เข้าใจผิด
คนขับรถแท็กซี่คนหนึ่งขับรถตอนกลางคืน พอดีมีหญิงสาวใส่ชุดขาวโบกรถก็จอดรับ ขณะที่ขับไปเรื่อยตามที่หญิงสาวบอกนั้น หญิงสาวก็ไม่พูดคุยอะไร นั่งอยู่เบาะหลังเงียบๆ คนขับรถมองไปที่กระจกส่องหลัง .......คุณพระช่วย
ในกรอบกระจกนั้นไม่มีใครอยู่เลย เขาใจหายวูบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตัวเย็นวาบทั้งตัว เหยียบเบรคเต็มแรงเกิด จนตัวเขาเองหัวคะมำ เขามองไปข้างหลังอีกครั้ง ไม่เห็นใครเลย พอตั้งสติได้เท่านั้น ก็เหยียบคันเร่งพุ่งออกไปทันที เมื่อออกจากจุดที่เขาเบรคไปเมื่อครู่นี้ได้สักพัก ก็ตั้งนะโม สัมมาอรหัง กุมพระที่แขวนคอไว้มั่น แล้วเพ่งมองที่กระจกส่องหลังอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ สตรีผู้นั้นกลับปรากฏตัวขึ้นมาในกระจกอย่างไม่คาดฝัน มีเลือดไหลเกรอะกรังอยู่ทั้งมุมปากและรูจมูก จ้องตาเขม็งมาที่เขาอย่างเกรี้ยวกราด เหมือนมีความอาฆาตแค้น คนขับนึกในใจว่า
“เอาล่ะวะ เป็นไงเป็นกัน ยังไงก็เจอผีแล้ว”
ค่อยๆ ชลอรถลงจอด แล้วค่อยๆ เหลียวกลับไปถามอย่างสั่นๆ ว่า
“ผะ ผะ พี่ครับ ไม่ทราบเป็นอะไรตายครับ”
หญิงชุดขาว ใบหน้าเปื้อนเลือด ตอบออกมาด้วยเสียงเกรี้ยวกราดว่า
“ตายพ่อ ตายแม่เมิงซิ คนกำลังก้มลงใส่รองเท้าอยู่ เสือกเบรคได้ยังไงวะ เห็นไหม กรูปากแตก เลือดกลบปากเลย ไอ้......”
ที่มาของชื่ออินเดียนแดง..
เด็กชาย ชาวเผ่าอาปาเช่ ท่าทางหงุดหงิดงุนงงสงสัย
เดินเข้าไปหาพ่อ The Big Eagle แล้วเอ่ยถาม
" พ่อ พวกเราชาวอินเดียนแดง ได้ชื่อกันมาอย่างไร ?"
Big Eagle ตอบว่า " ง่ายมากลูก เมื่อมีเด็กเกิดใหม่
เราเห็นอะไรเป็นสิ่งแรก เราก็จะตั้งชื่อของเด็กตามสิ่งนั้น
พ่อจะยกตัวอย่างให้ฟัง"
"เมื่อพี่ ชายคนโตของเจ้าเกิด พ่อเปิดกระโจมออกมา
เห็นหมาป่าสีเทากำลังวิ่งตัดข้าม เนินเขา พ่อจึงตั้งชื่อ
เขาว่า " Running Wolf "
" เมื่อพี่สาวคนโตของเจ้าเกิด สิ่งแรกที่พ่อเห็นคือ เมฆ
ก้อนเล็กๆ ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า พ่อจึงตั้งชื่อเธอว่า
Drifting Cloud"
" และเมื่อพี่สาวคนที่สองของลูกเกิด พ่อมองเห็น
พระจันทร์เต็มดวงสว่างไสว ดังนั้นเธอจึงมีชื่อว่า
Silver Moon " ...................
ทีนี้เจ้า หายสงสัยรึยังละ ฟักกิ้ง ด๊อก..
ใช้ช้อน > >ชายหนุ่ม เข้าไปนั่งทานอาหารในภัตตาคารหรู
> >หลังจากนั่งได้ซักครู่ เค้าชำเลืองไปเห็น บ๋อยที่มาเสริฟ
> >มีช้อนพกอยู่ในกระเป๋าเสื้อ อีกซักพัก
> >บ๋อยอีกคนเดินผ่านมา ยังคงมีช้อน อยู่ในกระเป๋าเสื้อเช่นกัน
> >พอพนักงานเสิร์ฟอาหารเริ่มนำอาหารมาเสริฟที่โต๊ะ
> >เค้ายังคงสังเกตุเห็นอีก ว่าหมอนี่ ก็มีช้อนในพกอยู่กระเป๋า อีกนั่นแหละ
> >อดรนทนต่อไปไม่ไหว เค้าเลยกระซิบถาม " น้องๆ
> >ทำไมพนักงานที่นี่ต้องพกช้อนติดตัวกันทุกคนล่ะหือ" บ๋อยหนุ่มยิ้ม
> >แล้วตอบอย่างภาคภูมิใจ" คืองี้ครับ
> >เมื่อหลายเดือนก่อน ผู้จัดการเราได้จ้างบริษัทที่ปรึกษา
> >มาวิจัยการทำงานและบริการของเรา แล้วพบว่า
> >ลูกค้าของเราจะทำช้อนตกมากกว่า ของอื่น 75% ซึ่งนั่นหมายถึง
> >การทำช้อนตกประมาณ สามครั้ง ต่อชม. ต่อโต๊ะ
>>ดังนั้นถ้าให้ พนักงานเราเตรียมช้อนติดตัวไว้ตลอดเวลา
> >จะลดเวลาที่จะต้องเดินกลับเข้าครัวไปเอาช้อนใหม่ได้
> >ซึ่งจะช่วยลด คนงานได้ 2 คน/เวร ครับ"
> >พอขาดคำบ๋อย ปรากฏว่ามีเสียงโลหะตกกระทบพื้น ที่โต๊ะถัดไป
> >บ๋อยหนุ่มปราดเข้าไปยื่นช้อนในกระเป๋าให้ กับแขกโต๊ะนั้นทันที
> >แล้วหันมายิ้มให้ชายหนุ่ม พร้อมกับอธิบายต่อ"
> >พอเวลาผมกลับเข้าครัวผมก็จะเปลี่ยนเอาช้อนอันใหม่มาเตรียมไว้
> >แทนที่จะต้องย้อนกลับไปเอามาตอนนี้ เห็นมั้ยครับ"
> >"อืมมม เข้าท่าแฮะ" ชายหนุ่มพยักหน้าแบบพึงใจ ในระบบการบริหารที่ยอดเยี่ยม
> >แต่อดซักต่อไม่ได้ "อืมม แล้ว ด้าย เส้นเล็กๆที่พ้นขอบเอวกางเกง นี่
> >ล่ะมีไว้ทำไมล่ะหือ เห็นทุกคนก็มีนี่"
> >คราวนี้บ๋อยหนุ่มค่อยๆก้มตัวใกล้แล้วกระซิบเบาๆ"แหม
> >อันนี้ไม่ค่อยมีใครสังเกตุเห็นนะครับ ท่านเห็นได้ไงเนี่ย
> >อันนี้เราเอาผูกไว้กับเจ้าหนูของเราน่ะครับ เวลาเข้าห้องน้ำ
> >เราสามารถดึงเชือกเส้นนี้ ทำให้ดึงเจ้าหนูออกมาฉี่ลงโถได้โดยไม่ต้องจับ
> >ซึ่งทำให้ประหยัดเวลาในการล้างมือ เพราะว่าจากการวิจัย จะพบว่า
> >ถ้าไม่ต้องเสียเวลาล้างมือ จะช่วยประหยัดเวลาในการเข้าห้องน้ำ ลงได้ 70%
> >ซึ่งเท่ากับลดคนงานได้อีก 1 คนต่อเวร" "โอเค มีเหตุผลดี ว่าแต่ตอนดึงออกมา
> >นี่ไม่ต้องใช้มือจับได้ล่ะ
> >แล้วตอนเก็บ เจ้าหนู เข้าที่ล่ะ ทำไง ล่ะ" พระเอกเราซักต่อ บ๋อยหนุ่ม ยิ้ม
> >แล้วกระซิบเบาๆ " คนอื่นไม่รู้เค้าทำกันยังไง แต่สำหรับผม.... ..............
> >ใช้ช้อน ตักเข้า ครับ"
ไม่เคยนอกใจ(จริงๆนะ)
> >> > ที่ประตูสวรรค์ก่อนที่วิญญาณที่ขึ้นสวรรค์จะเข้าไปในสวรรค์ได้
> >> > จะมีการแจกยานพาหนะเพื่อใช้ท่องเที่ยวในสวรรค์
> >> > โดยฑูตสวรรค์จะเป็นคนพิจารณา วันนี้มีดวงวิญญาณมาใหม่ 3 ดวง
> >> > ฑูตสวรรค์ - เอ้าเจ้าวิญญาณดวงแรกเข้ามาได้
> >> > ตอนมีชีวิตเจ้าเคยนอกใจภรรยาหรือไม่ ?
> >> > วิญญาณ 1 - ท่านฑูตสวรรค์แม้แต่ความคิดข้ายังไม่เคยนอกใจเมียเลย
> >> > ฑูตสวรรค์ - เจ้าเป็นคนดีมากจริง ๆ เอากุญแจรถ Benz ไปเอาไว้ขับท่องเที่ยวในสวรรค์
> >> > ดวงวิญญาณต่อไปเข้ามา > >>> (แล้วถามคำถามเดิม)
> >> > วิญญาณ 2 - ข้านอกใจเมียบ้างเป็นบางครั้งแต่ไม่บ่อย
> >> > ฑูตสวรรค์ - งั้นเจ้าเอากุญแจรถ BMW ไปเอาไว้ขับท่องเที่ยวในสวรรค์
> >> > ดวงวิญญาณต่อไปเข้ามา (แล้วถามคำถามเดิม)
> >> > วิญญาณ 3 - ข้านอกใจภรรยาประจำถ้ามีโอกาส
> >>>ฑูตสวรรค์ - งั้นเจ้าเอากุญแจรถ > TOYOTA ไปเอาไว้ขับท่องเที่ยวในสวรรค์
> >>>และแล้วเวลาในสวรรค์ก็ผ่านไปนานพอสมควร **
> >> > ณ ร้านเหล้าบนสวรรค์ดวงวิญญาณ 1 นั่งดื่มอย่างเมามาย
> >> > และเสียอกเสียใจร้องให้ฟูมฟาย
> >>>ทั้งที่ไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อนในชีวิตเลยจนทำให้เพื่อนวิญญาณ แปลกใจเข้ามาถาม
> >> > วิญญาณ 2, 3 - ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมมานั่งเสียใจขนาดนี้
> >> > วิญญาณ1 - สมัยผมมีชีวิตอยู่ผมไม่เคยนอกใจภรรยาผมเลย
> >> > ดูซิผมถึงได้รถ Benz มาขับเนี่ย แต่เมื่อวานนี้ ผมเจอเมียผมบนสวรรค์นี้
> >> > วิญญาณ 2, 3 - อ้าวก็ดีสิจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง
> >> > วิญญาณ1 - ดีมันก็ดีอยู่แต่เมียผมตอนนี้.....มัน.....ขี่จักรยานอยู่
> >>>โฮ
> >>>โฮ
> >>>โฮ
ในงานแต่งงานงานหนึ่ง ในขณะที่ดื่มกินกันไปได้สักพักใหญ่
พิธีกรในงาน ก็เชิญคู่ บ่าวสาวขึ้นเวทีเพื่อกล่าวอะไรเล็กๆน้อยๆ
เป็นการขอบคุณแขก ที่ให้ เกียรติมาร่วมงานแต่ง
เจ้าบ่าวที่เริ่มจะได้ ที่ก็ขึ้นกล่าวทันที ว่ากันเป็นกลอนเลย
" วัน นี้ดีใจจะได้เมีย
หลัง จากที่ได้เสียกันหลายหน
วัน นี้จะมีเมียเป็นตัวตน
ขอบใจแขก ทุกคนที่มางาน "
พอกล่าวจบ เท่านั้น พวกเพื่อนๆเจ้าบ่าวปรบมือกันเกรียวกราว
ต่างก็พูดกันขรมว่า " มันแน่จริงๆว่ะ...เพื่อนกู "
ฝ่ายเจ้าสาวก็รู้สึกอับ อายและเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง จึงกล่าวขอบคุณ
บรรดาแขกที่มาร่วมงาน ด้วยเสียงหวานๆน่ารักว่า..." เช่นกันค่ะ "
" วัน นี้ดีใจจะได้ผัว
หลัง จากที่เสียตัวมาหลายหน
ใน วันนี้จะมีผัวเป็นตัวตน