สาระน่ารู้ ตอน อาการปวดท้องประจำเดือนกับ 3 สมุนไพรช่วยบำบัด

 

 

 

 

 

เชื่อว่าคุณผู้หญิงหลายคนเมื่อถึงช่วงเวลาของการมีรอบเดือน คงจะเคยทุกข์ทรมานด้วยอาการปวดท้องอันเนื่องมาจากมีประจำเดือนกันบ้าง โดยบางคนอาจจะเกิดอาการปวดเพียงแค่วันแรกๆ ของการมีรอบเดือน ในขณะที่อีกหลายคนอาจจะเกิดอาการปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถทำงานทำการ หรือดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อาการปวดเหล่านี้จริงๆ แล้ว เกิดมาจากสาเหตุอะไร และการปวดเหล่านั้นจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของร่างกายได้อย่างไร

การปวดท้องประจำเดือน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ปวดแบบหาสาเหตุไม่ได้ กับการปวดแบบมีสาเหตุ  ปวดท้องแบบไม่มีสาเหตุ ที่บอกว่าเป็นการปวดท้องแบบไม่มีสาเหตุนั้น ก็เพราะว่าการปวดแบบนี้ไม่มีการตรวจพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นนั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการปวดบีบเฉพาะวันแรก หรือวันที่สองของการมีประจำเดือนเท่านั้น ซึ่งการปวดลักษณะนี้ถ้าตรวจแล้วก็จะไม่พบความผิดปกติใดๆ สาเหตุการปวดท้องลักษณะนี้ นพ. วิบูลย์ อรรถาธิบายว่า อาจจะเกิดจากสารบางอย่างในร่างกายมีปริมาณสูงกว่าคนทั่วไป ทำให้การบีบตัวของมดลูกเกิดบีบตัวแรงขึ้น หรือบีบแบบผิดปกติ ก็อาจจะที่ทำให้เกิดอาการปวดได้ โดยเฉพาะสารในกลุ่มของ โพรสตาแกรนดิน (Prostaglandin) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในร่างกายของคนเรา ซึ่งถ้าสารนี้หลั่งออกมามากผิดปกติ ไม่อยู่ในระดับที่เหมาะสมก็จะมีผลทำให้ทำให้แต่ละคนปวดไม่ท้องเหมือนกัน บางคนอาจจะปวดน้อย บางคนปวดเยอะ นอกจากนั้นก็ยังมีสารอื่นๆ อีกหลายตัวที่น่าจะมีผลสัมพันธ์ต่อการปวดประจำเดือน แต่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษากันอยู่ การปวดในลักษณะนี้ เมื่ออายุมากขึ้นอาการปวดอาจจะน้อยลงได้ หรือเมื่อมีบุตรที่คลอดตามธรรมชาติ อาการปวดก็จะลดน้อยลง การปวดแบบมีสาเหตุ ลักษณะนี้จะสังเกตได้ง่ายๆ คือ ช่วงที่มีประจำเดือนอาการปวดท้องจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หรือปวดมากจนไปรบกวนคุณภาพชีวิต ซึ่งการปวดแบบนี้ก็มาจากได้หลายๆ สาเหตุเช่นกัน เช่น เนื้องอก ซีสต์ ฯลฯ เมื่อไหร่ถึงจะรู้ว่าเกิดความผิดปกติขึ้นแล้ว

นอกจากการปวดในลักษณะที่อาการปวดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนรบกวนคุณภาพชีวิตแล้ว ยังสังเกตความผิดปกติได้ดังต่อไปนี้

- อาการปวดเป็นมากขึ้นกว่าเดิม จากเดิมปวดพอทำงานได้ ต่อมาอาจจะปวดจนทำงานไม่ไหวจนต้องไปฉีดยา และต่อมาก็ต้องฉีดยาในปริมาณมากขึ้น หรือจากการรับประทานยาแก้ปวดธรรมดา ก็ต้องเพิ่มปริมาณยามากขึ้น หรือต้องพึ่งยาแรงขึ้น
- มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดประจำเดือน แล้วมีอาการถ่ายเป็นเลือด ถ่ายลำบาก หรือปัสสาวะมีปัญหาทุกครั้งที่มีประจำเดือน และเกิดอาการปวดท้อง หรืออาจจะปวดท้องประจำเดือนเป็นประจำแล้วไม่มีบุตร ก็อาจจะแสดงว่าเกิดความปิดปกติขึ้นกับร่างกายแล้ว

ความผิดปกติที่เกิดขึ้น แล้วแสดงออกมาทางการปวดท้องประจำเดือนมากผิดปกติก็อาจจะมาได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติจากการมีบางสิ่งปิดกั้นการออกของประจำเดือน เช่น บางคนมีเยื่อพรหมจรรย์ปิดสนิทจนประจำเดือนไม่สามารถออกมาได้ นอกจากนั้นบางคนอาจจะมีจากสาเหตุจากปากมดลูกตีบตัน, เนื้องอกในมดลูก, เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่, ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก, คนที่เคยขูดมดลูก แล้วเกิดพังผืดในโพรงมดลูก, การใส่ห่วงคุมกำเนิดก็อาจจะทำให้เกิดอาการปวดได้, มดลูกผิดปกติตั้งแต่กำเนิด, ช็อกโกแลตซีสต์, การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ฯลฯ

วิธีการรักษาก็มีหลายอย่างตามลักษณะของอาการ

- กลุ่มที่ปวดแบบไม่มีสาเหตุ ก็สามารถรักษาด้วยการให้รับประทานยา เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้ปวดเวลามีประจำเดือน แล้วแต่ความเหมาะสมของกรณีไป

- กลุ่มที่มีปวดแบบมีสาเหตุ ก็ต้องรักษาตามโรคที่เป็นและวินิจฉัยได้ ถ้าเป็นกลุ่มของอาการที่มาจากเนื้องอก หรือช็อกโกแลตซีสต์ การผ่าตัดก็เป็นตัวช่วยหนึ่งในการรักษา
การผ่าตัดก็มีทั้งการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องธรรมดา ผ่าตัดด้วยวิธีการส่องกล้องผ่านทางช่องท้อง และการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องผ่านทางช่องคลอด ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ เพราะจะไม่เกิดแผลใดๆ กับร่างกายเลย

 3 สมุนไพรช่วยบำบัด อาการปวดท้องประจำเดือน

หลังจากรู้ข้อมูลที่มาที่ไปของการปวดท้องประจำเดือนแล้ว ทีมงานมีข้อมูลสมุนไพร ที่ช่วยบำบัดไม่ให้ปวดท้องประจำเดือน มาให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกันนะคะ

สาวๆ ที่มักพึ่งยาแก้ปวดในการช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนเป็นประจำ ต่อนี้ไปไม่จำเป็นอีกแล้วค่ะ เพียงคุณหันมาทานสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดที่นำมาฝากกันในวันนี้ อาการปวดจำเดือนก็จะหายไปแล้ว

1.ตังกุย

มีผลช่วยในการดูแลสุขภาพของมดลูกผู้หญิงเราโดยตรงทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 และมีกรดโฟลิกสูง ซึ่งช่วยบำรุงเลือดได้อย่างดี ถ้าหากทานเป็นประจำจะช่วยลดอาการปวดท้อง ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ และช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนของผู้หญิงได้อีกด้วย

2.ใบตำลึง

มีแมกนีเซียม และธาตุเหล็ก ที่ช่วยไม่ปวดเกร็งกล้ามเนื้อหรือลดอาการตะคริว จึงมีส่วนช่วยในการลดอาการปวดเกร็งช่วงท้องได้ด้วย นอกจากนี้แมกนีเซียมยังพบได้อีกในเนื้อสัตว์ และตับหมู

3.น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส

ในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสจะมีกรดไขมันที่ชื่อว่า กรดแกมม่า ไลโนเลนิก ซึ่งมีคุณสมบัติลดหรือต้านการอักเสบ ช่วยรักษาระดับฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิง แถมยังช่วยลดอาการปวดเกร็งท้อง ลดการปวดหน้าอก และอาการตัวบวมช่วงก่อนหรือช่วงมีประจำเดือนได้

จริงๆ การทานยาแก้ปวดต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายวัน ไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย ถึงแม้ว่าจะสะดวกรวดเร็ว แต่ว่าวิธีทางธรรมชาติก็น่าจะดีกว่า และไม่ผลข้างเคียงใดๆ ตามมาด้วย

 

 

ที่มา: http://www.sanook.com/
Credit: http://women.postjung.com/717976.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...