สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยอาจทำให้ร่ายกายคนเราไม่สบาย ซึ่งก็ต้องรักษาด้วยการพักผ่อนและกินยา แต่ทราบหรือไม่ว่า อาหารก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญ วันนี้จะพาไปพบกับอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเวลาป่วย
"ขนมหวาน" เพราะอาหารจำพวกนี้ มักมีไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูง ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
"เนื้อแปรรูป" จะด้วยวิธีรมควัน หรือปรุงรสด้วยน้ำตาลและเกลือก็ตาม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเช่น "เบคอน" ที่มีสารในกลุ่มไนเตรทสูง การบริโภคในปริมาณมากอาจสะสม และทำให้เกิดมะเร็ง นอกจากนี้ ยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแออีกด้วย
"น้ำส้ม" ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก เพราะคนส่วนใหญ่รับรู้มาตลอดว่าน้ำส้มมีประโยชน์มาก แต่ว่าน้ำส้มที่รับประทานกันส่วนใหญ่มีน้ำตาลมาก ซึ่งน้ำตาลนี้เองที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และยังมีสภาพเป็นกรด เมื่อดื่มในขณะท้องว่างก็จะกัดกระเพาะอาหาร จะยิ่งทำให้ปวดท้องมากขึ้น
"ถั่ว" เพราะถั่วทำให้เกิดเสมหะในลำคอ และอาจทำให้ท้องผูก ซึ่งแม้จะไม่มีผลโดยตรงต่อระบบร่างกาย แต่ก็จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแย่ ไม่สบายเนื้อสบายตัวได้
"เนื้อแดง" ก็เป็นอาหารอีกประเภทที่ส่งผลต่อร่างกายคล้ายกับ "ถั่ว" คือ ทำให้เกิดน้ำมูกและเสมหะ นอกจากนี้ ไขมันในเนื้อยังทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักด้วย
"แอลกอฮอล์" เป็นอีกสิ่งที่ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยง เพราะมีฤทธิ์หักล้างกับตัวยาทุกอย่าง ทำให้การรักษาโรคไม่เกิดผล และตัวแอลกอฮอล์เองยังมีฤทธิ์ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการปวดท้อง
"คาเฟอีน" ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างกายสามารถย่อยได้ยาก การเลิกดื่มชา กาแฟ และเครื่องดื่มคาเฟอีนอื่น ๆ จะทำให้หายป่วยได้เร็วยิ่งขึ้น
"อาหารเผ็ดร้อน" เพราะอาหารที่มีรสเผ็ดจะทำให้เกิดแก๊ส ซึ่งจะทำให้อึดอัดแน่นท้อง ไม่สบายเนื้อสบายตัว
"อาหารที่ไม่ผ่านการปรุง" ก็เป็นอาหารต้องห้ามอีกอย่างสำหรับคนป่วย ทั้งผักสลัดและอาหารอื่น ๆ เพราะนอกจากจะย่อยยาก ร่ายกายต้องทำงานหนักมากขึ้นแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อแบคทีเรียมากยิ่งขึ้น
"ผลิตภัณฑ์นม" ต่าง ๆ ก็เป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะเต็มไปด้วยไขมันโมเลกุลหนักและซับซ้อน ทำให้ย่อยยาก และนอกจากนี้ บางคนยังมีอาหารแพ้นมระหว่างที่ป่วยด้วย
จากประเภทอาหารทั้งหมดที่กล่าวไปนี้ แสดงให้เห็นว่าอาหารการกินเป็นเรื่องสำคัญกว่าที่คิด เพราะฉะนั้น อาการป่วยก็ไม่ควรเป็นข้ออ้างที่จะทำให้คนเราตามใจปากอีกต่อไป
ซ้ำขออภัยค่ะ