ทะเลสาบมาราไคโบ (Lake Maracaibo) ทะเลสาบแห่งสายฟ้าฟาด ประเทศ เวเนซูเอล่า ทะเลสาบ ที่เกิดฟ้าแลบ ฟ้าผ่า มากที่สุดในโลก
ความน่ากลัวของสายฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ น่าจะมีผลกับทางด้านจิตใจมากกว่าทำให้เสียชีวิต แต่แน่นอนถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ อย่างแถบทะเลสาบ ทะเลสาบมาราไคโบ ถ้าไม่ใช่คนในท้องถิ่นจริงๆ อาจเกิดอาการขวัญผวาได้
ปรากฎการณ์นี้มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า "ฟ้าผ่าคาตาตัมโบ"( Venezuela's Catatumbo Lightning phenomenon )เพราะ เกิดขึ้นที่ บริเวณปากแม่น้ำคาตาตัมโบ Catatumbo รอยต่อกับทะเลสาบมาราไคโบ Lake Maracaibo ประเทศเวเนซูเอลา ในทวีปอเมริกาใต้
โดยพื้นที่บริเวณนี้ จะมีพายุฟ้าแลบฟ้าผ่าปีละ 140 - 160 วันต่อปี, วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละชั่วโมงจะมีฟ้าผ่ามากกว่า 280 ครั้ง ทำให้บริเวณ ทะเลสาบ Maracaibo ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพายุฟ้าผ่าไม่มีวันจบสิ้น
แผนที่ทะเลสาบมาราไคโบ (Lake Maracaibo) และปากแม่น้ำคาตาตัมโบ( Catatumbo)
ที่เกิดฟ้าผ่ามากที่สุดในโลก
จะมีพายุฟ้าแลบฟ้าผ่าปีละ 140 - 160 วันต่อปี, วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละชั่วโมงจะมีฟ้าผ่ามากกว่า 280 ครั้ง การเกิดฟ้าแลบฟ้าผ่าทั้งปีทำให้บริเวณนี้เป็นแหล่งกำเนิด โอโซน(ozone )ในธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก( the largest natural producer of atmospheric ozone in the world.)
แสงที่เกิดจากสายฟ้าสามารถมองเห็นได้จากระยะ 400 กิโลเมตร ทำให้นักเดินเรือสมัยโบราณเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า ประภาคาร มาราไคโบ (Lighthouse of Maracaibo)
ในปี 1595 กองเรืออังกฤษนำทัพโดย เซอร์ ฟรานซิส เดร็ก (Sir Francis Drake) ต้องยุติแผนลอบเข้าโจมตึเมืองมาราไคโบ Maracaibo เนื่องจากแสงจากสายฟ้าที่เกิดตลอดเวลาทำให้กองทัพสเปนเห็นกองเรืออังกฤษตั้งแต่ระยะไกล จริงๆแล้วมีปรากฎการณ์คล้ายๆ กันเกิดขึ้นในหลายประเทศเช่น โคลัมเบียColombia, อินโดนีเซียIndonesia และ อูกานดา Uganda แต่จะเกิดในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ต่อเนื่องยาวนานแบบที่เกิดขึ้นบริเวณ ทะเลสาบคาราไคโบแห่งนี้
ปรากฏการณ์"ฟ้าผ่าคาตาตัมโบ ประเทศเวเนซูเอล่า "( Venezuela's Catatumbo Lightning phenomenon )นี้สามารถอธิบายได้
เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างขึ้นโดยสภาพแวดล้อมที่ไม่ซ้ำกันที่อยู่รอบทะเลสาบมาราไกโบ Lake Maracaibo เวเนซุเอลา เกิดขึ้นจากน้ำใน
แม่น้ำ Catatumbo ไหลผ่านโคลนตมในที่ลุ่มจำนวนมหาศาล ซึ่งพวกตมโคลนเหล่านั้นประกอบขึ้นด้วยสารอินทรีย์ ที่กำลังสลายตัว ก่อให้เกิดกาซมีเทนลอยตัวเป็นละออง รวมตัวเป็นก้อนเมฆ ก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นกาซที่มีน้ำหนักเบากว่าอากาศ เมื่อลอยตัวขึ้นสูงและเจอกับการเสียดสีจากลมร้อนที่พัดมาจากทะเลแคริเีบียน( caribbean sea) และลม ที่พัดมาจากแถบเทือกเขาแอนดิส( Andes Mountains )ภายในทวีปอเมริกาใต้ จนเกิดความร้อน เกิดการสะสมของประจุไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้อากาศขยายตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อสะสมไว้มากก็ต้องปลดปล่อยประจุไฟฟ้าระหว่างก้อนเมฆ กับพื้นโลกเลยเกิดเป็นฟ้าผ่า(Ground Flash)
Credit Sanook.com