นักร้องหญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดตลอดกาล

 

 

 

 

 

วันนี้เรามาทำความรู้จักกับบรรดานักร้องหญิงผู้ยิ่งใหญ่ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงและมีอิทธิพลต่อวงการเพลงในแขนงต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จขกท ก็ได้รวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆค่ะ ในที่นี้นักร้องหลายๆท่านพวกเราอาจไม่รู้จักเพราะเป็นรุ่นตำนาน แต่ชื่อของพวกเธอล้วนแล้วอยู่ในHollywood Walk of Fameใน Los Angeles สหรัฐอเมริกา หากไม่มีพวกเธอเราอาจไม่มีเพลงเพราะๆฟังกันอย่างทุกวันนี้ก็เป็นได้ ด้วยพวกเธอได้ทำคุณประโยชน์ให้วงการเพลงมากมาย

 

Aretha Franklin (1942-ปัจจุบัน) : The Queen of Soul, The Queen of Music

อารีธ่า แฟรงคลินเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักเปียโนและนักดนตรีชาวอเมริกาผู้ยืนยงในวงการมากว่าครึ่งศตวรรษ มีเพลงฮิตอย่าง Respect, Chain of Fool, I say a little prayer ผู้หญิงเรียกคนนี้ได้ว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นอัจฉริยะทางดนตรีอย่างแท้จริง เธอเล่นเปียโนเป็นตั้งแต่ 8 ขวบโดยเรียนรู้จากการฟังเท่านั้น และเริ่มร้องเพลงในโบสถ์ตั้งแต่เด็ก อารีธาเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จและมีอิทธิพลต่อวงการเพลงมากที่สุดคนหนึ่ง เธอมีฉายาที่รู้จักโดยทั่วไปคือ"The Queen of Soul" ซึ่งเธอได้ถูกเรียกมาตั้งแต่ยุค60 จนถึงตอนนี้  อารีธ่าได้ตั้งแสตนดาร์ดการร้องเพลงมามากกว่า50ปี ขึ้นชื่อด้วยเทคนิคสไตล์การร้องทีโดดเด่น ช่วงเสียงที่กว้างกว่า3 octaves อัจริยภาพในการถ่ายทอดความรู้สึกและจิตวิญญาณผ่านเพลง และเสียงMezzo-sopranoอันทรงพลังของเธอที่มีอิทธิพลอย่างมากให้แนวเพลง R&B และ Pop นักวิจารย์และผู้เชี่ยวชาญเรียกเสียงเธอว่า "Natural Resource" นักร้องรุ่นแล้วรุ่นเล่าได้แรงบรรดาลใจมาจากเธอ รวมถึงWhitney Houstonด้วย ดังที่Mary J Blige และ Mariah Carey กล่าวว่าอารีธ่าเป็นเหตุผลที่ทำไมผู้หญิงจึงอยากร้องเพลง เพราะอารีธ่านั้นร้องเพลงออกมาด้วยจิตวิญญาณอย่างแท้จริง อารีธ่าเป็นสัญลักษณ์แห่งสิทธิเสรีภาพของผู้หญิงอเมริกันและสิทธิคนผิวสี เธอต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของคนผิวสีผ่านหลายๆเพลงของเธอ อย่างเพลงRespectนั้นแสดงถึงสิทธิของผู้หญิงที่ต้องการการยอมรับไม่ต่างกับผู้ชาย เพลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากและได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของอเมริกาทีเดียว ทำให้คนผิวสีเป็นที่ยอมรับมากขึ้น อารีธ่ามีเพลงฮิตติดBillboard ถึง88เพลง รวมถึง77เพลงใน hot 100 และอันดับ1ในR&B chartsถึง 21เพลง ซี่งมากที่สุดโดนศิลปินหญิง นอกจากดนตรีแนวSoulแล้ว อารีธ่ายังโชว์อัจฉริยภาพทางดนตรีด้วยการร้องเพลงได้ในหลายสไตล์ อาทิ Rock, Gospel, Blues, Pop, R&B และOpera อารีธ่าได้แสดงความอัจฉริยะทางดนตรีอีกครั้งในปี 1994ที่งานแกรมมี ซึ่งเธอได้ถูกขอขึ้นร้องเพลงNessun Norma แทนนักร้องโอเปร่ารุ่นใหญ่อย่างLuciano Pavarottiเพื่อนของเธอ ซึ่งไม่สามารถมาร่วมงานได้ ตอนนั้นเธอมีเวลาซ้อมเพียง20วินาทีเท่านั้น แต่สามารถร้องโอเปร่าออกมาในแบบของเธอและทำได้ดีมากอีกด้วย ทำเอาบรรดานักร้องในฮอลล์ต้องทึ่งกันไปทุกคน อารีธ่าเป็นAmerican Iconที่ได้รับความเคารพอย่างสูงทั้งในวงการเพลงและนอกวงการเพลง ตลอดเวลาทีผ่านมาอารีธ่ามียอดขายอัลบั้มทั่วโลกกว่า75ล้านแผ่น อารีธ่าได้รับรางวัลแกรมมีทั้งหมด18รางวัลรวมถึงอีก2รางวัลเกียรติยศของแกรมมี่ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับเลือกเข้าสู่ Rock & Roll Music Hall of Fame ในปี1987 และเป็นผู้หญิงคนที่2รองจากมาดอนน่าที่ได้รับเข้าสู่ UK Hall of Fame และในปี2012 ได้รับเลือกเข้า GMA Gospel Music Hall of Fame อารีธ่ายังติดอันดับ1ในลิสต์ของ 100 Greatest Singers of All Time และอันดับที่9ในลิสต์ 100 greatest Artists of All Time โดยการโหวตจากเหล่าศิลปิน นักประวิติศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจารณ์จาก Rolling Stone Magazine ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอคือตำนานที่มีชีวิตจริงๆ

 

Ella Fitzgerald (1917-1996) : The First Lady of Song, Queen of Jazz, Lady Ella

อีกหนึ่งตำนานของประวัติศาตร์เพลง ผู้สร้างชื่อให้กับวงการเพลงของอเมริกา เลดี้ เอลล่าเป็นนักร้องเพลงแจ๊สชาวอเมริกันรุ่นบุกเบิกผู้ที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลทางวงการเพลงมากที่สุดคนหนึ่ง เจ้าของฉายา "the First Lady of Song" เธอเป็นที่ยอมรับว่ามีโทนเสียงที่นุ่ม ใส ยืดหยุ่น การเปล่งเสียงอย่างชัดถ้อยชัดคำและเป็นธรรมชาติ มีความสามารถร้องไล่ระดับเสียงได้ถึง 3 octaves และมีความสามารถพิเศษในการร้องแบบScat Singing(เป็นเทคนิคการอิมโพรไวซ์โดยไม่ใช้คำพูดใดๆทั้งสิ้น พูดง่ายๆคือใช้เสียงตัวเองล้วนๆแทนเครื่องดนตรี) นักวิจารย์กล่าวว่าประโยคธรรมดาๆ สามารถฟังให้เพราะจับใจได้หากเลดี้ เอลล่านำไปขับร้อง เลดี้ เอลล่าเป็นนักร้องเพลงแจ้สที่มีชื่อเสียงที่สุดเช่นเดียวกับ Frank Sinatra และ Duke Ellington ด้วยความสามารถและชื่อเสียงของเธอเธอทำให้เพลงแจ้สเป็นที่นิยมกว้างขวางมากขึ้น เสียงและบทเพลงของเธอนั้นจับใจผู้คนมานานกว่าครึ่งศตวรรษ เป็นเวลากว่า59ปีในวงการ เลดี้เอลล่ามียอดขายอัลบั้มกว่า40ล้านแผ่นทั่วโลก ได้รับรางวัลแกรมมี่ถึง13รางวัล ได้รับรางวัล National Medal of Arts จาก Ronald Reagan และรางวัล Presedent Medal of Freedom จากประธานาธิบดี George H.W. Bush

 

Nina Simonne (1933-2003) : Voice of Civil Right Movement

นีน่า ไซม่อนเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักเปียโนและนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน  ผู้มีผลงานเพลงหลากหลายแนวที่สุดคนหนึ่ง เธอเป็นศิลปินแนวหน้าของประวัติศาตร์อเมริกา ผลงานของเธอมีความเป็นโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ทั้ง Jazz, Soul,Folk, R&BและPop นี่น่ามีเสียงแบบContraltoที่ทรงพลัง เสียงของเธอทั้งมีพลังในการขับร้องรวมถึงโทนเสียงที่น่าหลงใหลอย่างมาก Simoneมีงานทั้งงานแสดงสดและอัดเสียงมากกว่า 40 ชุด เพลงของเธอยังขึ้นชื่อว่าร้องได้ยากมากอีกด้วยเพราะต้องใช้เทคนิคที่สูง ทางด้านครอบครัวเธอมีพี่น้องทั้งหมด 8 คนเธอเริ่มเล่นเปียโนในโบสถ์ในย่านท้องถิ่นเธอได้แสดงความมหัศจรรย์ในการเล่นดนตรีโดยเธอได้เล่น คอนเสิร์ตเดี่ยวเปียโนตั้งแต่อายุ 10 ขวบในระหว่างการแสดงนั้นพ่อแม่ของเธอที่นั่งแถวหน้าถูกบังคับให้ย้ายไปชมอยู่จากด้านหลังเพื่อเปิดทาง ให้พวกคนผิวขาวเข้ามาดู เธอจึงประท้วงโดยการไม่เล่นจนกว่าพ่อแม่ของเธอจะได้กลับมานั่งที่เดิมจากเหตุการ์ณนั้นมีส่วนทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิมนุษยชน โดยใช้ดนตรีและบทเพลงเป็นสื่อกลางเช่นเดียวกับ Aretha Franklin

 

Etta James (1938-2012) : Miss Peaches, Blues Goddess

เอตต้า เจมส์เป็นนักร้องชาวอเมริกัน เป็นที่ยอมรับว่าเป็นนักร้องbluesและjazzที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง สไตล์การร้องเพลงของเธอนั้นหลากหลายมากรวมไปถึง Blues, R&B, Soul, Rock & Roll, Jazz และ Gozpel โดยมีเพลงที่ขึ้นชื่ออย่างเพลง At Last, The WallFlower, I'd rather go blind ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกนำมาร้องใหม่โดยนักร้องรุ่นหลังมากมายโดยเฉพาะเพลงAt Last เอตต้า เจมส์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ผสมผสานดนตรีแนว Blues, rock&roll และ rythmeให้เข้าด้วยกันได้ ด้วยเสียงcontraltoอันทรงพลัง เทคนิคการร้องที่โดดเด่นและน้ำเสียงที่สะกดอารมณ์ เอตต้าจึงเป็นแรงบรรดาลใจให้นักร้องมากมาย เช่น Rolling Stones, Janis Joplin, Adele, Amy Winehouse, Diana Ross, Rob Stewart, Joss Stone, Christina Aguilara และอีกมากมาย ตลอดเวลาในวงการเอตต้าได้รับรางวัลแกรมมี่6รางวัล Blues Awards 17 รางวัล เธอยังได้รับเลือกเข้าสู่ Rock&Roll Music Hall of Fame, Blues Hall of Fame และ Grammy Hall of Fame เช่นเดียวกับAretha เธอคิดลิสต์ทั้ง2ของRolling Stone Magazine โดยอยู่อันดับที่ 22 ใน100 Greatest Singers of All Time และอันดับที่ 62 ใน 100 Greatest Artists of All Time

 

Tina Turner (1939-ปัจจุบัน) : Queen of Rock & Roll

ทีน่า เทอเนอร์เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักแสดงและกวีชาวอเมริกัน หนึ่งในศิลปินที่มีคนรู้จักมากที่สุดในโลก รู้จักกันดีในนาม "Queen of Rock & Roll" ผู้มีเพลงฮิตอย่าง Pround Mary และ River Deep Mountain High ทีน่าเป็นหนึ่งในนักร้องหญิงที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมากที่สุดในวงการเพลงร็อคยืนหยัดอยู่วงการมากว่าครึ่งศตวรรษ ผู้ชนะรางวัลแกรมมี่ 8 รางวัลและรางวัลอื่นๆอีกมากมาย มียอดขายอัลบั้มทั่วโลกกว่า100ล้านแผ่นและยอดขายคอนเสิร์ตที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์เพลงร็อค เธอขึ้นชื่อเรื่องเสียงที่ทรงพลังและการแสดงคอนเสิร์ตที่หนักแน่นและแข็งแรงถึงแม้จะอายุมากแล้ว Rolling Stone Magazine จัดเธออันดับที่63ในลิสต์ 100 Greatest Artists of All Time และถูกรับเลือกเข้า Rock & Roll Music Hall of Fame ในปี 1991

 

Diana Ross (1944-ปัจจุบัน) : Motown's Queen

ไดอะน่า รอสเป็นนักร้อง นักแสดงและโพรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน ในปี1993เธอได้รับการยกย่องจากกินเนสต์ให้เป็นศิลปินหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยมีเพลงฮิตติดชาร์ทถึง70เพลงทั้งในอเมริกาและอังกฤษ เป็นผู้ก่อตั้งเกิร์ลกรุ้ปวงSupremeซึ่งเป็นเกิร์ลกรุ้ปที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดของโมทาวน์ในยุค60 ซึ่งระดับความสำเร็จนั้นเป็นคู่แข่งกับวงThe Beatles เลยทีเดียว ความสำเร็จของวงทำให้เกิร์ลกรุ้ปอื่นเป็นที่ยอมรับมากขึ้นและเป็นแรงบรรดาลใจให้นักร้องหญิงรุ่นหลังมากมาย เช่น Beyonce ไดอะน่ามียอดขายอัลบั้มกว่า100ล้านแผ่นทั่วโลกและถูกรับเลือกเข้าสู่ Rock & Roll Music Hall of Fame ในปี1991

 

Donna Summer(1948-2012) : Queen of Disco, Disco Gaines

ดอนน่า ซัมเม่อร์เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกาเจ้าของ5รางวัลแกรมมี่และเพลงฮิตอย่างLast dance หนึ่งในนักร้องที่มีอิทธฺพลและมีชื่อเสียงที่สุดในยุคDisco เธอเป็นศิลปินหญิงคนแรกอัลบั้มติดอันดับ1ถึง3อัลบั้มในบิลบอร์ดและผู้หญิงคนแรกที่มีเพลงอันดับหนึ่งถึง4เพลงในชาร์ทและมีเพลงฮิตติดชาร์ทถึง89เพลง มียอดขายกว่า130ล้านอัลบั้มทั่วโลก ดอนน่าทำให้เพลงดิสโก้เป็นที่นิยมกว้างขวางและได้ตั้งแสตดนดาร์ดเพลงดิสโก้ขึ้นมาใหม่ เธอเป็นแรงบรรดาลใจให้นักร้องมากมายตั้งแต่มาดอนน่าไปจนถึงบียอนเซ่ ถึงแม้ราวๆยุค80เพลงดิสโค่ได้รับความนิยมน้อยลง เธอก็ผันตัวเองไปทางPop-rockและกลายเป็น"the first true diva of modern pop era" กล่าวโดย Rock & Roll Hall of Fame ซึ่งเธอก็ได้รับเลือกเข้าเช่นกันในปี2013

 

Patti Labelle (1944-ปัจจุบัน) : the Great Patti, High Priestess of Soul

แพตตี้ ลาเบลเป็นนักร้องรางวัลแกรมมี่ กวี และนักแสดงชาวอเมริกาผู้ยืนยงในวงการกว่า50ปี อีกหนึ่งดีว่าผู้สร้างแสตนดาร์ดใหม่ให้กับวัฒนธรรมเพลงป๊อปและโซล เธอขึ้นชื่อเรื่องเสียงSopranoที่สูงและทรงพลัง ความสามารถในการร้องข้ามoctavesของเธอนั้นเป็นที่โจษจัน เธอสามารถร้องในออคเตฟสูงๆได้อย่างสบายๆ และยังมีhead voiceที่ทรงพลังมากๆอีกด้วย นอกจากนี้เธอยังมีstage presentที่น่าดึงดูดใจ และจนถึงปัจจุบันนี้แพตตี้อายุ70เธอยังคงรักษาเสียงได้ดีมากทีเดียว แพตตี้โด่งดังมาจากการอยู่ในเกิร์ลกรุ้ปLabelleซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในยุค70และมีเพลงฮิตที่เป็นไอค่อนอย่างเพลงLady Mamalade ซึ่งทำให้เธอเป็นอีกหนึ่งผู้บุกเบิกในเพลงแนวดิสโค่และโซลล์ ตลอดเวลาที่ผ่านมาแพตตี้มียอดขายกว่า50ล้านอัลบั้มทั่วโลก ถูกรับเลือกเข้าสู่ Grammy Hall of Fame, Apollo Hall of Fame, Song's Writer Hall of Fame และยังติดอันดับลิสต์100 Greatest Singers of All Time ของRolling Stone Magazine ซึ่งกล่าวไว้ว่าแพตตี้เป็นแรงบรรดาลใจให้นักร้องรุ่นต่อรุ่นเช่น Luther Vandross, Christina Aguilara, Beyonce, Alicia Keys, Mary J Blige, Mariah Carey และอีกมากมาย

 
 
Billy Holiday (1915-1959) : Lady Day, Voice of Emotion
 
บิลลี่ ฮอลิเดย์เป็นนักร้องเพลงแจ๊สและนักแต่งเพลงชาวอเมริกาผู้มีอิทธิพลอย่างมากในการร้องแนวแจ๊สและป๊อป จากชีวิตที่ถูกย่ำยีและถูกข่มขืนในวัยเด็กสู่การเป็นดีว่าผู้บุกเบิกในการร้องเพลงป๊อปแจ๊สในแนวใหม่และเปลี่ยนรูปแบบเพลงป๊อปไปตลอดกาล ดังที่นักวิจารณ์ชื่อ John Bushกล่าวว่า"เธอได้เปลี่ยนวิถีการร้องเพลงของอเมริกันป๊อปไปตลอดกาล" ทั้งๆที่เธอไม่รู้ภาษาแต่กลับเรียนรู้การร้องเพลงได้อย่างดีเยี่ยม น้ำเสียงของเธอนั้นเป็นที่จดจำได้ง่าย และสะกดอารมณ์ผู้ฟังได้ดีมาก เลดี้ เดยืก็มีเพลงฮิตอย่าง  "God Bless the Child", "Don't Explain", "Fine and mellow"
 
 
 
Janis Joplin(1943-1970) : Queen of Phychedelic Soul, Queen of Rock, Pearl
เจนิส จ๊อปลินเป็นนักร้อง นักแต่งเพลงและจิตรกรชาวอเมริกา เธอเป็นอเมริกันไอค่อนผู้ซึ่งสไตล์การร้องเพลงนั้นถูกเปรียบเทียบกับAretha Franklinเลยทีเดียว  สไตล์การร้องเพลงของเธอนั้นดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และเป็นที่รู้กันในความสามารถในการโชว์คอนเสิร์ตของเธอดังที่นักวิจารณ์กล่าวว่า "Electric and energic performance"นิตยาสารTimes เธอเป็นนักร้องเพลงร็อคผิวขาวที่มีอิทธิพลที่สุดคนหนึ่ งถึงแม้เธอจะเสียชีวิตด้วยวัยเพียง27ปีแต่สิ่งที่เธอทำไว้นั้นเป็นแรงบรรดาลใจให้นักร้องรุ่นหลังมากมาย เจนิสมีเพลงฮิตอย่าง Cry baby, Piece of My Heart, Summertime และ Mercedes Benz เจนิสอยู่อันดับ46ในลิสต์ 100 Greatest Artists of All Timeและอันดับที่ 28 ใน 100 Greatest Singers of All Time และเธอได้รับเลือกเข้าสู่ Rock & Roll Music Hall of Fame ในปี 1995
 
 
 
 
Barbra Streisand (1942-ปัจจุบัน) : American's First Voice
บาบรา สไตรเซ่นเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักเขียน กวี นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกา จากสาวยาจกในสลัมย่านบรู้คลินสู่อเมริกันIcon ผู้เป็นเจ้าของ2รางวัลOscar, 8รางวัลGrammy 5รางวัลEmmy, 1 Daytime Emmy, Special Tony Award, รางวัลAmerican Film Institute และ Kenedy Center Honor หนึ่งในศิลปินไม่กี่คนที่ได้รางวัลหลายแขนงเช่นเธอ เธอคือดีว่าอย่างแท้จริงผู้ประสบความสำเร็จทั้งการร้องและการแสดงภาพยนตร์หลายๆเรื่องแม้แต่การกำกับภาพยนตร์เอง เธอคือศิลปินผู้ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์เพลง ด้วยความเป็นนักร้องหญิงที่มียอดขายสูงที่สุดในอเมริกาซึ่งมียอดกว่า 71.5ล้านอัลบั้ม และยังเป็นหนึ่งในศิลปินที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาลด้วยยอดกว่า 145ล้านอัลบั้มทั่วโลก เธอขึ้นชื่อเรื่องเสียงMezzo-sopranoที่ทรงพลัง เทคนิคการคอนโทรลเสียงที่ยากจะหาใครมาเปรียบ บาบรายังเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในวงการบันเทิงคนหนึ่งอีกด้วย
 
 
 
Cher (1946-ปัจจุบัน) : Goddess of Pop

แชร์เป็นนักร้องและนักแสดงชาวอเมริกันผู้ยืนยงในวงการมากว่าครึ่งศตวรรษ หนึ่งในศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นผู้ตั้งนิยามใหม่ให้กับวงการป๊อป ด้วยการแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายอันโดดเด่นและการแสดงคอนเสิร์ตที่ตระการตา เรียกได้ว่าเธอคือเลดี้ กาก้ารุ่นบุกเบิกนั่นเอง แชร์ขึ้นชื่อเรื่องเสียงContraltoที่ต่ำ ทุ้มแต่มีพลัง และมีบทบาทหลายอย่างในวงการบันเทิง ทั้งการร้อง และแสดงภาพยนตร์มากมาย เธอเป็นต้นแบบให้นักร้องเพลงป๊อปหญิงมากมาย เช่น Madonna, Lady Gaga, Britney Spears และอีกมากมาย และยังเป็นเกย์ไอค่ออีกด้วย ตลอดระยะเวลาในวงการ แชร์มียอดขายสูงกว่า100ล้านอัลบั้มทั่วโลก และได้รับรางวัลจากหลายๆแขนงเช่น Grammy, Emmy, Oscar และ Gloden globe จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเธอถูกเรียกว่า Goddess of Pop แชร์มีเพลงฮิตอย่าง Believe, If I could turn back time, Love Hurts
 
 
 
Whitney Houston (1963-2012) : The Voice, Queen of Pop, Voice of Triumphant, Queen of Queens
ป๊อป ไอค่อนผู้เป็นต้นแบบให้นักร้องรุ่นหลังมากมาย วิทนีย์ ฮูสตันเป็นนักร้อง นักแสดง นักแต่งเพลง นางแบบ และโพรดิวเซอร์ชาวอเมริกาผู้ฉายแววความเป็นซุปเปอร์สตาร์ตั้งแต่ยังเล็ก ด้วยการเริ่มร้องเพลงในโบสถ์กับคุณแม่ของเธอ และร้องเพลงตามไนท์คลับเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น จนClive Davisผู้เป็นโพรดิวเซอร์และปั้นวิทนีย์เห็นพรสวรรค์ของเธอในขณะนั้น เขากล่าวว่า ไม่เคยได้ยินเสียงที่เพราะขนาดนี้มาตั้งแต่ได้ยินอารีธ่า แฟรงคลิน วิทนี่ย์เรียกได้ว่าเป็นนิยามของคำว่าDivaอย่างแท้จริง เธอประสบความสำเร็จทั้งการแสดง ถ่ายแบบ และร้องเพลง เธอรู้จักโดยทั่วไปในนาม "The Voice" ฉายาอันเนื่องมาจากเทคนิคการร้องและพลังเสียงที่ไม่เป็นรองใคร เธอมีเสียงSpinto Sopranoที่ทรงพลังอย่างมาก rangeเสียงที่กว้างและความเชี่ยวชาญการใช้เทคนิดmelisma เธอได้ชื่อว่ามีChest voiceที่ทรงพลังที่สุดและมีHead Voiceที่สมบูรณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์เพลงป๊อป Head voiceของเธอแข็งแรงมากจนทำให้เธอสามารถร้องโอเปร่าได้สบายๆ วิทนี่ย์ยังขึ้นชื่อเรื่องการสื่ออารมณ์ออกมาผ่านน้ำเสียงและบทเพลงของเธอ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีเสียงดีที่สุดในโลก ทางอเมริกายกย่องเธอให้เป็น "National Treasure" และ "8th Wonder of the World" สไตล์การร้องของเธอเป็นต้นแบบและแรงบรรดาลใจให้นักร้องมากมายนับไม่ถ้วนทั้งชายและหญิง หลายๆคนอยากเป็นเธอเลยทีเดียว กล่าวได้ว่าหากไม่มีวิทนี่ย์อาจจะไม่มีนักร้องหญิงหลายๆคนในวันนี้เลยก็ว่าได้ นักวิจารณ์เรียกเธอว่า "Singer's singer" วิทนี่ย์เปรียบเสมือนกับไมเคิล แจ็คสันในร่างผู้หญิงเพราะความสำเร็จของเธอทำให้นักร้องหญิงผิวสีเป็นที่ยอมรับมากขึ้น(ไมเคิลก็เป็นผู้ทำให้นักร้องผิวสีชายเป็นที่ยอมรับ) วิทนี่ยังเป็นศิลปินหญิงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคู่กับMariah Celine และ Madonnaด้วยยอดขายมากกว่า200ล้านอัลบั้มทั่วโลกมากกว่านักร้องหญิงทุกคน(ถึงแม้วิทนี่จะมีอัลบั้มเพียง6อัลบั้มเท่านั้น) เพลง I will always love you ของเธอยังเป็นซิงเกิ้ลที่มียอดขายสูงสุดโดยนักร้องหญิงอีกด้วย กินเนสต์บุคบันทึกว่าเธอคือศิลปินที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก(415รางวัล) รวมถึง 2 Emmy, 6 Grammy, 13 Billboard Awards and 22 American Music วิทนี่อยู่ในอันดับที่34ในลิสต์ 100 Greatest singers of all time โดย Rolling Stone Magazine ถึงแม้เธอจะจากเราไปแล้วแต่เธอจำเป็นที่จดจำในฐานะศิลปินผู้ยิ่งใหญืที่สุดคนหนึ่งที่โลกเคยรู้จัก
 
 
 
Madonna (1958-ปัจจุบัน) : The Queen of Pop, Queen of Reinvention
มาดอนน่าเป็นนักร้อง นักแสดง กวี และนักเต้นชาวอเมริกา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้หญิงคนนี้คือหนึ่งในศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์เพลง ด้วยยอดขายถึง300ล้านอัลบั้มทั่วโลกซึ่งมากกว่านักร้องหญิงคนใดๆ ถึงแม้มาดอนนาไม่เคยถูกเรียกว่าเป็นที่มีเสียงดีอะไรมากมายแต่ความคิดสร้างสรรค์ของเธอได้เปลี่ยนโฉมหน้าเพลงป๊อปไปตลอดกาล ด้วยความcreativeทางเครื่องแต่งกาย เอมวีเพลง และเทคนิคในคอนเสริ์ตที่ตระการตา ทำให้เธอเป็นต้นแบบให้นักร้องหญิงมากมายนับไม่ถ้วน เช่น Lady Gaga, Britney Spears, Beyonce และอีกมายมายต่างมีเธอเป็นไอดอล ในปี2008 เธอได้รับเลือกเข้าสู่ Rock & Roll Music Hall of Fame นักวิจารณ์และผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเพราะMadonna Whitney และMichael ทำให้เพลงป๊อปได้เปลี่ยนไปตลอดกาล ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอคือศิลปินหญิงที่มีอิทธิพลที่สุดคนหนึ่ง
 
 
 
Celine Dion (1968-ปัจจุบัน) : Queen Celine, Queen of Pop, Queen of Ballad, Queen of Las Vegas
 
เซลีน ดีออนเป็นนักร้อง นักแต่งเพลงและนักธุรกิจชาวแคนนาดาเชื้อสายฝรั่งเศษ อีกหนึ่งซุปเปอร์ดีว่าผู้ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์เพลงป๊อปด้วยยอดขายที่มากกว่า220ล้านอัลบั้มทั่วโลก มากกว่าศิลปินหญิงคนใดๆในประวัติสาสตร์ มีเพียงซุปเปอร์ดีว่าอย่างWhitney MariahและMadonnaที่เทียบเท่า เป็นเวลาเกือบ30ปีในวงการ เธอขึ้นชื่อเรื่องเพลงแนวballad เซลีนมีเพลงฮิตติดชาร์ทมากมายรวมถึงเพลงMy Heart Will Go Onประกอบภาพยนตร์เรื่องTitanic ซึ่งยังคงเป็นซิงเกิ้ลที่มียอดขายสูงสุดถึงทุกวันนี้ เป็นรองแค่เพียงเพลงI will always love youของวิทนี่ย์ เซลีนขึ้นชื่อเรื่องเสียงร้องที่ทรงพลัง เธอมีเสียงแบบLyric sopranoและมีrangeเสียงกว้างถึง5 octaves ได้รับการยอมรับว่าเป็นอีกคนที่มีchest voiceทรงพลังที่สุดคนหนึ่ง เธอสามารถขึ้นโน้ตสูงเป็นเวลานานโดยใช้เทคนิคNasal backingและเธอยังเก่งในการใช้melismaอีกด้วย เทคนิคการร้องอันโดดเด่นของเซลีนและระดับความสำเร็จของเธอมักถูกเปรียบเทียบกับWhitney(อีกหนึ่งไอดอลของเซลีน)และMariahอยู่เป็นประจำ จนทั้ง3คนนี้ถูกเรียกว่า "Vocal Trinity" หรือ "The Big Three" นักวิจารณ์และผู้เชี่ยวชายเรียกพวกเธอว่า "Voice of Modern Era" ที่เป็นต้นแบบและแรงบรรดาลใจให้นักร้องหญิงรุ่นหลังมากมาย ในปี2003เซลีนได้ทำสัญญาคอนเสิร์ตกับโรงแรมยักษ์ใหญ่อย่าง Caesar Palaceใน Las Vegasเป็นเวลา3ปี โปรแกรมโชว์ของเธอคือ5วันต่ออาทิตย์ ด้วยกระแสตอบรับที่ล้นหลามจากแฟนและตั๋วขายหมดทุกรอบทำให้สัญญาต้องขยายไปเป็น5ปีเลย เป็นช่วงที่เธอเหนื่อยมากเลยทีเดียวแต่ได้รับรายได้อย่างมหาศาลถึง 750ล้านดอลล่า คอนเสิร์ตTaking chancesในปี2008ยังเป็นคอนเสิร์ตที่ทำเงินมากที่สุดโดยศิลปินหญิงอีกด้วย เป็นรองแค่คอนเสิร์ตMDNAของมาดอนน่า นอกจากนี้เธอยังได้รับรางวัลมากมายเช่น 2รางวัลOscar, 7 Grammy, 7 Billboard, 7 American Music, 20 Juno และ 11 World Music Award ด้วยความสำเร็จนี้ทำให้เธอเป็นอีกหนึ่งสุดยอดดีว่าที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลและหนึ่งในผู้ที่มีเสียงดีที่สุดในประวัติศาสตร์เพลง
 
 
 
Mariah Carey (1969-ปัจจุบัน) : A Songbird Supreme, Queen of Pop, Queen of R&B

มาราย แครี่เป็นนักน้อง นักแต่งเพลง นักแสดง และโพรดิวเซอร์ชาวอเมริกา หนึ่งในThe Big Three Divas (Whitney, Celine, Mariah)ผู้ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์เพลงป๊อปและสร้างประวัติศาสตร์ใหม่แห่งการร้องเพลงป๊อป เป็นศิลปินเดี่ยวมีเพลงอันดับ1ติดชาร์ทถึง18เพลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์บิลบอร์ดมีเพียงElvis Preseyที่เทียบเท่า ซึ่งทุกเพลงนั้นเธอแต่งเองทั้งหมด เพลง One Sweet Day ของเธอยังเป็นเพลงที่ติดอันดับ1นานที่สุดในประวัติศาตร์นานถึง16สัปดาห์ มารายดีว่าผู้มีเสียงอันเป็นเอกลักษ์จากการใช้เทคนิคwhristle register(เสียงหวีด) พลังเสียงและrangeเสียงที่กว้างถึง5 octaves เป็นที่รู้กันอีกว่ามารายมีความสามารถได้สูงกว่าโน้ตในoctaveที่7ของเปียโนโดยการใช้เสียงหวีด และเธอยังเชี่ยวชาญการใช้เทคนิคmelismaอีกด้วย(กล่าวกันว่าเป็นเทคนิคที่วิทนี่และมารายใช้ได้ดีที่สุด) ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสไตล์การร้องของเธอเป็นแรงบรรดาลใจให้นักร้องรุ่นหลังมากมาย ดีว่าผู้นี้เป็นหนึ่งในศิลปินที่มียอดขายสูงที่สุดตลอดกาล ด้วยยอดขายกว่า200ล้านอัลบั้มทั่วโลก
 
 
 
Janet Jackson (1966-ปัจจุบัน) : Queen of Dance, Queen of Pop
 
เจเนท แจ็คสันเป็นนักร้อง นักแสดง นักเต้นและโพรดิวเซอร์ชาวอเมริกา ด้วยนามสกุลแล้วไม่ต้องสงสัยในพรสวรรค์ของเธอเลย เธอคือศิลปินหญิงที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จสูงที่สุดคนหนึ่ง เป็นไอค่อนเช่นเดียวกับมาดอนน่าที่ไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องเสียง แต่ด้วยเอกลักษ์ทางการแสดง เอมวี และเทคนิคการเต้นที่ไม่สองรองใครเช่นเดียวกับพี่ชายเธอ ทำให้เธอเปลี่ยนรูปแบบเพลงป๊อปในยุค90 และเป็นต้นแบบให้นักร้องหญิงรุ่นหลังมากมายตั้งแต่ Britney ไปจนถึง Ciara ตลอดระยะเวลายาวนานในวงการ เจเนทมียอดขายกว่า 150ล้านอัลบั้มทั่วโลก และได้รับร
Credit: http://board.postjung.com/715251.html
20 ต.ค. 56 เวลา 07:17 13,929 100
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...