เอเจนซีส์ - อุรุกวัยถือเป็นประเทศแรกในโลกที่นอกจากจะทำให้การปลูก และซื้อขายกัญชาถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ยังกำหนดควบคุมราคาขายท้องตลาดให้ต่ำที่สุดเพียงแค่กรัมละ 1 ดอลลาร์ หรือ 30 บาท หลังจากที่กฎหมายผลิตและขายกัญชาคาดว่าจะผ่านการรับรองจากสภาสูงอุรุกวัยในเดือนพฤศจิกายน และคาดว่าจะสามารถทำให้ตลาดการซื้อขายกัญชาในอุรุกวัยที่มีมูลค่าราว 40 ล้านดอลลาร์ สามารถอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ และการลักลอบขนยาเสพติดจะหมดไป เพราะเหตุราคาขายควบคุมถูกกำหนดให้มีราคาเพียงแค่กรัมละ 1 ดอลลาร์
หลังจากสภาล่างอุกรุวัยได้ผ่านกฎหมายผลิตและขายกัญชาในวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ภายใต้การสนับสนุนของประธานาธิบดีอุรุกวัย โชเซ มูจิกา อุรุกวัยจะถือเป็นชาติแรกในโลกที่นอกจากจะทำให้การปลูก และซื้อขายกัญชาถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ยังกำหนดควบคุมราคาขายท้องตลาดให้ต่ำที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งถือเป็นก้าวที่สำคัญของประเทศในการต่อสู้ปัญหาการลักลอบค้ายาเสพติดผิดกฎหมายในย่านละตินอเมริกา และลดความรุนแรงองค์กรอาชญากรรมซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในภูมิภาคนี้
โดยมีการกำหนดให้ราคาขายขั้นต่ำอย่างถูกต้องตามกฎหมายของกัญชาในอุรุกวัยจะอยู่ที่กรัมละ 1 ดอลลาร์นั้น มีเป้าหมายเพื่อแข่งกับราคาขายของตลาดมืดภายในประเทศที่ขายอยู่กรัมละ 1.40 ดอลลาร์
หัวหน้าคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดแห่งอุรุกวัย หรือ NDB โฮเซ คาลซาดา เผยกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอุรุกวัย El Pais ว่า การที่รัฐต้องการให้ตลาดการซื้อขายกัญชาที่อยู่ในที่มืดออกมาอยู่ในที่สว่างภายใต้การควบคุมของรัฐนั้น “จะช่วยให้การซื้อขายนั้นอยู่ในที่ปลอดภัย ได้สินค้าที่ได้มาตรฐาน และข้อสำคัญจะทำให้มีการขายกัญชาตามราคาที่รัฐกำหนดไว้ ซึ่งพบว่ากัญชาผิดกฎหมายที่ลักลอบขนมาจากปารากวัยนั้น ขายในราคา 1 ดอลลาร์ตามท้องตลาด ดังนั้นรัฐบาลอุรุกวัยจะขายในราคาที่เท่ากัน หวังว่าจะทลายธุรกิจลักลอบค้ายาเสพติดข้ามชาติได้ และป้องกันไม่ให้ยาเสพติดตกอยู่ในมือของเยาวชน หลังพบว่าพ่อค้ายาเสพติดตลาดมืดพยายามที่จะให้วัยรุ่นอุรุกวัยเสพ”
อย่างไรก็ตาม ระบบการซื้อขายกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมายในอุรุกวัยต้องใช้เวลาในการรอให้ระบบพร้อมเสียก่อน ซึ่งคงจะใช้เวลาราว 1-2 เดือน หลังจากที่กฎหมายมีผลการบังคับใช้แล้ว ชาวอุรุกวัยจึงจะสามารถซื้อขายกัญชาได้อย่างถูกต้องผ่านร้านขายยาภายในประเทศ “ระบบจะเริ่มทำงานภายในกลางปี 2014 ดังนั้นก่อนหน้านั้นจะยังมีเวลาในการปลูกกัญชาและเริ่มจัดจำหน่ายหลังจากนั้น” คาลซาดาเผยต่อ
นอกจากนี้ชาวอุรุกวัยที่ประสงค์จะทำการซื้อขายกัญชา ต้องลงทะเบียนกับทางการ โดยกำหนดให้แต่ละคนสามารถที่จะซื้อกัญชาได้ 40 กรัมต่อเดือนเท่านั้น “การสูบบุหรี่สอดไส้กัญชา การเสพตามปกติ หรือการผสมในอาหารนั้น มีผลร้ายต่อสุขภาพน้อยกว่ามาก” คาลซาดากล่าวตบท้าย
ซึ่งทาง NDB พบว่ามีจำนวนผู้เสพกัญชาชาวอุรุกวัยอยู่ราว 120,000 คน จากจำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศราว 3.3 ล้านคน ที่ได้เสพกัญชาอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี และจากจำนวนตัวเลขนี้ จะพบว่าจำนวนผู้เสพกัญชา 75,000 คนนั้น เสพสัปดาห์ละครั้ง ในขณะที่อีกจำนวนผู้เสพ 20,000 คนนั้น เสพกัญชาทุกวัน นอกจากนี้ทางหน่วยงาน NDB คาดว่าต้องใช้พื้นที่ราว 49.42 เอเคอร์ ในการเริ่มปลูกกัญชาเพื่อสนองความต้องการของตลาด และรัฐบาลอุรุกวัยจะให้ใบอนุญาตกับบริษัทเอกชน เพื่อสามารถที่จะทำไร่กัญชาในที่ดินของรัฐได้ ซึ่งที่ผ่านมาการเสพกัญชาอย่างถูกกฎหมายนั้นได้รับอนุญาตในอุรุกวัยมานานแล้ว แต่ยังมีการห้ามในการปลูกและซื้อขายยาเสพติดประเภทนี้อยู่ ซึ่งประชาชนชาวอุรุกวัยโดยทั่วไปเชื่อว่ารัฐบาลอุรุกวัยจะเป็นผู้ปลูกและจัดจำหน่ายกัญชา แต่ความจริงแล้วรัฐบาลอุรุกวัยจะทำหน้าที่แทรกแซงเท่านั้น แต่เอกชนจะเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผ่านช่องทางร้านขายยาในประเทศ
ฮวน วาซ วัย 46 ปี โปรแกรมเมอร์ชาวอุรุกวัย และนักรณรงค์เพื่อการซื้อขายและปลูกกัญชาอย่างถูกกฎหมาย กล่าวว่า “ต้นทุนในการผลิตกัญชาในอุรุกวัยอยู่ที่ 50 เซนต์เท่านั้น ดังนั้นจากการที่รัฐบาลอุรุกวัยประกาศว่า ในปี 2014 ประชาชนสามารถซื้อขายกัญชาได้อย่างถูกกฎหมายในราคาท้องตลาดที่ 1 ดอลลาร์นั้น ฟังดูมีเหตุผลมาก” ในขณะที่ในสหรัฐฯที่บางมลรัฐอนุญาตให้มีการขายกัญชาอย่างถูกกฎหมายนั้นมีราคาขายตั้งแต่ 8 ดอลลาร์ จนถึง 17 ดอลลาร์ต่อกรัม วาซ กล่าวต่อว่า “เพื่อนของผมในรัฐโคโลราโดเพิ่งซื้อกัญชาเมื่อวานนี้ในราคาขาย 12 ดอลลาร์ต่อกรัม”
อย่างไรก็ตามนโยบายการทำให้ธุรกิจกัญชาถูกต้องตามกฎหมายนี้ ได้รับการต่อต้านจากนักการเมืองฝ่ายค้านในเม็กซิโก ซึ่งได้ทำโพลสอบถามความคิดเห็นประชาชนชาวอุรุกวัยในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา พร้อมกับอ้างตัวเลขของจำนวนประชาชนที่คัดค้านโครงการนี้กว่า 60%