8 อันดับเรื่องลวงโลก

8. NESSIE: ไดโนเสาร์แห่งล็อคเนสส์ 

นี่คือดาราอีกตัวที่โด่งดังไปทั่วโลก เจ้าไดโนเสาร์เนสซี่มีคนอ้างว่าพบเห็นบ่อยๆในทะเลสาบล็อคเนสส์ ประเทศสกอตแลนด์ มันจะชู 
คอยาวโผล่ขึ้นจากผิวน้ำขณะกำลังแหวกว่าย บางคนที่มีโอกาสเจอก็ถ่ายภาพไว้ได้ แต่ที่ชัดที่สุด คงจะเป็นฝีมือของ ด็อก ชิลส์ ที่จับ 
ภาพไว้ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.1977 

แม้ภาพนี้จะถูกกล่าวขวัญไปทั่วโลกและทำท่าว่าจะยืนยันได้ว่าเนสซี่มีอยู่จริง แต่แล้วก็ถูกวิจารณ์โดยรัสเซลล์ แองกลิซานี ผู้เชี่ยวชาญ 
การตกแต่งภาพที่ออกมาบอกว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาเป็นเรื่องลวงทั้งเพ มันน่าจะเกิดจากการใช้เทคนิคเก่าๆ โดยหยดสารฟอกสี น้ำยา
ย้อมแล้วป้ายด้วยพู่กัน แถมยังบอกอีกว่า ดูจากภาพแล้วเนสซี่ น่าจะหนักไม่ต่ำกว่า 30 ตัน แต่ทำไมน้ำหนักมันถึงไม่กระเพื่อมเลยซักกะนิด? 
..ภาพนี้ก็เลยถูกบรรจุไว้ในเรื่องลวงโลกจนได้ 


7. DRACULA CASTLE: ปราสาทผีดูดเลือด 

"ประสาทบราน" แห่งแคว้นทรานซิลวาเนีย สถานท่องเที่ยวยอดฮิตของโรมาเนีย ซึ่ง บราน สโตกเกอร์ หยิบไปเขียนนิยายปิศาจดูดเลือด 
และกลายเป็นหนังสยองขวัญเรื่องดัง... ใช่แล้วพี่น้องนี่คือปราสาทแดร็กคิวล่า! ประสาทนี้เป็นของเจ้าชายวลาดที่ 3 ผู้ครองแคว้นวาลาเซีย 
ซึ่งได้รับฉายาวลาด แดร็กคิวล่า(ราชบุตรแห่งมังกร) เขาชิงบัลลังค์ได้ในปี 1456 แล้วปกครองด้วยความโหดเ***้ยม มีเรื่องเล่าว่าเขาสั่งเผา 
ขอทาน คนแก่ คนเจ็บ ไปทั้งเป็นจะได้ไม่มีคนจนก่อปัญหาว่ากันว่าช่วงปี 1456 - 1462 เขาสังหารประชาชนไปราว 4หมื่น - 1แสนคน 
หลายครั้ง เขาก็นั่งเสวยชมการประหารแบบเพลินๆ 

แดร็กคิวล่าถูกสังหารในปี 1476 ขณะถูกทัพเติร์กโจมตี หัวถูกแขวนไว้ที่คอนแสตนติโนเปิล ส่วนร่างแยกไปฝังที่เกาะของตระฉันลสนากอฟ 
ต่อมาเมื่อมีการขุดค้นในปี 1931 กลับไม่พบโลงศพของเขา นั่นทำให้เรื่องนี้ถูกผูกเป็นนิยายผีดิบในที่สุด แม้ปราสาทผีดูดเลือดจะเป็นเรื่อง 
ลวงโลก แต่ชาวโรมาเนียก็ไม่มีใครออกมาโวยวาย เพราะมันทำให้รายได้เข้าประเทศเรียกว่า.. มหาศาล! 


6. MOON HOAX: อพอลโล ปฏิบัติการลวงโลก 



ย้อนหลังไปเมื่อ 7 ปีก่อน เกิดกระแสฮือฮาไปทั่วประเทศไทย เมื่อสารคดี "อพอลโล 11 ปฏิบัติการลวงโลก?" ออกฉายในยูบีซี มันสะกิดใจให้ 
คิดว่า มนุษย์เคยขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์มาจริงหรือเป็นแค่การเซ็ตถ่ายในสตูดิโอ? 

20 กรกฏาคม 1969 ยานอพอลโล 11 นำนักบินอวกาศลงสู่ดวงจันทร์เป็นครั้งแรก นีล อาร์มสตรอง, บัช อัลดรีน และไมเคิล คอลลินส์ 
สองคนแรกได้ลงเหยียบดวงจันทร์ ในขณะที่ไมเคิลยอมเสียสละขับยานอีกลำรอรับเพื่อนอยู่ในวงโคจร ภาพถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก 
แต่มีคนกลุ่มหนึ่งไม่เชื่อเรื่องนี้ บิล เคย์ซิง, ราล์ฟ เรเน่ และบาร์ต ไรเบรลกล่าวหาว่า นาซ่าจัดฉากเซ็ตภาพทั้งหมดขึ้นในสตูดิโอ โดยมี
สแตนลีย์ คูบริก(2001 : A Space Odyssey) รับหน้าที่กำกับ บิลเขียนหนังสือ We never Went To The Moon ก่อนกลายไปเป็นสารคดี 
Conspiracy Theory: Did we land on The Moon? ออกอากาศในอเมริกาเมื่อ 15 ก.พ.2001 และฉายในยูบีซีไปเมื่อ 8 ก.ย.2002 ใน 
สารคดีมีจุดจับผิดอยู่ด้วยกันหลายจุด แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ออกมาเคลียร์ได้หมดทุกจุด 


5. SMOKELESS CIGARETTE: บุหรี่ไร้ควัน ขี้ฮกเบเบ๋! 

ใครที่เคยตั้งใจจะเลิกบุหรี่ โดยหวังจะใช้บุหรี่ไร้ควันมาเป็นตัวช่วยแล้วละก็เลิกคิดได้เลย รู้รึเปล่าว่า นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้เลิกบุหรี่ 
สำเร็จแล้ว กับยังจะยิ่งทำให้ติดงอมแงมมากขึ้นไปอีกแถมเสี่ยงมะเร็งมากขึ้นอีกเท่าตัว! 

เรื่องนี้ยืนยันโดย ดร.วรานันท์ บัวจีบ อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ช่องปากคณะทันตแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ที่บอกว่าคำโฆษณา 
ของบุหรี่ไฟฟ้าไร้ควันคือเรื่องลวงโลกล้วนๆ เพราะความจริงพวกมันก็คือยาสูบที่ไม่ได้เผาไหม้ แต่ใช้การดูดซึมนิโคตินเข้าร่างกายโดยตรง 
บุหรี่ธรรมดาจะมีปริมาณนิโคตินในเลือดสูงสุดแค่ 5 นาทีแรก แล้วจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าบุหรี่ไร้ควันนอกจากจะดูดซึมได้สูงกว่าเป็น 
เท่าตัวแล้ว มันยังอยู่ในกระแสเลือดได้นานกว่าซะอีก แบบนี้ก็เสี่ยงมะเร็งสูงกว่าสิเพื่อนรัก! 


4. แนน อมิตตดา: ป่องลวงโลก 



เรื่องโกหกสุดคลาสสิกอีกเรื่องของวงการบันเทิงไทย เมื่อ แนน อมิตตดา ชินสำเร็จ ออกมาสารภาพทั้งน้ำตาขอโทษสังคมที่เคยกุข่าวเรื่อง 
คลอดลูกสาวชื่อ น้องมันนี่ แท้จริงเพื่อหวังขายพ็อกเก็ตบุ๊ก เพื่อเอาเงิน 6 ล้านไปไถ่บ้านที่กำลังจะถูกยึด 

เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อมีรูปของเธออุ้มทารกว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต พร้อมระบุว่าดาราสาวคลอดลูกชื่อ "มันนี่" พร้อมกันนั้นเธอก็อาศัยจังหวะนี้
ออกรายการทีวีเพื่อบอกเล่าประสบการณ์ความรักแสนโชกโชนในชีวิต ตบท้ายด้วยการโฆษณาพ๊อกเก็ตบุ๊ก "จะต้องลองรัก...อีกสักกี่ครั้ง" 
แม้ผู้คนจะรุมสงสารกันอยู่สักพักใหญ่ แต่หลังจากนั้น มีคนออกมาแฉว่าเธอท้องลม ไม่ได้ป่องจริงอย่างในข่าว จนในที่สุดเธอก็เปิดแถลง
ข่าวสารภาพผิดด้วยน้ำตานองหน้า ขอโทษในการโกหก พร้อมเล่าเหตุจำเป็นเรื่องบ้านที่กำลังจะโดนยึด แต่ก็ยืนยันว่าเธอเคยท้องจริง 
ทว่าโชคร้ายที่เกิดแท้งไปขณะอายุครรภ์แค่ 4 เดือน 

หลังแถลงข่าวได้พักใหญ่ เธอก็ตัดสินใจโกนหัวบวชชีล้างบาป เรื่องโอละพ่อที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เลยกลายเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนบันเทิงว่า 
ความจริงอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น เอ๊ะ.. ทำไมมันเหม่งๆ! 


3. BIGFOOT: ******โต



สิ่งมีชีวิตลึกลับที่เล่าขานจนเป็นตำนาน มันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่สูงถึง 2 เมตร หนัก 130 กก. ขนรุงรังเหมือนกอริลล่า รอยเท้ามันใหญ่ 
เบ้อเร่อก็เลยถูกเรียกชื่ออย่างนั้น เคยมีคนอ้างว่าพบเห็นอยู่ทั่วโลกทั้งในอมริกา(Bigfoot) แคนาดา(Sasquatch) ออสเตรเลีย(Yowie) 
หรือแม้แต่เนปาล(Yeti) แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานยืนยัน 

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1967 โรเจอร์ แพตเตอร์สัน ก็ออกมาบอกข่าวโลกว่าเขาพบ******โตในระยะใกล้แค่ 40 เมตร แถมยังถ่ายหนัง 
ด้วยฟิล์มความยาว 39 วินาทีไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่มันเดินอยู่ริมลำธารในป่าทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย เรื่องนี้สร้างความตื่นตะลึงให้ 
ชาวโลกเป็นเวลานาน แต่แล้ววันหนึ่งหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ออกมาแฉหมดเปลือกว่า แท้จริงแล้วมันถูกจัดฉากขึ้นมา แถมมีบทสัมภาษณ์ 
ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมายืนยัน เริ่มจากฟิลลิป มอร์ริส ขายชุดกอริลล่าให้แพตเตอร์สันในราคา 700 ดอลลาล์ จากนั้น บ๊อบ เฮโรนิมัส ก็เป็น 
ผู้สวมแล้วเดินให้แพตเตอร์สันถ่ายตามด้วย เกร๊ก ลอง ผู้ใช้เวลา 4 ปี รวบรวมข้อมูลเขียนเป็น The Making of Bigfoot มาแฉ ส่วนแพตเตอร์- 
สันเป็นคนเดียวที่ไม่ได้สัมภาษณ์ เพราะกลับบ้านเก่าไปตั้งแต่ปี 1976.. 


2. TONGUE MAP: แผนที่ลิ้นลวงโลก 

แผนที่ลิ้นที่คุณครูสมัยประถมเคยบังคับให้ท่องจำแล้วออกข้อสอบ แท้จริงแล้วมันคือความผิดพลาดในการทดลองเมื่อปลายทศวรรษ 1800 
แต่ก็น่าแปลกใจเหลือเกิน เพราะดูเหมือนกันว่ามันจะไม่มีทางถูกลบออกจากตำราเรียนได้เลย.. พับผ่าสิ! 

ครูเคยสอนว่า มนุษย์รับรสหวานจากปุ่มรับรส(Taste Bud) ตรงปลายลิ้น ,รสเปรี้ยวจากข้างลิ้น ,รสขมที่ด้านในสุดของลิ้น และรสเค็มตาม 
แนวขอบลิ้น แถมยังเอาของเข้าปากให้เราทดลองแล้วบังคับให้เชื่อตามแผนที่(ทั้งที่เราไม่เห็นด้วยเลยซักนิด) ตอนนี้มีหลักฐานยืนยันแล้วว่า 
มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ! 

จากการวิจัยจนถึงวินาทีนี้ ยังไม่มีหลักฐานไหนฟันธงได้เลยว่า ลิ้นแยกระดับความไวในการรับรสชัดเจนขนาดนั้น รสต่างๆ มันเกิดจากสมอง 
ตีความปฏิกิริยาเคมีในปุ่มรับรส ทำให้ประจุไฟฟ้ารวมภายในเซลล์รับรสเปลี่ยนไป เซลล์รับรสก็จะกระตุ้นเซลล์ประสาทให้ส่งสัญญาณไปยัง 
สมองเพื่อตีความ เรารับหลายรสได้พร้อมกัน เหมือนกับที่ดวงตาเห็นรูปร่าง ความสว่าง สีและการเคลื่อนไหวได้พร้อมๆกันในคราวเดียว... 
เพื่อเห็นแก่อนาคตของชาติโยนตำราเล่มเก่าทิ้งได้แล้ว! 

1. นาธาน โอมาน นักลวงโลกกับหนังชื่อรองเท้าแดง



นักลวงโลกที่หน้าทนที่สุด หลังจากที่สายสืบ Pantip ได้ออกหาหลักฐานไป
ทั่ว จนได้หลักฐานต่าง ๆ ที่สามารถเอามายืนยันว่า "อีธานตอแหล"
ภาพยนตร์ที่เค้ากำลังถ่ายทำนั้น อันที่จริงเค้าไม่ได้ถ่ายทำ
และรูปล่ะ ??? Red shoe ??? อันนั้นเป็นแค่ขอเข้าไปถ่ายเฉย ๆ (แสด)
หลังจากนั้นคุณนาธานก็ออกมาตอแล เอ๊ย ไม่ใช่ ออกมาเคลียร์กับผู้สื่อข่าว
ว่าไม่จริงอย่างโน้นอย่างนี้ ทำให้สายสืบ Pantip ต้องค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
จนสามารถบอกได้ว่า นาธาน โอมาน คืออันดับ 1 ของนักลวงโลกที่สร้าง
เรื่องได้แนบเนียนมาก

Credit: http://www.gnv3.net/bbs/?fromuid=3285291
27 มี.ค. 53 เวลา 22:34 10,730 4 60
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...