อาหารคลายอาการอ่อนเพลีย
หลายๆ คนอาจประสบปัญหากับอาการการอ่อนเพลียโดยส่วนมากจะเกิดจากการทำงาน วันนี้เราจะมาพูดถึงการรักษาอาการอ่อนเพลียที่เกิดจากชีวิตประจำวันของเราด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารช่วยให้ร่างกายของเรากลับมาฟิตอีกรอบ O_o"
สารอาหารที่สำคัญ
จริงๆ แล้วสารอาหารทุกๆ อย่างมีผลทำให้ร่างกายของเราอ่อนเพลียถ้าหากขาดมันไป แต่สารอาหารที่ส่งผลต่อความอ่อนเพลียโดยตรงก็จะมี วิตามินซี วิตามินบี ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม เป็นต้น
วิตามินซี อาหารที่มีวิตามินซีสูงจะช่วยแก้ไขร่างกายอ่อนเพลีย โดยวิตามินซีจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานต่อต้านการติดเชื้อ และมีส่วนในการแปลงสารในสมองที่ควบคุมการหลับ อาการซึมเศร้าและความเจ็บปวด
วิตามินบี เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการผลิตพลังงานจากสารอาหาร ได้แก่ บี 1 บี 2 บี 6 กรดแพนโทธีนิค และอะไนซิน โดยสารอาหารกลุ่มนี้หากขาดตัวใดตัวหนึ่งก็อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง นอนไม่หลับ แต่หากได้รับ วิตามินบี 12 และไบโอติน ไม่เพียงพอก็จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้เช่นกัน
แมกนีเซียม เป็นสารอาหารที่ทำหน้าที่ในการเปลี่ยน ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรตให้เป็นพลังงานซึ่งแน่ล่ะ การขาดพลังงานก็จะทำให้อ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง
ธาตุเหล็ก ตัวนี้จะช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อของร่างกายส่วนต่างๆ ถ้าหากธาตุเหล็กน้อยเกินไปก็จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีสารอาหารตัวอื่นๆ ที่ยังมีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ วิตามินอี โซเดียม สังกะสี เป็นต้น
อาหารแก้อ่อนเพลีย
มีอาหารมากมายหลายชนิดที่มีสารอาหารพวกนี้อยู่ ผมจะยกตัวอย่างที่หาได้ง่ายๆ ทั่วไป >>
วิตามินซี : ฝรั่ง กีวี สับปะรด กระหล่ำดอก บรอกโคลี น้ำมะนาว กล้วย สตรอเบอร์รี่ มะเขือเทศ มะละกอ พริกหวาน เป็นต้น
วิตามินบี : ไข่ ถั่ว นม เนื้อสัตว์ ปลา งา เป็นต้น
แมกนีเซียม : ถั่ว ผักใบเขียว แครอท ฟักทอง สับปะรด เนื้อสัตว์ นม ไข่ ปลา เป็นต้น
ธาตุเหล็ก : เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ตับ งา มะเขือเทศ กระเพรา ถั่วฝักยาว พริกหวาน เป็นต้น
เป็นยังไงกันบ้างคร้บ อาหารง่ายๆ ใครที่รู้สึกอ่อนเพลียก็เตรียมคิดเมนูอาหารมื้อต่อไปได้เลย
ยังไงก็ดีครับ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่จะเป็นการดีที่สุด เนื่องจากจะทำให้เราได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ร่างกายของคุณก็จะไม่อ่อนเพลียแน่นอน
เกมออนไลน์แนววางแผนที่สามารถเอาเงินในเกมออกมาใช้จริงได้
http://mgonline-th.blogspot.com/2013/10/market-glory-online-strategy-game.html
ที่มา: http://healthycarewow.blogspot.com/