เรื่องความไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกัน เถียงกัน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของคู่รักทุกคู่ ซึ่งเชื่อว่าไม่มีใครอยากมาทะเลาะกันหรอก ดังนั้น การหาทางออกของปัญหา คือ เป้าหมายที่สำคัญที่สุด แต่เวลาทะเลาะกันกลับกลายเป็นยิ่งเพิ่มปัญหามากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่ขาดสติ กำลังโมโห จึงทำให้พูดอะไรที่รุนแรงออกไปโดยไม่ทันคิดก่อนพูด ซึ่งมันส่งทำผลให้ยิ่งโกรธกันมากกว่าเดิมอีกด้วย เราจึงนำคำพูดที่ไม่ควรพูดเวลาเถียงกันจาก allwomenstalk.com มาฝากกัน เพราะว่าเป็นคำพูดที่ยิ่งทำให้เรื่องบานปลายและกลายเป็นสงครามเลยก็ว่าได้ มีคำว่าอะไรบ้างไปดูเลยจ้า
1. เลิกกันเถอะ
ประโยคยอดฮิตสำหรับคู่รักเวลาโต้เถียงกัน ทั้ง ๆ ที่ตอนพูดออกไปไม่รู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ แต่ด้วยความโกรธ โมโห คำพูดที่ปราศจากการคิดไตร่ตรอง ส่งผลให้การโต้เถียงกันเฉย ๆ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเลิกรา การย้ายออก การหย่า ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะรู้สึกโมโหหรือเสียใจมากแค่ไหนก็ห้ามพูดออกไปเด็ดขาดเลย เพราะมันเป็นคำที่ทำร้ายจิตใจกันมากจนถึงขั้นแตกหักเลยทีเดียว
2. ฉันไม่เป็นไร
เมื่ออยู่ในเหตุการณ์ทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน สิ่งที่ควรพูดออกไป คือ ความรู้สึกที่แท้จริง สิ่งที่คิดจริง พูดออกไปให้ชัดเจนจะได้เคลียร์กันให้รู้เรื่องว่าปัญหามันคืออะไร และจะหาทางออกกันอย่างไร ถ้าไม่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกหรือความคิดของตัวเอง เอาแต่พูดว่า "ฉันไม่เป็นไร" ปัญหาที่เกิดขึ้นมันไม่ได้รับการแก้ไข และยิ่งสะสมไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบกับความรู้สึกของทั้งคู่ในระยะยาวได้ เพราะฉะนั้น หายใจเข้าลึก ๆ และพูดออกมาโดยไม่ใช้อารมณ์ แต่คุยกันด้วยเหตุผล
3. คุณมันก็แค่
เวลาคนทะเลาะกันมาก ๆ อารมณ์เริ่มเดือด คำตำหนิเริ่มจะกลายเป็นคำด่า และมีแนวโน้มว่าจะเริ่มใช้คำพูดที่รุนแรงมากขึ้น เช่น "คุณมันก็แค่ไอ้โง่" หรือจะเป็นคำอื่นที่ใช้เปรียบเปรยในเชิงด่าทอ ช่วงเวลานี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วไม่ต่างอะไรกับคนเมา ที่นึกจะพูดอะไรก็พูดออกมาหมดด้วยความโกรธแค้น การจะยับยั้งปากตัวเองต้องทำโดยรีบเอาตัวเองออกมาจากสถานการณ์นั้นทันที ไปนั่งพักสงบสติอารมณ์ ให้เวลากับตัวเองในการคิดทบทวนก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่
4. คุณมันก็เหมือนแม่ของคุณนั่นล่ะ
เป็นคำด่าทอที่รุนแรงมากทีเดียว ว่าไปถึงบุพการี ส่งผลให้อีกฝ่ายตอบโต้กลับด้วยคำพูดรุนแรง และความแรงของคำก็จะเพิ่มดีกรีขึ้นไปเรื่อย ๆ สิ่งที่ควรพูด คือ ประเด็นของปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่าเรื่องนิสัยส่วนตัว หรือพูดโดยเปรียบเทียบในทางไม่ดีกับบุพการีของเขา การพูดเช่นนี้นอกจากปัญหาจะไม่ถูกแก้ไขแล้ว ยิ่งเพิ่มปัญหาเข้าไปอีก
5. คุณนี่นะมาสายตลอดเลย
เวลานัดเจอกันแล้วแฟนมาสายบ่อย ๆ ประโยคนี้ต้องหลุดออกมาจากปากคุณเป็นแน่แต่ลองคิดดูให้ดี ๆ นะว่าถ้าเราพูดประโยคนี้ออกไป มันจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการไม่ตรงต่อเวลาได้จริงหรือเปล่า แทนที่จะพูดเช่นนั้น ลองเปลี่ยนมาเป็นพูดความรู้สึกจริง ๆ ของคุณเองดีกว่า เช่น รู้สึกว่าเป็นคนไม่สำคัญ ไม่ได้รับการใส่ใจถึงได้มา สายตลอด ปล่อยให้รอตั้งนาน รวมถึงคอยโทรไปเตือนเป็นระยะ ๆ ว่าให้รีบออกมาได้แล้ว ดีกว่าย้ำว่ามาสายตลอดกาล การบอกความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงออกไปตรง ๆ ทำให้แก้ปัญหาได้ดีกว่า เมื่อเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายแล้วจะได้ไม่ทำอีก
6. ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ
บางคนเวลาโกรธก็นั่งนิ่ง เงียบขรึม ไม่ยอมพูดจาใด ๆ ดังนั้น การจะเข้าไปพูดอะไร ต้องคิดให้ดี ๆ ก่อน ถ้าเห็นเขาหน้าบึ่งตึง เงียบ ๆ ก็ควรปล่อยไว้ อย่าเข้าไปยุ่ง หรือแม้แต่ถามว่า "ทำไมต้องโกรธด้วย" มันจะยิ่งทำให้เขาโมโห และอาจเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องการความสงบและได้อยู่กับตัวเอง คิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ก่อนที่จะเริ่มต้นปรับความเข้าใจกันก็ได้ เมื่อเขาพร้อมเมื่อไหร่ค่อยคุยกัน
7. ทั้งหมดมันเป็นความผิดของคุณคนเดียว
ไม่ควรโทษว่าเขาผิดทุกเรื่องคนเดียว เพราะว่าความจริงแล้วมันก็ต้องมีผิดกันบ้างทั้งคู่นั่นล่ะ อาจจะคนละนิดคนละหน่อย สาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นคุณทั้งคู่ก็มีส่วนร่วมในการก่อให้มันเกิดขึ้นทั้งนั้น การพูดเช่นนี้เหมือนเป็นการโยนความผิดทั้งหมดไปให้แฟนคุณแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาหรือทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาได้เลย ทางที่ดีควรชี้แจง อธิบายว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ปัญหาคืออะไร และช่วยกันหาทางออกจะดีกว่า