไมเคิล Ciravolo .shเป็นประธานของ Schecter ไมเคิลเป็นนักดนตรีที่มีประสบการณ์และเคยเป็นพนักงานที่ทำงานในร้ายกีต้าร์ของ Hisatake Ciravolo จบลงด้วยการที่นำในบางนักดนตรีรายละเอียดสูงเพื่อรับรองกีตาร์ Schecter รวมทั้งโรเบิร์ต DeLeo และฌอน Yseult (Zombie สีขาว) ไมเคิล Ciravolo ยังไม่ชอบการออกแบบสไตล์ Fender เขาจึงพัฒนาออกแบบใหม่ในรูปแบบ Avenger, Hellcat and Tempest เขายังต้องการที่จะผลิตกีตาร์ราคาไม่แพงมากและเปิดโรงงานใน Inchon, เกาหลีใต้ซึ่งในขณะเวลานี้ ไมเคิลสร้างความมั่นใจว่ากีต้าร์ของเขาจะได้รับการผลิตออกมาอย่างมีคุณภาพเช่นเดียวที่ได้รับการผลิตทั้งหมด ส่วนที่ถูกสร้างขึ้นในโรงงานชาวเกาหลีใต้และจากนั้นส่งไปยังร้านค้าของพวกเขาในสหรัฐกีตาร์ที่จะประกอบ นี้จะนำไปสู่การสร้างรุ่น Diamond Series Schecter Guitars
บริษัท กีตาร์ Schecter ยังคงเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งจนถึงทุกวันนี้และเป็นที่รักของนักดนตรีแนว Heavy Metal, Hard Rock and Alternative styles
ปล.ถ้า Gibsonเปรียบเหมือนฝั่งธรรมมะ Schecterก็ถือว่าเป็นอธรรมเลยละครับ เสียงดุ โหด แสบดากมาก กีต้าร์แนว เมทัล ต่างๆ เคยเห็นใช้อยู่หลายคน แต่ผมถูกใจอยู่คนหนึ่งครับตอนนี้เป็นทั้งไอด้อลและกีต้าร์ฮีโร่นั้นคือ Syn,Gates มือกีต้าร์วง A7x นั้นเอง ด้วยราคาที่ไม่แพงมาก ถือว่าคุ้มค่ามากๆครับ
7.Fender
เฟนเดอร์มิวสิคัลอินสตรูเมนต์คอร์ปอเรชัน (Fender Musical Instruments Corporation) หรือ เฟนเดอร์ เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งโดย ลีโอ เฟนเดอร์ เป็นผู้ผลิตกีตาร์ไฟฟ้ารายแรกที่ใช้วิธีการผลิตแบบอุตสาหกรรม และยังได้เป็นผู้ผลิตเบสไฟฟ้าแบบลำตัวตันขึ้นเป็นเจ้าแรกอีกด้วย บริษัทก่อตั้งในปี 1938 เดิมใช้ชื่อว่า เฟนเดอร์อีเลคทริกอินสตรูเมนต์แมนูแฟคเจอริงคัมปะนี (Fender Electric Instrument Manufacturing Company) สินค้าของบริษัทที่มีชื่อเสียง ได้แก่ เฟนเดอร์ เทเลแคสเตอร์ (ปี 1950) เฟนเดอร์ พรีซิชันเบส (ปี 1951), เครื่องขยายเสียงแบบหลอดสุญญากาศเฟนเดอร์ เบสแมน (ปี 1952), เฟนเดอร์ สตราโตแคสเตอร์ (ปี 1954) และเฟนเดอร์ แจสเบส (ปี 1960) ลีโอ เฟนเดอร์ ขายบริษัทเฟนเดอร์ให้กับ โคลัมเบีย บรอดแคสติง ซิสเตม (ซีบีเอส) ด้วยราคา 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ. 1965 ภายใต้การบริหารของซีบีเอส บริษัทได้ขยายสายการผลิตไปในหลายประเทศเช่น เม็กซิโก ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี และยังได้ออกสินค้าเพื่อรองรับลูกค้าที่มีงบประมาณไม่มากนัก ใช้เครื่องหมายการค้า Squier ต่อมาในปี ค.ศ. 1985 กลุ่มพนักงานบริษัทได้รวมตัวกันซื้อหุ้นบริษัทคืนจากซีบีเอส และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เฟนเดอร์มิวสิคัลอินสตรูเมนต์คอร์ปอเรชัน จนถึงปัจจุบัน
ปล. กีต้าร์ Fender เป็นกีต้าร์ที่สมราคามาก มีตั้งแต่ 16000 - 50000 ปัจจุบันมีคนใช้อยู่บางตาพอสมควร(เด็กรุ่นใหม่ไม่เคยเห็นใครใช้)
ผมตั้งกระทู้ไม่บ่อย ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วยนะครับ เครดิต มาจากหลายเว็บมากครับมาเรียบเรียงเอง ต้องอภัยที่แนบเครตดิตไม่ได้นะครับ มันเยอะ สุดท้ายก็ฝากเพื่อนๆ ที่จะซื้อกีต้าร์นะครับ อย่าไปยึดติดกับยี่ห้อ กีต้าร์ทุกตัวมีเสน่ห์ของมันอยู่ต้องไปลองกับมือเท่านั้นครับ จะรู้ว่า ใช่หรือไม่ใช่