เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้รถสิบล้อ ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 80-1917 ลพบุรี ที่บรรทุกฟางมาเต็มคันรถ เพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมกำลังกันช่วยกันเอาน้ำฉีดดับเพลิงที่ลุกไหม้ฟางไว้ เมื่อเพลิงเริ่มสงบเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องปีนขึ้นไปบนรถเพื่อเขี่ยเอาฟางที่อยู่บนรถลงมา และนำน้ำฉีดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เพลิงลุกไหม้ขึ้นมาอีก รวมใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
จากการสอบถามนายพรเจตน์ โชติเวชศิลป์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 336 หมู่ที่ 2 ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี คนขับรถสิบล้อ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถบรรทุกฟางน้ำหนักประมาณ 10 ตัน ออกมาจากสุพรรณบุรี โดยจะมุ่งหน้าไปส่งยังฟาร์มโคนมที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระหว่างที่ขับมาถึงที่เกิดเหตุ ได้มีรถกระบะซึ่งตนจำได้ว่าเป็นรถนิสสัน แบบเก่าสีขาว จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ ขับแซงหน้ารถของตนมาแล้วโยนเหมือนก้นบุหรี่ หรือ ไม้ขีดไฟใส่รถของตน พักเดียวตนก็เห็นว่าไฟนั้นได้ลุกไหม้ฟางบนรถ ตนจึงจอดรถและวิ่งลงมาดู เพื่อจะดับแต่ไม่ทันการ เพราะไฟนั้นลุกลามไหม้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาทีก็ลุกไหม้เต็มทั้งคัน ไฟลุกไหม้มายังตัวรถ เครื่องรถ สลับกับเสียงระเบิดของยางรถยนต์ จนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาช่วยดับ ซึ่งรถก็ไหม้ไปทั้งคันแล้ว ความเสียหายเฉพาะฟางก็ประมาณ 2 หมื่นบาท ยังไม่รวมตัวรถที่ถูกเพลิงไหม้ทั้งคัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพลิงไหม้ในครั้งนี้ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องปิดถนน 1 ฝั่ง