ในเมืองไทยเรา การข้ามถนนถือเป็นเรื่องลำบากยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวง เนื่องจากผู้ขับขี่รถยนต์ต่างมองว่า เมื่ออยู่บนถนนรถยนต์ต้องมาก่อนเสมอ
ต่างกับประเทศที่เจริญแล้ว ที่หากผู้ขับขี่เห็นว่ามีคนกำลังต้องการข้ามถนน รถทุกคันก็จะชะลอความเร็วลงและหยุดให้คนข้ามไปก่อน
ซึ่งประเทศในทวีปยุโรป มักมีกฏหมายระบุไว้ชัดเจน ว่าหากไม่หยุดรถให้คนข้ามถนนบนทางม้าลาย อาจถูกปรับเป็นเงินถึง 300 ยูโร หรือราว 12,600 บาทเลยทีเดียว
ในบางประเทศอย่างสิงคโปร์ การข้ามถนนในที่ห้ามข้าม ถือว่ามีความผิดเช่นกัน โดยถูกปรับเป็นเงิน 500 เหรียญหรือราว 12,500 บาท แต่หากมีครั้งที่ 2 จะถูกจำคุกสูงสุดถึง 3 เดือนเลยทีเดียว
ส่วนกฏหมายไทยเราระบุไว้ชัดเจนว่า หากขับรถชนคนข้ามจนได้รับบาดเจ็บ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือหากชนคนเสียชีวิต ผู้ขับต้องโดนข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี โดยยังไม่รวมค่าเสียหายในทางแพ่ง
พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 104 ระบุไว้ว่า ภายในระยะไม่เกิน 100 เมตร นับจากทางข้าม ห้ามมิให้คนเดินเท่าข้ามทางนอกทางข้าม นั่นหมายความว่า หากมีทางม้าลายหรือสะพานลอยในระยะ 100 เมตรจากจุดที่จะข้าม เราจำเป็นต้องเดินไปข้ามยังทางม้าลายนั้นๆ
ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ควรพึงระลึกไว้เสมอว่า หากเกิดอุบัติเหตุรถชนคนขึ้นมา ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายประมาทก็ตาม แต่ผู้ที่ถูกชนอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตได้ ในขณะที่ผู้ขับขี่อาจเสียหายเพียงแค่ทรัพย์สินเท่านั้น ผู้ใช้รถจึงควรระวังคนบนถนนเป็นพิเศษ หากคิดว่าสามารถหยุดรถได้ โดยไม่เสี่ยงต่อการชนท้าย ก็ควรหยุด หรือหากพบว่าเสี่ยงเกินไปที่จะหยุดรถ ก้อควรให้สัญญาณแตรเล็กน้อย เพื่อเป็นการเตือน พร้อมชะลอความเร็วลงด้วย เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดจะได้แก้ไขทัน
มีน้ำใจให้กันอีกสักนิด คนและรถจะได้ใช้ถนนร่วมกันอย่างปลอดภัยไงครับ
การมีน้ำใจต่อผู้อื่นไม่ใช่ที่น่าอาย