เซน" ณิชา โอภากุล ลูกสาวคนโปรดของศิลปินเพื่อชีวิตคนดัง "แอ็ด คาราบาว" โชว์ฝีมือการบริหารธุรกิจ นั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท มองโกล จำกัด โดยผลงานที่ผ่านมาของบริษัท มองโกล เช่น จัดกิจกรรม‘กินลม ชมบาว' (Rock Never Dies ควาย Ever Dance), จัดกิจกรรม "คาราบาวแฟมิลี่ แรลลี่" เส้นทาง กรุงเทพ-สัตหีบ, เปิดบ้านแอ๊ด คาราบาว เชียงใหม่ จัด เอ็กซ์คลูซีฟคอนเสิร์ต "วันวานไม่มีเขา วันนี้ไม่มีเรา" เป็นต้น
นับว่าเป็นอีกหนึ่งผู้หญิงเก่ง ที่กำลังเป็นที่น่าจับตามมองอีกคนหนึ่ง
ณิชา โอภากุล หรือน้องเซน...เป็น ลูกสาวคนโตของ แอ๊ด คาราบาว หรือ ยืนยง โอภากุล กับ ลินจง โอภากุล เรียนจบจากโรงเรียนนานาชาติเขาใหญ่ และหลังจากเรียนจบก็ได้ไปเข้าค่ายภาคฤดูร้อนที่ประเทศออสเตรเลีย ในระดับไฮสกูล และเมื่อหลังจากเรียนจบแล้ว รู้สึกชอบใจ และประทับใจเมลเบิร์น จึงได้ขอพ่อแม่ อยู่ต่อ ... ซึ่งทั้งแอ๊ด และ คุณลินจง ก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด...
.
.
อยู่ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย กิจวัตรประจำวัน คือ เรียนไปด้วย และทำงานไปด้วย แต่ก็ด้วยความคิดที่ว่าดีกว่าอยู่เมืองไทย แต่ปิดเทอมทุกครั้งก็จะกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงปลายปี...
.
ช่วง อยู่ที่ออสเตรเลีย ความที่เกิดเป็นลูกสาวแอ๊ด คาราบาว ไม่ได้สบายอย่างที่ใคร ๆ คิด น้องเซ็นบอกว่า... วัน ๆ มีกิจกรรมต้องทำมากมาย ไหนจะต้องทำงานพิเศษ ดูแลบ้าน ดูแลน้องสาว (ซีน - ณัชชา โอภากุล) และน้องชาย (โซโล วรมัน โอภากุล) ไม่ได้ออกไปไหน นอกจากนี้ยัง ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ และครูสอนภาษาไทยให้คนญี่ปุ่น สอนตามร้านกาแฟ ซึ่งทำให้ได้ภาษาญี่ปุ่นกลับมาด้วย ...
.
.
น้องเซน เคยเป็น MCในกลุ่มดนตรี Hiphop Underground ตอนนี้เริ่มทำเดโมเพลงกับเพื่อนโดยใช้ชื่อวงว่า Namotazaa และเคยเป็นGuessให้กับ สิงห์เหนือเสือใต้อัลบัมแรกโดยใช้ชื่อว่า Geisha เพราะความเป็น "ลูกไม้หล่นไกลต้น" เพราะเธอยืนยันตัวเองว่า“เซ็นชอบฮิพฮอพมาตั้งแต่อายุ 13 ปีแล้ว....” เธอตัดสินใจที่จะเรียนการบริหารธุรกิจดนตรี ในระดับปริญญาตรี หลังกลับมาสู่อ้อมอกพ่อแม่อีกครั้งหลังจากจบไฮสกูลจากออสเตรเลีย น้องเซ็นบอกว่า...
.
"ตอนแรกพ่อแอ๊ดก็ไม่เห็น ด้วย แต่ก็แย้งไปว่าไหนตอน แรกบอกว่าตามใจ แต่ก็ต้องหาเหตุผลมานำเสนอให้พ่อฟังว่าทำไมจึงอยากจะเรียนด้านนี้....เซ็น อยากจะมีจุดยืนเป็นของตนเอง เพราะถ้าวันหนึ่งที่พ่อแอ๊ดไม่อยู่ เซ็นจะมาเป็น เซ็น คาราบาว ไม่ได้ เพราะเซ็นไม่ใช่ แอ๊ด คาราบาว จึงอยากจะทำงานที่เป็นตัวเซ็นเอง และคงจะไม่เข้าไปยุ่งทั้งค่ายเพลงของพ่อ ลองนึกดูว่าถ้าเซ็นอายุ 30 พ่อจะอายุเท่าไร พ่อจะดีดกีตาร์ไหวเหรอ เช่นเดียวกับลุงๆ ในวงก็เช่นกัน? " นี่เป็นความคิดของลูกสาวราชาเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง....
.
.
ซึ่งหมายความว่าในอนาคตจะไม่มี เซ็น คาราบาว...
ส่วนความฝันของการเป็น ศิลปิน นั้น เซ็นก็บอกว่า... คงจะไม่สานต่อ เพราะทุกวันนี้มีแต่ศิลปินปริมาณมากกว่าศิลปินคุณภาพ ...
อยากเป็นศิลปินคุณภาพ ซึ่งก็รู้ว่าเป็นไม่ได้ มีคนแข่งขันกันเยอะมาก
สำหรับ คุณแม่ ลินจง โอภากุล กับเรื่องการเรียนบริหารธุรกิจดนตรี เซ็นบอกว่า..." ในมุมมองของคุณแม่ไม่มีปัญหา เพราะรับรู้และเข้าใจเรื่องศิลปินถูกกดขี่จากค่ายเพลง ศิลปินเวลาที่ต้องรอออกเทป เขาต้องอึดอัดที่ต้องรอคิว ไม่มีงาน ทั้งๆที่แฟนเพลงเขาก็ชอบ เขาก็รอกันอยู่ บางคนรอออกเทปก็หวังว่าจะดัง แต่ดังแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ ซึ่งบางทีค่ายก็เหมือนกับทำลายอนาคตเขา"
.
.
ย้อน หลังไปเมื่อตอนยังอายุ 16-18 ปี เซ็น คิดแต่ว่า ฉันจะต้องเป็นนักร้องให้ได้ แต่ที่สุดเธอก็มีมุมมองใหม่หลังจากที่เธอได้คอยลองสัมผัสการทำผลงานเพลงแล้ว เธอยืนยันว่า จำไม่มี "เซ็น โอภากุล" เป็นศิลปิน หรือดารา ในวงการแน่ เพราะเธอมีความคิดว่าคงจะไม่ ขอมุ่งเป้าข้ามขั้นขึ้นเป็นเบื้องหลัง-เป็นผู้บริหารไปเลยดีกว่า
ก็เป็นอันว่าหลังจากได้ลองหล่นไม่ไกลต้น-ลองความเป็นศิลปินแล้ว ต่อมาเธอก็ตัดสินใจ เลือกที่จะหล่นไกลต้นดีกว่า ...
และคงต้องรอดูกันต่อไปว่า... ในอนาคตข้างหน้าจะมีผู้บริหารค่ายเพลงหน้าใหม่นามว่า เซ็น - ณิชา โอภากุล หรือไม่...
.
.
ใน ส่วนของเพลง TSUNAMI เป็นเพลงที่ เซนเขียนคำร้องเอง เพื่อปลอบขวัญและซับน้ำตาผู้ประสบภัยสึนามิ บรรจุอยู่ในอัลบั้ม "ซึนามิ" รวมศิลปินโดยให้เหตุผลถึงการเขียนเพลงนี้ว่า ..
"เรา สงสารคนที่ตกอยู่ในเหตุการณ์นั้น และอยากจะมีส่วนร่วมในการทำบุญด้วย ซึ่งพ่อแอ๊ดเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าอยากจะมีเนื้อ เพลงสึนามิภาษาอังกฤษบ้าง พ่อก็บอกว่าช่วยได้ไหม เราก็พอมีความสามารถตรงนี้ ก็เลยตกลงแต่ง และร้องเพลงนี้เอง ในคอนเสิร์ตซับน้ำตาอันดามัน ประกบกับคุณพ่อ" (เรียบเรียงใหม่จากบทสัมภาษณ์น้องเซ็น จาก "วิถีชีวิต" )