จากการสอบถามเบื้องต้น นางสุนันทา ยอดเสนีย์ อายุ 55 ปี และ นายลำพู ยอดเสนีย์ อายุ 59 ปี ลูกสาวและลูกเขยของผู้เสียชีวิต กำลังเจรจาถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ของทางวัดโพธิ์ศรี หลังเกิดการกีดกันไม่ให้นำศพขึ้นไปทำพิธีฌาปนกิจ ท่ามกลางแขกและเพื่อนบ้านที่มาร่วมพิธีนับ 100 คน
นางสุนันทา เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตคือ นายฝาย สอนทวี อายุ 82 ปี พ่อของตนเอง เสียชีวิตด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้าน เนื่องจากไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะนำศพมาตั้งไว้ที่วัด เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ กว่า 3,000 บาทต่อคืน
หลังจากตั้งศพไว้ที่บ้าน 3 วัน มีกำหนดทำพิธีฌาปนกิจในวันที่ 26 ตุลาคม จึงได้เคลื่อนศพมาที่วัดดังกล่าวและกำลังจะนำศพขึ้นไปตั้งไว้บนเมรุ แต่ปรากฏว่าประตูเมรุถูกปิดล็อกใส่กุญแจเอาไว้ จึงได้ไปสอบถามกับ พระอำนาจ จันทวังโส เจ้าอาวาสวัด แจ้งว่า กุญแจอยู่กับสัปเหร่อ เมื่อไปถามกับ สัปเหร่อละออง อายุ 65 ปี กลับได้รับคำตอบว่า เจ้าอาวาสไม่อนุญาตให้นำศพมาเผาที่วัด สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
นางสุนันทา ยังเล่าต่ออีกว่า ทางญาติพยายามสอบถามถึงเหตุผลว่าเหตุใดถึงไม่อนุญาตให้เผาศพ กระทั่ง นายเกลียว น้องชายของพ่อ ซึ่งเคยเป็นสัปเหร่อของวัดมาก่อน ออกปากอาสาจะทำพิธีเผาศพให้ แต่ก็ถูกขัดขวางและไม่อนุญาติ จนทางญาติเชื่อว่า น่าจะเป็นเพราะไม่ได้จ่ายค่าจ้าง สำหรับพิธีเผาศพ 1,500 บาท จึงถูกขัดขวางดังกล่าว
ในเวลาต่อมา ด.ต.สมชาย พูลผล หลานชายของผู้เสียชีวิต ได้จ่ายเงินส่วนตัวให้กับสัปเหร่อละออง จำนวน 1,500 บาท สัปเหร่อจึงยอมไขกุญแจและเปิดประตูเมรุและนำศพขึ้นไปตั้งทำพิธีได้ตามปกติ ท่ามกลางความมึนงงของหมู่ญาติและแขกที่มาร่วมงาน
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่า ระหว่างพิธีทำพิธีฌาปนกิจศพ เมื่อถึงพิธีทอดผ้าบังสุกุล ปรากฎว่าไฟฟ้าภายในวัดได้ดับอย่างกะทันหัน ต้องประสานงานขอใช้ไฟสำรองและเรียกเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ จนกระทั่งดำเนินพิธีต่อจนเสร็จสิ้น