เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก พิราบขาว สิงห์บุรี
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวัฏสงสารที่ทุกชีวิตต้องเผชิญอย่างไม่มีข้อยกเว้น แต่ในเมื่อเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ตัวเอง ครอบครัว เพื่อนใกล้ชิด คนสนิท จะต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้เมื่อใด ก็เป็นเรื่องปกติที่คนส่วนใหญ่จะทำใจไม่ได้กับการจากไปของคนรัก...
แต่ถ้าได้ลองอ่านเรื่องราวต่อไปนี้ที่แชร์กันในโลกไซเบอร์มาระยะหนึ่งแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะช่วยเตือนสติให้เราเข้าใจถึงแก่นแท้ของคำว่า "ธรรมชาติของชีวิต" มากขึ้น เมื่อถึงเวลาที่เราจำเป็นต้องรู้จักกับคำว่า "ปลง" และ "ปล่อยวาง" กับการตัดสายใยของใครสักคนให้ไปตามทางที่ควรจะเป็นไป...
.......ฉันยอมให้เธอจากไป
มีคู่สามีภรรยาอายุยังน้อย 30 กว่า ๆ สามีป่วยเป็นมะเร็งอยู่ในระยะสุดท้าย พระอาจารย์ได้ไปเยี่ยมและเมื่อเห็นสภาพอันเพียบหนักของสามี ท่านได้พูดกับผู้เป็นภรรยาว่า
"โยม บอกเขาหรือยังว่าคุณอนุญาตให้เขาตายได้"
ภาพที่เห็นคือ ภรรยากระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงคนไข้ โอบร่างของสามีที่ซูบผอม และสิ้นเรี่ยวแรงไว้ในอ้อมกอด น้ำตาไหลพราก แล้วพูดว่า
"ฉันรักคุณมาก และจะรักคุณตลอดไป !
ฉันอนุญาตให้คุณตาย คุณไปได้
ไปพร้อมกับความรักของฉัน !
ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว" เธอกอดและจูบเขา....
วันรุ่งขึ้น สามีตาย !!!
..............................................
เราทุกคนก็หนีไม่พ้นสิ่งนี้
วันหนึ่งเราต้องเห็นคนที่เรารักจากไป ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ สามี ภรรยา พี่น้อง หรือแม้แต่ ลูกของเรา ! วันหนึ่งเราต้องปล่อยให้เขาไป เมื่อเวลาของเขาสิ้นสุดลง เราไม่สามารถดึงรั้งเขาไว้ไม่ว่าเราจะรักเขามากเพียงใด !!
วิธีคิดที่จะไม่ทำให้เราทุกข์มากนักกับความตายของคนอันเป็นที่รัก คือ ให้เข้าใจความจริงว่า ความตายเป็นธรรมชาติของชีวิต เมื่อเราเกิด แน่นอนความตายรอเราอยู่ !! มันไม่ได้เกิดกับเราเท่านั้น ทุก ๆ คนต้องได้เจอ เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเมื่อไรหรือใครจะไปก่อน?
มองหาสิ่งดี ๆ คิดให้เป็นบวก คิดยังไง? บางคนถาม ใครจะคิดได้ !!!
เช็ดน้ำตามากมายที่ไหลรินออกมา แล้วทำให้ดวงตาเราพร่ามัวออกซะ..แล้วเราจะมองเห็นว่า....
ในทางพุทธศาสนา ความตายไม่ใช่จุดจบของชีวิต มันแค่เป็นการสิ้นสุดของร่างกายนี้เท่านั้น ภพชาติใหม่รอเราอยู่
ถ้าคนที่ตายเป็นพ่อแม่ ผู้สูงวัย สังขารของท่านก็ร่วงโรย แล้วเราจะไม่อยากให้ท่านได้มีชีวิตใหม่ ร่างใหม่ที่เป็นหนุ่มสาว มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขกับร่างกายใหม่อีกครั้งหรือ
หรือถ้าผู้เป็นที่รักของเรา กำลังเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเพราะอาการป่วย หรือโรคร้าย เราจะไม่อยากให้คนที่เรารักหายจากความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานนี้หรือ
ความตาย เป็นกลไกการรักษาที่ธรรมชาติสร้างมาให้ เมื่อถึงจุดหนี่งที่ร่างกายของเรารับความทรมานนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ร่างกายของเราก็จะ shut down นั่นก็คือ ตาย เพื่อยุติความเจ็บปวดอันเกินกว่าที่จะทนได้อีกแล้ว
เมื่อเวลาของคนอันเป็นที่รักหมด ปล่อยเขาไป !! เขาไปสบายแล้ว ตัดสายใยรักนี้ที่ดึงรั้งเขาไว้
เรารักเขามาก มากพอที่จะปลดปล่อยให้เขาเป็นอิสระให้เขาพ้นจากความเจ็บปวดนี้ และไปตามทางที่เขาต้องไป และปล่อยตัวเราให้พ้นจากความเศร้าโศกและมีชีวิตอยู่ต่อไป อย่างคนที่เข้าใจความเป็นจริงของโลก และชีวิต......
ความตายของใครสักคน เป็นเหมือนเครื่องเตือนสติเราว่า ชีวิตเราไม่แน่นอน
อะไรคือสิ่งสำคัญของชีวิต เมื่อรู้ว่าชีวิตไม่เที่ยง ดังนั้น เราควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด หมั่นทำความดี ทำบุญ และสิ่งที่มีค่าก็คือช่วงเวลาของการได้อยู่กับคนอันเป็นที่รัก
รักเขา !! ทำดีกับเขา ขอโทษเขาและให้อภัยเขา ให้ทำตั้งแต่ตอนนี้ พรุ่งนี้อาจสายเกินไป เพราะพรุ่งนี้อาจจะไม่มีอีกแล้ว........