วันนี้เรามาทำความรู้จักกับบรรดานักร้องหญิงผู้ยิ่งใหญ่ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงและมีอิทธิพลต่อวงการเพลงในแขนงต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จขกท ก็ได้รวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆค่ะ ในที่นี้นักร้องหลายๆท่านพวกเราอาจไม่รู้จักเพราะเป็นรุ่นตำนาน แต่ชื่อของพวกเธอล้วนแล้วอยู่ในHollywood Walk of Fameใน Los Angeles สหรัฐอเมริกา หากไม่มีพวกเธอเราอาจไม่มีเพลงเพราะๆฟังกันอย่างทุกวันนี้ก็เป็นได้ ด้วยพวกเธอได้ทำคุณประโยชน์ให้วงการเพลงมากมาย
Aretha Franklin (1942-ปัจจุบัน) : The Queen of Soul, The Queen of Music
อารีธ่า แฟรงคลินเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักเปียโนและนักดนตรีชาวอเมริกาผู้ยืนยงในวงการมากว่าครึ่งศตวรรษ มีเพลงฮิตอย่าง Respect, Chain of Fool, I say a little prayer ผู้หญิงเรียกคนนี้ได้ว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นอัจฉริยะทางดนตรีอย่างแท้จริง เธอเล่นเปียโนเป็นตั้งแต่ 8 ขวบโดยเรียนรู้จากการฟังเท่านั้น และเริ่มร้องเพลงในโบสถ์ตั้งแต่เด็ก อารีธาเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จและมีอิทธิพลต่อวงการเพลงมากที่สุดคนหนึ่ง เธอมีฉายาที่รู้จักโดยทั่วไปคือ"The Queen of Soul" ซึ่งเธอได้ถูกเรียกมาตั้งแต่ยุค60 จนถึงตอนนี้ อารีธ่าได้ตั้งแสตนดาร์ดการร้องเพลงมามากกว่า50ปี ขึ้นชื่อด้วยเทคนิคสไตล์การร้องทีโดดเด่น ช่วงเสียงที่กว้างกว่า3 octaves อัจริยภาพในการถ่ายทอดความรู้สึกและจิตวิญญาณผ่านเพลง และเสียงMezzo-sopranoอันทรงพลังของเธอที่มีอิทธิพลอย่างมากให้แนวเพลง R&B และ Pop นักวิจารย์และผู้เชี่ยวชาญเรียกเสียงเธอว่า "Natural Resource" นักร้องรุ่นแล้วรุ่นเล่าได้แรงบรรดาลใจมาจากเธอ รวมถึงWhitney Houstonด้วย ดังที่Mary J Blige และ Mariah Carey กล่าวว่าอารีธ่าเป็นเหตุผลที่ทำไมผู้หญิงจึงอยากร้องเพลง เพราะอารีธ่านั้นร้องเพลงออกมาด้วยจิตวิญญาณอย่างแท้จริง อารีธ่าเป็นสัญลักษณ์แห่งสิทธิเสรีภาพของผู้หญิงอเมริกันและสิทธิคนผิวสี เธอต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของคนผิวสีผ่านหลายๆเพลงของเธอ อย่างเพลงRespectนั้นแสดงถึงสิทธิของผู้หญิงที่ต้องการการยอมรับไม่ต่างกับผู้ชาย เพลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากและได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของอเมริกาทีเดียว ทำให้คนผิวสีเป็นที่ยอมรับมากขึ้น อารีธ่ามีเพลงฮิตติดBillboard ถึง88เพลง รวมถึง77เพลงใน hot 100 และอันดับ1ในR&B chartsถึง 21เพลง ซี่งมากที่สุดโดนศิลปินหญิง นอกจากดนตรีแนวSoulแล้ว อารีธ่ายังโชว์อัจฉริยภาพทางดนตรีด้วยการร้องเพลงได้ในหลายสไตล์ อาทิ Rock, Gospel, Blues, Pop, R&B และOpera อารีธ่าได้แสดงความอัจฉริยะทางดนตรีอีกครั้งในปี 1994ที่งานแกรมมี ซึ่งเธอได้ถูกขอขึ้นร้องเพลงNessun Norma แทนนักร้องโอเปร่ารุ่นใหญ่อย่างLuciano Pavarottiเพื่อนของเธอ ซึ่งไม่สามารถมาร่วมงานได้ ตอนนั้นเธอมีเวลาซ้อมเพียง20วินาทีเท่านั้น แต่สามารถร้องโอเปร่าออกมาในแบบของเธอและทำได้ดีมากอีกด้วย ทำเอาบรรดานักร้องในฮอลล์ต้องทึ่งกันไปทุกคน อารีธ่าเป็นAmerican Iconที่ได้รับความเคารพอย่างสูงทั้งในวงการเพลงและนอกวงการเพลง ตลอดเวลาทีผ่านมาอารีธ่ามียอดขายอัลบั้มทั่วโลกกว่า75ล้านแผ่น อารีธ่าได้รับรางวัลแกรมมีทั้งหมด18รางวัลรวมถึงอีก2รางวัลเกียรติยศของแกรมมี่ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับเลือกเข้าสู่ Rock & Roll Music Hall of Fame ในปี1987 และเป็นผู้หญิงคนที่2รองจากมาดอนน่าที่ได้รับเข้าสู่ UK Hall of Fame และในปี2012 ได้รับเลือกเข้า GMA Gospel Music Hall of Fame อารีธ่ายังติดอันดับ1ในลิสต์ของ 100 Greatest Singers of All Time และอันดับที่9ในลิสต์ 100 greatest Artists of All Time โดยการโหวตจากเหล่าศิลปิน นักประวิติศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจารณ์จาก Rolling Stone Magazine ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอคือตำนานที่มีชีวิตจริงๆ
Ella Fitzgerald (1917-1996) : The First Lady of Song, Queen of Jazz, Lady Ella
อีกหนึ่งตำนานของประวัติศาตร์เพลง ผู้สร้างชื่อให้กับวงการเพลงของอเมริกา เลดี้ เอลล่าเป็นนักร้องเพลงแจ๊สชาวอเมริกันรุ่นบุกเบิกผู้ที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลทางวงการเพลงมากที่สุดคนหนึ่ง เจ้าของฉายา "the First Lady of Song" เธอเป็นที่ยอมรับว่ามีโทนเสียงที่นุ่ม ใส ยืดหยุ่น การเปล่งเสียงอย่างชัดถ้อยชัดคำและเป็นธรรมชาติ มีความสามารถร้องไล่ระดับเสียงได้ถึง 3 octaves และมีความสามารถพิเศษในการร้องแบบScat Singing(เป็นเทคนิคการอิมโพรไวซ์โดยไม่ใช้คำพูดใดๆทั้งสิ้น พูดง่ายๆคือใช้เสียงตัวเองล้วนๆแทนเครื่องดนตรี) นักวิจารย์กล่าวว่าประโยคธรรมดาๆ สามารถฟังให้เพราะจับใจได้หากเลดี้ เอลล่านำไปขับร้อง เลดี้ เอลล่าเป็นนักร้องเพลงแจ้สที่มีชื่อเสียงที่สุดเช่นเดียวกับ Frank Sinatra และ Duke Ellington ด้วยความสามารถและชื่อเสียงของเธอเธอทำให้เพลงแจ้สเป็นที่นิยมกว้างขวางมากขึ้น เสียงและบทเพลงของเธอนั้นจับใจผู้คนมานานกว่าครึ่งศตวรรษ เป็นเวลากว่า59ปีในวงการ เลดี้เอลล่ามียอดขายอัลบั้มกว่า40ล้านแผ่นทั่วโลก ได้รับรางวัลแกรมมี่ถึง13รางวัล ได้รับรางวัล National Medal of Arts จาก Ronald Reagan และรางวัล Presedent Medal of Freedom จากประธานาธิบดี George H.W. Bush
Nina Simonne (1933-2003) : Voice of Civil Right Movement
นีน่า ไซม่อนเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักเปียโนและนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ผู้มีผลงานเพลงหลากหลายแนวที่สุดคนหนึ่ง เธอเป็นศิลปินแนวหน้าของประวัติศาตร์อเมริกา ผลงานของเธอมีความเป็นโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ทั้ง Jazz, Soul,Folk, R&BและPop นี่น่ามีเสียงแบบContraltoที่ทรงพลัง เสียงของเธอทั้งมีพลังในการขับร้องรวมถึงโทนเสียงที่น่าหลงใหลอย่างมาก Simoneมีงานทั้งงานแสดงสดและอัดเสียงมากกว่า 40 ชุด เพลงของเธอยังขึ้นชื่อว่าร้องได้ยากมากอีกด้วยเพราะต้องใช้เทคนิคที่สูง ทางด้านครอบครัวเธอมีพี่น้องทั้งหมด 8 คนเธอเริ่มเล่นเปียโนในโบสถ์ในย่านท้องถิ่นเธอได้แสดงความมหัศจรรย์ในการเล่นดนตรีโดยเธอได้เล่น คอนเสิร์ตเดี่ยวเปียโนตั้งแต่อายุ 10 ขวบในระหว่างการแสดงนั้นพ่อแม่ของเธอที่นั่งแถวหน้าถูกบังคับให้ย้ายไปชมอยู่จากด้านหลังเพื่อเปิดทาง ให้พวกคนผิวขาวเข้ามาดู เธอจึงประท้วงโดยการไม่เล่นจนกว่าพ่อแม่ของเธอจะได้กลับมานั่งที่เดิมจากเหตุการ์ณนั้นมีส่วนทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิมนุษยชน โดยใช้ดนตรีและบทเพลงเป็นสื่อกลางเช่นเดียวกับ Aretha Franklin
Etta James (1938-2012) : Miss Peaches, Blues Goddess
เอตต้า เจมส์เป็นนักร้องชาวอเมริกัน เป็นที่ยอมรับว่าเป็นนักร้องbluesและjazzที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง สไตล์การร้องเพลงของเธอนั้นหลากหลายมากรวมไปถึง Blues, R&B, Soul, Rock & Roll, Jazz และ Gozpel โดยมีเพลงที่ขึ้นชื่ออย่างเพลง At Last, The WallFlower, I'd rather go blind ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกนำมาร้องใหม่โดยนักร้องรุ่นหลังมากมายโดยเฉพาะเพลงAt Last เอตต้า เจมส์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ผสมผสานดนตรีแนว Blues, rock&roll และ rythmeให้เข้าด้วยกันได้ ด้วยเสียงcontraltoอันทรงพลัง เทคนิคการร้องที่โดดเด่นและน้ำเสียงที่สะกดอารมณ์ เอตต้าจึงเป็นแรงบรรดาลใจให้นักร้องมากมาย เช่น Rolling Stones, Janis Joplin, Adele, Amy Winehouse, Diana Ross, Rob Stewart, Joss Stone, Christina Aguilara และอีกมากมาย ตลอดเวลาในวงการเอตต้าได้รับรางวัลแกรมมี่6รางวัล Blues Awards 17 รางวัล เธอยังได้รับเลือกเข้าสู่ Rock&Roll Music Hall of Fame, Blues Hall of Fame และ Grammy Hall of Fame เช่นเดียวกับAretha เธอคิดลิสต์ทั้ง2ของRolling Stone Magazine โดยอยู่อันดับที่ 22 ใน100 Greatest Singers of All Time และอันดับที่ 62 ใน 100 Greatest Artists of All Time
Tina Turner (1939-ปัจจุบัน) : Queen of Rock & Roll
ทีน่า เทอเนอร์เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักแสดงและกวีชาวอเมริกัน หนึ่งในศิลปินที่มีคนรู้จักมากที่สุดในโลก รู้จักกันดีในนาม "Queen of Rock & Roll" ผู้มีเพลงฮิตอย่าง Pround Mary และ River Deep Mountain High ทีน่าเป็นหนึ่งในนักร้องหญิงที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมากที่สุดในวงการเพลงร็อคยืนหยัดอยู่วงการมากว่าครึ่งศตวรรษ ผู้ชนะรางวัลแกรมมี่ 8 รางวัลและรางวัลอื่นๆอีกมากมาย มียอดขายอัลบั้มทั่วโลกกว่า100ล้านแผ่นและยอดขายคอนเสิร์ตที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์เพลงร็อค เธอขึ้นชื่อเรื่องเสียงที่ทรงพลังและการแสดงคอนเสิร์ตที่หนักแน่นและแข็งแรงถึงแม้จะอายุมากแล้ว Rolling Stone Magazine จัดเธออันดับที่63ในลิสต์ 100 Greatest Artists of All Time และถูกรับเลือกเข้า Rock & Roll Music Hall of Fame ในปี 1991
Diana Ross (1944-ปัจจุบัน) : Motown's Queen
ไดอะน่า รอสเป็นนักร้อง นักแสดงและโพรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน ในปี1993เธอได้รับการยกย่องจากกินเนสต์ให้เป็นศิลปินหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยมีเพลงฮิตติดชาร์ทถึง70เพลงทั้งในอเมริกาและอังกฤษ เป็นผู้ก่อตั้งเกิร์ลกรุ้ปวงSupremeซึ่งเป็นเกิร์ลกรุ้ปที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดของโมทาวน์ในยุค60 ซึ่งระดับความสำเร็จนั้นเป็นคู่แข่งกับวงThe Beatles เลยทีเดียว ความสำเร็จของวงทำให้เกิร์ลกรุ้ปอื่นเป็นที่ยอมรับมากขึ้นและเป็นแรงบรรดาลใจให้นักร้องหญิงรุ่นหลังมากมาย เช่น Beyonce ไดอะน่ามียอดขายอัลบั้มกว่า100ล้านแผ่นทั่วโลกและถูกรับเลือกเข้าสู่ Rock & Roll Music Hall of Fame ในปี1991
Donna Summer(1948-2012) : Queen of Disco, Disco Gaines
ดอนน่า ซัมเม่อร์เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกาเจ้าของ5รางวัลแกรมมี่และเพลงฮิตอย่างLast dance หนึ่งในนักร้องที่มีอิทธฺพลและมีชื่อเสียงที่สุดในยุคDisco เธอเป็นศิลปินหญิงคนแรกอัลบั้มติดอันดับ1ถึง3อัลบั้มในบิลบอร์ดและผู้หญิงคนแรกที่มีเพลงอันดับหนึ่งถึง4เพลงในชาร์ทและมีเพลงฮิตติดชาร์ทถึง89เพลง มียอดขายกว่า130ล้านอัลบั้มทั่วโลก ดอนน่าทำให้เพลงดิสโก้เป็นที่นิยมกว้างขวางและได้ตั้งแสตดนดาร์ดเพลงดิสโก้ขึ้นมาใหม่ เธอเป็นแรงบรรดาลใจให้นักร้องมากมายตั้งแต่มาดอนน่าไปจนถึงบียอนเซ่ ถึงแม้ราวๆยุค80เพลงดิสโค่ได้รับความนิยมน้อยลง เธอก็ผันตัวเองไปทางPop-rockและกลายเป็น"the first true diva of modern pop era" กล่าวโดย Rock & Roll Hall of Fame ซึ่งเธอก็ได้รับเลือกเข้าเช่นกันในปี2013
Patti Labelle (1944-ปัจจุบัน) : the Great Patti, High Priestess of Soul
แพตตี้ ลาเบลเป็นนักร้องรางวัลแกรมมี่ กวี และนักแสดงชาวอเมริกาผู้ยืนยงในวงการกว่า50ปี อีกหนึ่งดีว่าผู้สร้างแสตนดาร์ดใหม่ให้กับวัฒนธรรมเพลงป๊อปและโซล เธอขึ้นชื่อเรื่องเสียงSopranoที่สูงและทรงพลัง ความสามารถในการร้องข้ามoctavesของเธอนั้นเป็นที่โจษจัน เธอสามารถร้องในออคเตฟสูงๆได้อย่างสบายๆ และยังมีhead voiceที่ทรงพลังมากๆอีกด้วย นอกจากนี้เธอยังมีstage presentที่น่าดึงดูดใจ และจนถึงปัจจุบันนี้แพตตี้อายุ70เธอยังคงรักษาเสียงได้ดีมากทีเดียว แพตตี้โด่งดังมาจากการอยู่ในเกิร์ลกรุ้ปLabelleซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในยุค70และมีเพลงฮิตที่เป็นไอค่อนอย่างเพลงLady Mamalade ซึ่งทำให้เธอเป็นอีกหนึ่งผู้บุกเบิกในเพลงแนวดิสโค่และโซลล์ ตลอดเวลาที่ผ่านมาแพตตี้มียอดขายกว่า50ล้านอัลบั้มทั่วโลก ถูกรับเลือกเข้าสู่ Grammy Hall of Fame, Apollo Hall of Fame, Song's Writer Hall of Fame และยังติดอันดับลิสต์100 Greatest Singers of All Time ของRolling Stone Magazine ซึ่งกล่าวไว้ว่าแพตตี้เป็นแรงบรรดาลใจให้นักร้องรุ่นต่อรุ่นเช่น Luther Vandross, Christina Aguilara, Beyonce, Alicia Keys, Mary J Blige, Mariah Carey และอีกมากมาย