มาทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมา Dr.Martens (ซ้ำขออภัยครับ)

 

 

 

 

ตำนาน Dr.Martens เริ่มต้นจากเมืองซีฮอปท์ซึ่งอยู่ใกล้นครมิวนิค ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 1945 ขณะที่ ดอกเตอร์เคลาส์ มาตินส์ (Dr.Klaus Maertens) ได้รับอุบัติเหตุบาดเจ็บที่เท้า ขณะเล่นสกี ณ เทือกเขาแอลพส์ (The Bavarian Alps) ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยพยุง และรองรับน้ำหนักที่ต้องทิ้งผ่านมายังส้นเท้า ขณะที่เหยียบพื้น หรือขณะเดิน เขาจึงออกแบบพื้นรองเท้าที่สามารถรับช่วงสรีระของเท้า เสมือนเป็นเบาะที่อัดอากาศอยู่ด้านใน (Air Cushioned) โดยการใช้แผ่นยางเก่าๆ มาประกบชิดกันระหว่างชั้นให้มีช่องดักอากาศอยู่ภายใน ทำให้สวมใส่สบายทั้งยังเป็นการปฐมพยาบาลขั้นต้นสำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บที่เท้าอีกด้วย

 

 

เขาได้โชว์ต้นแบบพื้นรองเท้าอันนี้ให้กับเพื่อนนักประดิษฐ์ นั่นคือ ดอกเตอร์ เฮอร์เบิร์ต ฟังค์(Dr.Herbert Funck) เพื่อพิจารณา ก่อนจะตัดสินใจร่วมกันพัฒนา และผลิตรองเท้าประเภทนี้ต่อไป

ต่อมาในปี 1959 ดอกเตอร์ เฮอร์เบิร์ต ฟังค์(Dr.Herbert Funck) และดอกเตอร์ เคลาส์ มาตินส์ (Dr.Klaus Maertens)ตัดสินใจที่จะหาบริษัทผู้ผลิต และจัดจำหน่ายรองเท้าของพวกเขา พร้อมทั้งชื่อของ

แบรนด์ว่า Dr.Martens ณ จุดเริ่มต้น โรงงานหลายแห่งได้ปฏิเสธ แต่ในที่สุด กลุ่มบริษัท อาร์ กริกส์(The R.Griggs Group)ตั้งอยู่ที่ ตำบล วอลลาสตัน(Wollaston) ประเทศอังกฤษ ได้รับผลิตผลงานของพวกเขาโดยผลิตรองเท้าบู๊ท คู่แรก ที่มีวิวัฒนาการฟื้นรองเท้าแบบ Air Cushioned

ในวันที่ 1 เมษายน 1960 นับเป็นวันถือกำเนิดของรองเท้าบู๊ท Dr.Martens 1460 และนับเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญของ Dr.Martens และถือเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงถึงความเป็นชาวสังคมอังกฤษด้วยรูปลักษณ์ง่ายๆ บวกกับคุณภาพที่ทนทานต่อการใช้งานหนัก นับจากนั้นเป็นต้นมา รองเท้า Dr.Martens ก็ได้มีการวิวัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้รับความนิยมและแพร่หลายอย่างรวดเร็ว นับจากสังคมกลุ่มคนทำงานหนัก กลุ่มตำรวจ กลุ่มคนทำงานไปรษณีย์ และล่าสุด ได้แพร่หลายสู่กลุ่มวัฒนธรรมของคนหนุ่ม-สาวที่มีเอกลักษณ์และสไตล์ที่โดดเด่นเป็นตัวของตัวเอง

จวบจนกระทั่งปัจจุบัน นับเป็นเวลายาวนานกว่า 45 ปี ความสำเร็จดังกล่าวก็ไม่ได้หยุดยั้งอยู่กับที่ Dr.Martens ทั้งในด้านการพัฒนารูปลักษณ์ผนวกกับนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อผสานกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยได้นำเอาบู๊ทคู่แรก รุ่น 1460 มาเป็นต้นแบบในการพัฒนาและถือเป็นสัญลักษณ์ของผู้สวมใส่ เพื่อแสดงออกถึงความเป็นอิสระ ความเป็นเอกลักษณ์ และความเป็นตัวเป็นตนของตนเอง

 

จุดเปลี่ยนสำคัญของ รองเท้ายี่ห้อนี้เริ่มต้นในปี 1959 เมื่อ Dr. Klaus Martensและ Dr. Herbert Funck ได้ร่วมพัฒนาและผลิตรองเท้า โดยยึดแบบพื้นรองเท้าที่ ดร.มาร์ตินส์ได้ออกแบบไว้หลังจากประสบอุบัติเหตุจากการเล่นสกี พื้นรองเท้านี้สามารถรับช่วงสรีระของเท้า เสมือนเป็นเบาะที่อัดอากาศอยู่ด้านใน (Air Cushioned) โดยการใช้แผ่นยางเก่าๆ มาประกบชิดกันระหว่างชั้นโดยให้มีอากาศอยู่ภายใน เพื่อช่วยพยุงและรองรับน้ำหนักของเท้า ทำให้เกิดความรู้สึกนุ่มสบายเวลาเดิน

จนกระทั่งวันที่ 1 เมษายน 1960 ซึ่งเป็นก้าวแรกของรองเท้าชื่อดังยี่ห้อนี้ เปิดประเดิมด้วยรุ่น Dr. Martens 1460 ขณะเดียวกันก็นับเป็นก้าวสำคัญในอังกฤษอีกด้วย จากที่เมื่อก่อนกลุ่มเป้าหมายเป็นเพียงแค่ผู้มีปัญหาสุขภาพเท้าในเยอรมนี ผู้ผลิตต่อยอดพุ่งตรงไปที่กลุ่มคนทำงานในอังกฤษที่มอง
หารองเท้าที่สวมใส่สบาย ราคาสมเหตุสมผลและคุณภาพดี
 

หลัง จากการแจ้งเกิดใน 1960 เพียงไม่กี่ปีต่อมารองเท้าดร.มาร์ตินส์ รุ่น 1460 ก็ขึ้นแท่นเป็นแฟชั่นสำคัญที่ขาดไม่ได้โดยเฉพาะในหมู่นักดนตรี และจวบจนบัดนี้รองเท้ารุ่นดังกล่าวขายไปแล้วมากกว่า 100 ล้านคู่ ในดีไซน์และแพทเทิร์นที่แตกต่างกันไปถึง 250 แบบ

ในปี 2002 มีการย้ายฐานการผลิต รองเท้าดร.มาร์ตินส์ส่วนใหญ่เดินทางออกมาจากสายพานการผลิตของโรงงานในเอเชีย มีเพียง 50 คู่ที่ยังคงผลิตที่วอลลาสตัน ประเทศอังกฤษทุกๆวัน โดยฝีมือของช่างทำรองเท้าประมาณ 10 คนด้วยเครื่องจักรรุ่นเก่า

ความ นิยมในรองเท้ายี่ห้อนี้ซึ่งก้าวเข้าสู่ปีที่ 51 ยังคงต่อเนื่อง เพราะทุกวันนี้ร้านรองเท้าดร. มาร์ตินส์ ในย่านแคมเดน ของกรุงลอนดอน ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์นี้ที่แฟนๆทุกวัยจากทั่วโลกแวะมาเยี่ยมเยือน

****ส่วนตัว เจ้าของกระทู้ ใส่คู่ 1460 Crazy House คร้าบ ที่ใส่บ่อย 

 

อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.newswit.com/biz/2005-10-19/bc610e5a9424983b132ad1883ddcdd1f/

ที่มา: http://www.newswit.com/biz/2005-10-19/bc610e5a9424983b132ad1883ddcdd1f/
 
Credit: http://men.postjung.com/719598.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...