Amazon : ความเร้นลับแห่งป่าดงดิบ

โลกเรานี้มีป่าดงดิบอยู่หลายแห่ง แต่ไม่มีป่าดงดิบใด จะกว้างใหญ่ไพศาล และคงความบริสุทธิ์ยิ่งไปกว่าป่า อเมซอน (Amazon) แห่งอเมริกาใต้ มีเรื่องราวหลายหลาก ที่ซ่อนเร้นอยู่ในป่าดิบแห่งนี้

ป่าอเมซอนกินเนื้อที่กว้างถึง 2 ใน 5 ของ อเมริกาใต้ ครอบคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของบราซิล ที่เหลือนั้นแผ่เข้าไปในอีก 8 ประเทศใกล้เคียง คิดเป็นเนื้อที่ป่าได้ราว 2.5 ล้านตารางไมล์ (6.4 ล้านตารางกิโลเมตร) ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ขนานกับเส้นศูนย์สูตร และสิ่งที่แบ่งป่า ออกเป็นตอนเหนือกับตอนใต้ ก็คือ แม่นํ้าอเมซอน



ซึ่งมีต้นนํ้าอยู่ที่เทือกเขา แอนดีส (Andes) ของเปรู แล้วไหลจากตะวันตกไปตะวันออก เป็นระยะทางถึง 6,400 กิโลเมตร ลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก แต่ที่น่าตื่นตะลึงก็คือ ขนาดปริมาตรของมันที่ไม่มีแม่นํ้าใดเทียมทัน ทั้งนี้เพราะมีแควที่ไหลลงมาสู่แม่นํ้านี้ถึง 1,100 สาย และความกว้างของแม่นํ้าอเมซอน ก็มีขนาดใหญ่มาก ประมาณว่าเหนือจากปากอ่าวขึ้นไปในทวีป 1,000 กว่ากิโล ก็ยังกว้างถึง 10 กิโลเมตร ส่วนความกว้างที่ปากอ่าวปาเข้าไป 320 กิโลเมตร!!


ดังนั้น ปริมาณนํ้าที่พุ่งลงสู่มหาสมุทรจึงมีปริมาตรมหาศาล ดันนํ้าเค็มให้ห่างจากฝั่งออกไปได้ถึงเกือบ 200 กิโลเมตร นอกจากนี้แม่นํ้าอเมซอนยังลึกมาก ว่ากันว่า เรือสินค้าสามารถแล่นทวนนํ้าเข้าไปในแผ่นดินบราซิลได้ไกลถึง 3,700 กิโลเมตร ด้วยเหตุนี้การคมนาคมทางนํ้าในดินแดนนี้จึงมีความสำคัญกว่าทางบกหลายเท่า


และแน่นอน ในแม่นํ้าที่ใหญ่ที่สุดของโลกนี้ก็มีปลาที่ดุร้ายที่สุดของโลกเช่นกัน ซึ่งเรารู้จักกันดีก็คือ ปลาปิรันยา (piranha) ซึ่งมันมีฟันที่คมกริบและกัดเก่ง ว่ากันว่าชาวประมงที่ตกมันได้ และปลดจากเบ็ดโยนไว้ที่ท้องเรือนั้น หลายคนมีนิ้วมือหรือนิ้วเท้าเพียง 9 นิ้ว !!

แต่ถ้าจำเป็นต้องลงไปอยู่ในนํ้า ชาวพื้นเมือง เค้าก็มีเทคนิคเฉพาะตัว ก็คือให้เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา อย่าลอยคอเล่น แล้วท่านจะพ้นภัยจากปิรันยา



สัตว์ในวารีที่น่ากลัวอีกชนิดหนึ่งก็คือ ไคมาน (caiman) จระเข้ขนาดใหญ่ที่สุดของ อเมซอน แต่จริงๆ แล้วมันไม่ดุเท่าใดนัก และตกเป็นเหยื่อของนักล่าที่ชำแหละหนังของมันไปขายได้ราคางาม จนจำนวนของมันร่อยหรอลง 

สัตว์ที่น่ากลัวอีกอย่างก็ อนาคอนดา (anaconda) งูยักษ์ มีผู้เคยพบอนาคอนดาที่ยาวถึง 13 เมตร ในป่าอเมซอนนี้



สัตว์บกที่อาศัยหากินอยู่ตามชายตลิ่งแม่นํ้า อเมซอนนั้นมีหลายชนิด อาทิ

สมเสร็จ (tapir) หุ่นของมันคล้ายแรดผสมม้า หนังหนาถึง 2 นิ้ว ทำให้มันลอยตัวหากินพืชนํ้าตามตลิ่งได้สบาย

คาปีบารา (capybara) สัตว์ประเภทหนู (rodent) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตัวขนาดเท่า หมูนั่นแหละครับ โตเต็มที่ยาวถึงเมตรกว่า และหนักเกือบ 80 กิโล ชอบอยู่เป็นฝูงราว 20 ตัว กินหญ้าและพืชนํ้าเป็นอาหาร

หรือตัว พะยูน (manatee) ตัวอ้วนกลมไร้ขนดูน่าเกลียดน่าชัง แขนขาของมันเหมือนพายทำให้มุดนํ้าดำว่ายได้คล่องเช่นกัน มันมักชอบว่ายคลอไปข้างๆ เรือ จัดเป็นสัตว์ที่มีความเป็นมิตรที่สุดในโลก


อีกตัวหนึ่งซึ่งชอบนํ้า แต่หากินบนบก คือ ตัวกินมด (anteater) ที่อเมซอนนี่จัดเป็นตัวกินมดขนาดยักษ์ (giant anteater) มันจะขุดคุ้ยหามด และปลวกกินในพื้นที่สูงๆ กรงเล็บเท้าหน้าของมันยาวและทรงพลัง ทลายจอมปลวกได้อย่างง่ายดาย แล้วใช้งวงหรือจมูกอันแข็งแรงคุ้ยหาเหยื่อ ลิ้นอันเหนียวหนึบของมันยาวถึง 10 นิ้ว



ทีนี้มาดูสัตว์ที่หากินบนบกจริงๆ บ้าง

อันที่จริงคำว่า "บก" สำหรับป่าอเมซอนนั้นคงใช้ไม่ได้ ด้วยเหตุที่ว่าพื้นที่แผ่นดินนี้เป็นแอ่งราบลุ่มชุ่มไปด้วยนํ้า อย่างที่บอกแล้วว่ามีแควหรือสาขาแม่นํ้าอยู่มากมาย ดังนั้นจึงเกิดนํ้าท่วมทุกปี หรือพูดอีกอย่างว่าท่วมเกือบตลอดปีก็ว่าได้ และพอนํ้าลงก็จะมีนํ้าขังอยู่เป็นหย่อมๆ ซึ่งชนบราซิลเรียกทะเลสาบนํ้าขังนี้ว่า "วาร์ซีอา (varzea)"

แผ่นดินที่ชุ่มฉํ่านั้นมีผลต่ออุณหภูมิของป่า คือค่อนข้างคงที่อยู่ระหว่าง 20-32 เซลเซียส ไม่มีฤดูร้อน ฤดูหนาว หรือฤดูใบไม้ผลิ มีก็แต่ฤดูเปียกกับแห้ง (wet and dry seasons)


เมื่ออุณหภูมิคงที่ ต้นไม้จึงผลัดใบ แตกหน่อแตกตา ผลิดอกออกผล ตลอดเวลาทั้งปี เช่นว่า หลังฝนตกใหญ่ บางทีต้นไม้ก็ชูช่อดอกไสว ราวกับฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้วนั้นเอง พอถึงตอนเที่ยงวันอันอบอ้าว เสียงนกกาเงียบหายไป ใบไม้หุบ กลีบดอกจะร่วงพรูลงดินเหมือนอยู่ในเหมันตฤดู และพอความมืดเข้ามาเยือน อากาศก็เย็นเยียบลงเฉียบพลันจวบจนอรุณรุ่งจึงจะมีความสดชื่นเข้ามาแทนที่อีกครั้ง ชีวิตในหนึ่งวันเป็นดังเหมือนผ่านฤดูกาลทั้งปี


สิ่งน่าอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งของป่าอเมซอน ก็คือ ความมืด เนื่องจากต้นไม้นับล้านๆ ต้น พากันแก่งแย่งแสงแดด มันจึงเติบโตสูงชลูดสุดกู่ และแผ่กิ่งก้านสาขาราวกับมีร่มสีเขียวมหึมากาง อยู่บนยอด ส่วนลำต้นนั้นมีแต่ความเปลือยเปล่าไร้กิ่งก้าน แสงอาทิตย์สามารถส่องทะลุลงไปถึง พื้นดินได้เพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ แลดูสลัวๆ ดุจอยู่ในโบสถ์ทึมๆ  บางต้นไม้ใหญ่จะมีไม้เถาวัลย์ที่เรียกว่า ไลอานา (Liana) ขึ้นเกาะเกี่ยวพันอยู่ราวกับงูตัวยาวเลื้อยขึ้นไปหาแสง สว่างแล้วก็มีไม้พวกรากอากาศคือ อีพิไฟต์ (epi- phyte) เกาะเป็นกลุ่มอยู่บนยอดไม้ใหญ่ อะไรๆ ก็แย่งกันขึ้นไปหาแสงแดด ส่วนล่างนั้น โปร่งเหมือนบ้านใต้ถุนสูงที่มีแต่เสา


ความคงที่ของอุณหภูมิยังทำให้สภาพป่าและพรรณไม้ดำรงอยู่ โดยไม่เปลี่ยนแปลงมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ป่าในยุโรปหรืออเมริกาเหนือนั้นอายุแค่ราว 11,000 ปี แต่ป่าดงดิบอเมซอนมีมากกว่า 100 ล้านปีแล้ว!!


เป็นป่าเดียวที่หลงเหลืออยู่ให้ใครๆ ได้สัมผัสถึงอดีตอันไกลโพ้น และด้วยอายุอันยาวนาน จึงมีสรรพสิ่งถือกำเนิดและวิวัฒนาการมากมายหลาย หลากยิ่งกว่าป่าใดในโลก ยกตัวอย่างเช่น ปลาหลายชนิดเคยเป็นปลาทะเลที่เปลี่ยนมาอยู่ในนํ้าจืด รวมแล้วในแม่นํ้าเครืออเมซอนมีปลาถึงกว่า 3,000 สกุล (species) เทียบกับแม่นํ้ายุโรปที่มีเพียงแค่ 150 สกุล


แต่น่าประหลาดที่สัตว์ใหญ่บนบกกลับหาดูได้ยาก จากความที่พื้นดินไร้แสงแดด จึงมีพืชน้อย สัตว์กินพืชจึงน้อย สัตว์กินเนื้อ (ซึ่งกินสัตว์กินพืช) ก็เลยน้อยไปด้วย

สัตว์ต่างๆ ที่ดำรงชีพในป่าอเมซอนได้นั้นเป็นเพราะมีการปรับตัว ให้เข้ากับสภาพสิ่งแวดล้อมของป่า หลายชนิดปีนป่ายขึ้นไปอยู่บนยอดไม้สูง หลายชนิดหัดว่ายนํ้าเพื่ออาศัยอยู่ริมตลิ่งอันอุดมด้วยพืชผัก



เจ้าลิงขนปุย (woolly monkey) ตัวจิ๋ว ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนยอดไม้ มันจะใช้ หางเกี่ยวโยนตัวจากกิ่งนี้ไปกิ่งโน้นอย่างรวดเร็ว หางของมันก็คือ แขนขาที่ 5 นั่นเอง ด้านล่างของหางปราศจากขน และเป็นหนังที่มีลักษณะเดียวกับหนังฝ่ามือฝ่าเท้า

ส่วนเจ้า สล็อธ (sloth) ผู้เชื่องช้า มี 2 ชนิดคือ มี 2 นิ้วกับ 3 นิ้ว มันจะห้อยตัวนิ่งไม่ เคลื่อนไหว แขวนอยู่กับกิ่งไม้ต้นเดียวเป็นปีๆ อาศัยเพียงแค่กรงนิ้วอันทรงพลังจับยึดกิ่ง จนมันเดินไม่เป็น นานนักหนากว่ามันจะลงดินมาสักครั้ง ซึ่งมันต้องคลานไปด้วยท้อง เห็นมันนิ่งๆ อย่างนั้นแต่ปลอดภัยจากศัตรู เพราะพวกตะไคร่เขียวๆ จะเกาะติดขนและอำพรางตัวของมันไว้ อีกทั้งการห้อยอยู่ใต้กิ่งไม้ก็ทำให้เสือที่ไต่กิ่งมาขยํ้ามัน ต้องหกคะเมนตีลังการ่วงลงมา



ความจริงอเมซอนมีทุ่งราบสูงอยู่หย่อมหนึ่งที่ชื่อ ซาวานนาห์ (savannah) สัตว์ที่อาศัยอยู่ได้ก็มีเสือภูเขาปูม่า (puma) กับเหยื่อของมันคือกวาง นอกจากกวางแล้วเจ้าปูม่ายังจับลิงกับนกกินเป็นภักษาหารด้วย มันกระโจนหนเดียวได้ไกลถึง 7 เมตร และโดดได้สูงถึง 5 เมตร อย่างง่ายดาย มันไม่ค่อยได้ไต่ต้นไม้ ต่างจากเสือจากัวร์ ซึ่งเป็นนักกินเนื้อพวกเดียวกับมัน

ส่วนเจ้ากวางมักซ่อนตัวเงียบกริบอยู่ในดงไม้ทึบๆ เกือบทั้งวัน พอความมืดย่างกรายเข้ามา มันจึงจะออกหากินเลาะไปตามริมตลิ่งเคี้ยวหญ้าและวัชพืชยังชีพอย่างระแวดระวัง

Credit: นสพ.ไทยรัฐ และhttp://www.artsmen.net
29 มี.ค. 53 เวลา 01:43 11,278 14 2,426
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...