ที่มาของชื่อบริษัทญี่ปุ่น...
บางครั้งเคยป่ะ... เจอชื่อบล็อคแปลกๆ อีเมล์แปลกๆ ก็อยากถามเค้าเหมือนกันว่ามันมาจากอะไร??
บางคนนี่จะตั้งชื่อบล็อคหรือแค่จะเล่นเกมนี่ติดอยู่ตรงขั้นตอนการตั้งชื่อซะนานเลย (เราเองแหละ) -_-; บางทีได้เกมใหม่มาจะเล่น พอมันถามให้ตั้งชื่อกลายเป็นไปนั่งคิดหนักอยู่สามวัน กว่าจะได้เล่นเกมกับเขา
ชื่อบริษัทกับชื่อสินค้าก็เหมือนกัน บางทีเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าบริษัทเราจะรุ่งหรือจะดับ บริษัทดังๆบางบริษัทนี่บางทีก็ไม่ได้ชื่อนี้แต่แรก แต่ออกสินค้าที่ฮิตขึ้นมาอย่างหนึ่งจนคนเรียกกันชื่อนั้นเลยไปเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นตามชื่อสินค้านั้นก็มี (เช่นกุลิโกะเป็นต้น)
ลองมาดูกันดีกว่าว่าบริษัทใหญ่ๆของญี่ปุ่นนั้นทำไมเค้าถึงได้ตั้งชื่อแบบนี้กันเนอะ... (บางทีเค้าก็ตั้งสั่วๆแบบพวกเรานี่แหละ)
** หมายเหตุ ** จะอ่านสนุกขึ้นหากท่านมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นเล็กน้อย T^T
โคคุโย (Kokuyo) : บริษัทขายเครื่องเขียน มาจากภาษาญี่ปุ่นที่เขียนว่า 国誉 สื่อถึงคอนเซปว่าบริษัทเราเป็นที่น่าภูมิใจแก่ประเทศชาติ (รักชาติจริงๆ)
SHARP : จริงๆแล้วมาจาก Sharp Pencil (ดินสอกด เป็นศัพท์อังกฤษแบบญี่ปุ่น) เนื่องจากตอนแรกผลิตดินสอกดขาย @_@; (แล้วมาขายเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ไง...)
Yanma : ตอนแรกเป็น トンボ印 (ทอมโบะจิรุชิ แปลว่า ตราแมลงปอ @_@;) ต่อมาแมลงปอตัวใหญ่ขึ้นเป็น オニヤンマ (โอนิยันมะ) เลยดึง `ยันมะ` มาเป็นชื่อเลย
Hachiban Ramen : ตอนก่อตั้ง ร้านอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 8 เลยชื่อร้านหมายเลข 8 ซะเลย ไม่ใช่ว่าเปิดมา 8 ร้านแล้วเจ๊งไปซะ 7 -_-;
Bandai : มาจากชื่อบริษัทที่ก่อตั้งแต่แรกเป็นคันจิว่า 萬代屋 (บันไดยะ) ซึ่งมาจากคำว่า 萬代不易 (บันไดฟุเอกิ) มีความหมายว่า `สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดกาล`
Pioneer : ชื่อสินค้า Dynamic Speaker ที่ผลิตวางขายเมื่อปี 1938 เลยตั้งเป็นชื่อบริษัทซะเลย
คาลบี้ : แคลเซี่ยม (カルシウム คารุชิอุมุ ) + วิตามินบี เลยเป็นคารุบี (คาลบี้)
Sega : มาจากภาษาอังกฤษว่า Service Game @_@;
Pentel : Painting หรือ pen + Pastel เลยออกมาเป็น Pentel
Duskin : มาจากภาษาอังกฤษ Dustcloth ที่แปลว่าผ้าขี้ริ้ว มาบวกกับ 雑巾(โซคิน) ที่แปลว่าผ้าขี้ริ้วของญี่ปุ่น ออกมาเป็นดัสคิน (ผ้าขี้ริ้ว + ผ้าขี้ริ้ว)
Fumakiraa : เนื่องจากเป็นยาฆ่าแมลง เลยมาจากคำว่า Fly + Mosquito + Killer (บอกกันง่ายเลยว่าฆ่ายุงและเมลงวัน)
คาโอ : ตอนแรกขายสบู่ล้างหน้า 顔石鹸 (คาโอะเซกเคน) เลยตั้งชื่อบริษัทว่า คาโอ แต่เปลี่ยนคันจิให้สวยงามเป็น 花王
Toshiba : แรกเริ่มเดิมทีบริษัทตั้งอยู่ที่โตเกียวชิบะอุระ ก็เลยมีชื่อว่า โตเกียวชิบะอุระเดงกิ (東京芝浦電気) ก็เลยย่อมาเป็น 東芝 Toshiba
Edwin : เนื่องจากสมัยก่อนบริษัทผลิตกางเกงยีนส์ไปรวมตัวอยู่ที่จังหวัดโอคะยามะกัน บริษัททางโตเกียวที่เป็นบริษัทแม่เลยตั้งชื่อต่อสู้ที่มาจากคำว่า 江戸が勝つ (เอโดะ งะ คัทซึ) เอโดะเป็นผู้ชนะ... Edo win.... เป็น Edwin ไป =_=
Olympus : เนื่องจากชื่อเก่าเป็น 高千穂(たかちほ)光学 ทากาจิโฮะ เป็นชื่อภูเขาที่เซียนอยู่กัน ตอนคิดชื่อบริษัทใหม่เลยเปลี่ยนอิมเมจให้เป็นอินเตอร์ เป็นภูเขาที่เทพๆทางตะวันตกเค้าอยู่กัน... คือ Olympus นี่เอง
Lion : อันนี้เป็นเรื่องเล่ากันมา ว่าตอนแรกบริษัท Lion ไม่ได้ชื่อนี้ แต่ตอนผลิตยาสีฟันซึ่งเป็นสินค้าหมายเลย 17 (No.17) ของบริษัทนี้ ปรากฎว่ากลายเป็นสินค้าที่ฮิต ก็เลยตั้งชื่อบริษัทเป็นการอ่าน NO17 กลับจากหลังไปหน้า อ่านได้ว่า Lion @_@; เรื่องนี้ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่เพราะทางบริษัทไลอ้อนได้บอกว่าชื่อไลอ้อนนี้มาจากอิมเมจเขี้ยวของสิงโตที่ดูคมแข็งแกร่ง เหมาะกับบริษัทผลิตยาสีฟัน (แต่ตอนนี้ขายสารพัด) ทว่าทางบริษัทไลอ้อนได้มีการลงทะเบียนลิขสิทธิ์ชื่อสินค้า No17 ไว้เพื่อไม่ให้ใครมาตั้ง เพราะกลัวว่าจะมีหัวหมอมาตั้งแล้วคนอ่านจะเข้าใจผิดว่าเป็น Lion (อันนี้เรื่องจริงเพราะเคยลงในหนังสือพิมพ์โยมิอุริ)
Fujiya : คันจิ 不二家 ต้องการจะสื่อถึงความหมายของบ้านที่ไม่มีหลังที่สอง (คือไม่ซ้ำกับใคร)
Mixi : แต่ก่อนชื่อบริษัทอีเมอคิวรี่ แล้วมาเปลี่ยนเป็น mixi มาจากคำว่า mix ที่แปลว่าผสมปนเป รวมเข้าด้วยกัน กับ i (人) คน เป็น mixi (** คนที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นคงจะรู้ดีว่ารากศัพท์คันจิอิเฮง イ จะมีความหมายว่าคน ตัวอย่างคันจิที่ใช้อิเฮงก็เช่น 仲, 体 เป็นต้น)
SONY : มาจากคำว่า sound ที่แปลว่าเสียงเป็นภาษาละตินว่า sonus แล้วก็เป็น Sonny แต่คำว่า Sonny เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วมีคำว่า son ไปพ้องกับคำว่า son損 ที่แปลว่าสูญเสีย ขาดทุน เลยตัด n ออกตัวนึงให้ออกเสียงว่า sony แทน
Daimaru : โลโก้จะเป็นตัว 大 อยู่ใน ○ (มารุ แปลว่าวงกลม) ผู้ก่อตั้ง อิมเมจว่า ○ คือ天下 (เทงกะ จะว่าไงดี พื้นที่ใต้สวรรค์หรือใต้หล้า ก็คือแผ่นดิน) ส่วนตัว 大 มีตัว 一 ที่แปลว่า หนึ่ง กับ 人 ที่แปลว่าคน สรุปว่าเค้าอิมเมจหมายถึง 天下一 คือเป็นหนึ่งในหล้านั่นเอง
ぱど (Pado) : ย่อมาจากภาษาอังกฤษ Personal Advertisment (パーソナル・アド) ก็ออกมาเป็น Pado บริษัททำโฆษณา
Fancal : มาจาก Fine Chemical
Hoya : มาจากสินค้าตัวนึงที่เป็นรากฐานของบริษัทชื่อ 保谷BK7
Aeon : มาจากภาษาละตินว่า Aion ที่แปลว่านิรันดร์
Izumiya : มาจาก ヤコブの泉 บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของยาคอบ @_@; ออกแนวศาสนา
壱番屋 : Ichibanya หรือ CoCo ichiban ผู้ก่อตั้งต้องการจะบอกว่าถ้าจะกินแกง...ล่ะก็ ที่นี่เป็นอันดับหนึ่ง!
Autobacs : คนอยู่ไทยคงไม่ค่อยรู้จัก เป็นบริษัทคาร์เซอร์วิสที่ขายพวกอะไหล่รถ ยาง ซ่อมรถ เซอร์วิส maintenance ต่างๆ คำว่า Autobacs นั้น...A = Appeal, U = Unique, T = Tire (ล้อรถ), B = Battery, A = Accessories, C = Car Audio และ S = Service
Capcom : มาจากความคิดที่ว่า เครื่องเกมนั้นก็เหมือนคอมพิวเตอร์เครื่องเล็กๆ (Capsule Computer) ก็เลยมาเป็น Capcom
Calpis : ที่ไทยเป็นคาลปิโก้อยู่ช่วงนึง ตอนนี้ไม่รู้คาลอะไร... Cal ก็มาจาก แคลเซียม pis นี่มาจากคำว่า サルピス (ซารุปิส) เป็นภาษาสันสกฤตหมายถึงน้ำส้มหมัก มารวมกันเป็น Calpis
Kikkoman : บริษัทผลิตโชยุชื่อดัง มาจากชื่อภูเขาที่มีศาลเจ้าคะโทริ (อยู่ในจ.ชิบะ) ชื่อ 亀甲 บวกกับสำนวนญี่ปุ่นที่บอกว่า 鶴は千年、亀は萬年Tsuru wa sennen, Kame wa man nen (จะบอกว่าเต่าอายุยืนกว่านำกระเรียนนั่นแหละ) ก็เลยรวมกันเป็น Kikkoman
Canon : คุณโยชิดะ โกะโร่ผู้ก่อตั้งเป็นคนนับถือเจ้าแม่กวนอิมมาก ก็เลยตั้งชื่อว่า Canon (ภาษาญี่ปุ่น คันนง 観音 แปลว่าเจ้าแม่กวนอิม) เวลาเขียนชื่อบริษัทนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นจะไม่ใช้ や ตัวเล็ก (ゃ)ต้องใช้ตัวใหญ่ อย่าลืม -_-;
QP : มาจากคิวปิดอย่างที่เราเดาๆกันน่าจะได้ เพราะมีเด็กแก้ผ้าเวอร์ชั่นต่างๆเป็นโลโก้...
Kyocera : มาจากเกียวโตเซรามิค (ชื่อเก่า)
Kirin : เนื่องจากสมัยก่อนผู้ก่อตั้งเห็นว่าบริษัทเบียร์ต่างประเทศชอบเอาสัตว์มาเป็นโลโก้ ก็เลยเอา คิริน 麒麟 ซึ่งเป็นสัตว์ที่ถือว่าเป็นมงคลมาตั้งแต่สมัยโบราณของจีนมาเป็นโลโก้ (ดูหน้าตาแล้วประมาณกิเลน...)
Konami : ไม่ว่าตลาดจะเจอคลื่นลูกใหญ่ (大波) เข้ามาปะทะ บริษัทของเราก็สามารถเปลี่ยนให้เป็นคลื่นเล็กๆ (小波 โคนามิ) ได้ ก็เลยให้ชื่อโคนามิเลย...
Edit เพิ่มเติม : พอดีมีคอมเม้นต์ที่ #21 จากคุณไม่ใช่สารหนูค่ะ "ขออนุญาตเพิ่มเติมเกี่ยวกับ konami นะครับ
ซึ่งจากที่เคยได้อ่านมา ระบุว่า ชื่อ konami นั้นมาจาก ตัวต้นชื่อสกุลของผู้ที่ริเริ่มก่อตั้งบริษัทอันได้แก่ คุณมาสะ โคสึกิ (KOuzuki) ,คุณโยชิโนบุ นากามะ (NAkama) ,ฮิโระ มัตสึดะ (Matsuda) และคุณโชอิจิ อิชิฮาร่า (Ishihara) ครับ"
คือ... อ่านแล้วดูยังไงมันก็น่าเชื่อถือกว่าค่ะ (กร๊ากกกก) แต่คือไม่ค่อยมีคนพูดถึงเลย ในวิกิพีเดียก็พูดถึงคุณโคทซึกิ คาเกะมาสะคนเดียว ไม่บอกชื่อคนอื่น T^T แต่ถ้าตามไปอ่านประวัติของคุณโคทซึกิ คาเกะมาสะ ถึงจะเจอชื่ออีกสามคนที่เหลือค่ะ m(_ _)m
ส่วนที่โบว์แปลมามาจากเว็บ yurai.jp เป็นเว็บที่บอกที่มาของชื่อบริษัทต่างๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าไปเอามาจากไหน ไปถามจากแต่ละบริษัทหรือเปล่า เพราะเห็นเขาทำลิ้งค์ไปให้ทุกบริษัทเลย @_@;
Koei : เอาซะหน่อย ชอบเล่นมุโซ... มาจากคันจิ 光栄 (โคเอ) ซึ่งเป็นชื่อเก่า ชื่อที่จดทะเบียนก็ยังเป็นชื่อเก่าอยู่ แต่ตอนนี้ใช้คาตาคานะแทนว่า コーエー
Suntory : มาจากชื่อคุณ 鳥井 (โทริอิ) ผู้ก่อตั้ง เป็น Torii ส่วน ซัน มาจากไวน์ตัวนึงของบริษัทที่ทำชื่อเสียงให้คือ 赤玉 (อาคะทามะ แปลว่าลูกสีแดง) ลูกสีแดง = พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ = Sun ก็เลยมาเป็น Suntory เช่นนี้เอง
JEUGIA : อ่านว่าจูจิยะ แรกเริ่มที่เจอกันไม่รู้จะอ่านยังไงเหมือนกัน จริงๆแล้วชื่อเก่าคือ 十字屋 แล้วมาเปลี่ยนคำสะกดให้เป็นฝรั่งเศส JEU แปลว่า เที่ยว เล่น ความสนุกสนาน GIA แปลว่าเขตแดน พื้นที่ ดินแดน ดังนั้นเมื่อมารวมกันก็คือดินแดนหรือพื้นที่ที่สนุกสนาน ให้ความบันเทิง แต่ก็อ่านว่าจูจิยะเหมือนเดิม
Namco : มาจาก Nakamura Manufacturing Company เป็น Na m co
Nintendo : 人事を尽くして天命を待つ、運を天に任せる แปลแบบเว่อร์ๆก็ประมาณได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้มาช่วยเหลือผู้คน เรื่องของโชคนั้นปล่อยให้สวรรค์เป็นคนจัดการ เลยให้ชื่อนินเทนโด้ (สวรรค์ช่างจัดการได้ดีมากเลย)
ยาคูลต์ : ภาษาเอสเปรันต์ (?) Jahurto (ヤフルト) หมายถึงโยเกิร์ต
Yahoo : ตามผู้พัฒนาที่ว่า... Yet Another Hierarchical Officious Oracle
Wacom : ตอนแรกมาจากคำว่า World Communication หรือ World Computing แล้วมาออกเสียงเป็นภาษาญี่ปุ่นย่อเป็น Wocom แต่เพื่อให้ออกเสียงง่ายและความหมายดี เลยเปลี่ยน Wo เป็น Wa (和) ที่แปลว่า Harmony และเรียกชื่อบริษัทว่า Wacom
Bridgestone : อันนี้เจ๋งมาก ผู้ก้อตั้งชื่อคุณอิชิบาชิ (石橋) ตัวคันจิคือหินกับสะพาน แกเลยอ่านจากหลังไปหน้า ทำเป็นภาษาอังกฤษว่าสะพานกับหิน Bridge Stone ซะเลย ง่ายดีแท้...
แล้วมันจะมีบางบริษัทชื่อแปลกๆแบบไม่น่าเชื่อ... อย่างชื่อบริษัทกิวกิวกิวกิวกวีน @_@; (บริษัทไรวะ) คนรับโทรศัพท์ที่บริษัทนี้เคยให้สัมภาษณ์ว่าเวลารับโทรศัพท์บางทีก็งงเหมือนกันว่ากรุพูดไปกี่กิวแล้ว... =_=
อีกบริษัทนึงชื่อมิโยะมารุ เขียนชื่อบริษัทว่า △□○ อ่านว่า มิโยะมารุ (กรุจะอ่านออกไหมนั่น)
อีกบริษัทนึงชื่อบริษัท haihai ก็สงสัยว่าเวลาคนรับโทรศัพท์มันต้องพูดว่า "Hai haihai desu" อีลูกค้าคงงงๆ
บริษัทสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงคือบริษัทที่ชื่อ 株式会社愛があれば大丈夫 (เพียงมีรัก ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง) หะ... คนรับโทรศัพท์มันก็ต้อง "はい、 愛があれば大丈夫です。" (สวัสดีค่ะ หากท่านมีรัก ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงค่ะ) โอว... เมิงมาสอนกรุอีก...
^_^;
ยกมาแต่ที่น่าสนใจและคนไทยน่าจะรู้จัก จริงๆยังมีอีกมากมายหลากหลาย (ยกมาไม่ถึง 10%) ใครสนใจก็ลองไปหาอ่านดูได้ที่ yurai.jp ค่ะ ^_^ (แต่ที่รวบรวมมาไม่ได้หาจากที่นี่ที่เดียวนะคะ m(_ _)m)
http://52crazy.exteen.com/20110430/entry
posted by hayashikisara in Japan