ในปี ค.ศ.1923 ครั้งแรกที่ศีรษะมนุษย์ขนาดเล็กที่เชื่อกันว่าเป็นเครื่องรางหรือของรางวัลสำหรับวีรบุรุษได้เดินทางมาถึงสถานที่ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แมกมานัส เมือนดันดี ประเทศสก็อตแลนด์ ผู้คนต่างก็พากันสงสัยว่าเจ้าของศีรษะนี้เป็นคนหรือลิงกันแน่ เป็นของแท้หรือทำขึ้นมาจากวัสดุสังเคราะห์ และใบหน้าดั้งเดิมนั้นเป็นอย่างไร...
เชื่อกันว่าศีรษะนี้มาจากดินแดนแถบแอมะซอนตะวันตก อันเป็นถิ่นฐานของชาวชูอาร์ (Shuar) หรือ คีวาโร (Jivaro) โดยชนพื้นเมืองเหล่านี้เชื่อว่าวิญญาณของศัตรูที่ถูกฆ่าตายจะผูกพยาบาทและคอยตามอาฆาตผู้ลงมือฆ่าตน วิธีการแก้ไขคือต้องทำให้ศีรษะของผู้ตายแห้งและหดเล็กลงแล้วนำไปประกอบพิธีกรรมสะกดวิญญาณ
เมื่อชาวยุโรปเข้าสู่ภูมิภาคนี้มากขึ้นในศตวรรษที่ 19 ศีรษะย่อส่วนหรือที่เรียกกันว่า
"ซันซา" (tsantsa) ก็กลายเป็นของที่ระลึกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
โทบิแอส ฮูลตัน นักศึกษาด้านศิลปะเพื่อนิติวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยดันดี ใช้กระบวนการสืบสวนสมัยใหม่ไขปริศนาต่าง ๆ ของซันซา และผลจากการตรวจสอบผมและหนังศีรษะเผยว่า ศีรษะเหล่านี้เป็นของมนุษย์จริงๆ รายละเอียดอื่นๆ เช่นริมฝีปากที่โป่งพองและผิวหนังสีดำมันวาว ทำให้ฮูลตันเชื่อว่านี่คือผลงานของชาวซูอาร์อย่างแน่นอน...
[ศีรษะต้นแบบ]
จากนั้นเขาได้เริ่มทำการทดลองกับสุกรหลายตัวเพื่อทดสอบผลทางกายภาพในการย่อส่วนศีรษะ เนื่องจากผิวหนังของพวกมันมีคุณสมบัติคล้ายผิวหนังมนุษย์ ระหว่างการทดลองฮูลตันพบว่า กระดูกอ่อนปีกจมูกนั้นไม่ยอมหดลง ทำให้จมูกกลายเป็นจมูกรั้นตามที่พบในซันซาส่วนมาก
[ภาพจำลองลักษณะหน้าตาเจ้าของศีรษะ]
ศีรษะนี้ (ภาพต้นแบบด้านบน) คือตัวอย่างที่ฮูลตันนำมาวิเคราะห์ และทำการจำลองหน้าตาดั้งเดิมของเจ้าของศีรษะ ฮูลตันตั้งสมมติฐานว่านี่อาจเป็นศีรษะของนักรบคนหนึ่ง และเริ่มประติดประต่อลักษณะเด่นๆ บนใบหน้าโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าชายผู้นี้จะเป็นใครก็ตามเขาได้กลายเป็นโฉมหน้าของวัฒนธรรมที่สาบสูญไปเสียแล้ว..
...วิธีทำซันซา...
ระหว่างการเข้าปล้นสะดม ผู้พิชิตจะทำการตัดหัวศัตรูผู้พ่ายแพ้ จากนั้นจึงถลกหนังออกจากกระโหลก ทำให้ได้หน้ากากที่ยืดหยุ่นซึ่งประกอบด้วยใบหน้าและเรือนผม แล้วนำมาเข้ากระบวนการย่อส่วน
ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3
1. ถนอมสภาพด้วยความร้อน : หลังจากนำผิวหนังไปแช่ในน้ำร้อน แล้วต้องทำการขูดไข
มันที่ตกค้างออกให้หมดจากนั้นจึงเย็บรอยผ่าเพื่อให้ได้รูปทรงเดิมของศีรษะ แล้วนำหิน
ร้อนๆ มาใส่ลงไปในช่องตรงลำคอ (ภาพที่ 1)
2. ทำหน้า : เททรายร้อนๆ ปิดทับลงไป ความร้อนจะทำให้ศีรษะหดตัวเมื่อแห้งลง จาก
นั้นจึงนำถ่านมาละเลงใบหน้า แล้วใช้หินร้อนๆ รีดทับให้เรียบ (ภาพที่ 2)
3. ทำถ้วยรางวัลแห่งการศึก : จากนั้นศีรษะนี้จะมีขนาดเท่ากับกำปั้น และถูกนำมารมควัน
เพื่อรักษาสภาพ เสร็จแล้วก็นำเชือกมาร้อยที่ด้านบนก็สามารถนำไปสวมใส่เป็นสร้อยคอ
แห่งความกล้าหาญและชัยชนะได้ (ภาพที่ 3)
...เพิ่มเติม...
ถ้าคุณไปเที่ยวเมืองกิโต เมืองหลวงของเอกวาเดอร์ คุณอาจจะพบกับชาวอินเดียแดงสักคน ถ้าโชคดีเขาก็อาจนำสินค้าที่ระลึกมาเสนอขายให้คุณในราคาที่ไม่แพงนัก และบางทีอาจพบสินค้าสุดแสนพิเศษอย่างหนึ่งมันก็คือ "หัวมนุษย์ย่อส่วนแบบของจริง"คุณสามารถเลือกซื้อได้ตามต้องการ ราคาเมื่อเทียบกับเงินไทยก็ประมาณหัวละ 10,000 บาท (สำหรับหัวของชาวอินเดียแดง) และถ้าแพงหน่อยก็หัวที่มีผมสีทอง (คนขาว) จะราคาสูงถึง 30,000 บาท นัยว่ามันสวยและน่ารักกว่า คุณอาจได้หัวราคาถูกๆ จากพ่อค้าคนกลางก็ได้ แต่ถ้าอยากได้ของถูกกว่านี้อีกคุณต้องบุกหรือลงทุนเสี่ยงตายไปซื้อถึงแหล่งผลิตกันเลยทีเดียว เพราะไม่แน่หัวของคุณอาจเป็นสินค้าเสียเองก็ได้ใครจะไปรู้...
สำหรับใครที่ตัดสินใจว่าอยากได้หัวย่อมนุษย์แบบถูกๆ แบบไม่กลัวตายละก็ ก่อนอื่นท่านต้องขึ้นเครื่องบินไปประเทศเอกวาเดอร์ก่อน จากนั้นก็ต่อเครื่องบินลงต่อที่มาคาส์ ซึ่งอยู่ในป่าลึกทางตอนใต้ติดกับพรมแดนเปรู เมื่อถึงสนามบินก็ต้องหาไกด์ (ซึ่งไม่ค่อยมีใครอยากไปที่นั้นนัก) พาท่านไปที่หมู่บ้านอินเดียแดงคีวาโร ซึ่งเป็นเผ่าอินเดียแดงที่เป็นนักย่อหัวมนุษย์เก่งกาจฉกาจเลยทีเดียว นิสัยป่าเถื่อน และไม่ได้ย่อหัวมนุษย์เฉพาะการค้า เพียงแต่จะทำเมื่อเกิดเภทภัยเท่านั้น เช่นระเบิดภูเขาไฟ หรือไร่นาเสียหาย แสดงว่าเทพเจ้าลงโทษ และหมอผีประจำหมูบ้านจะออกคำสั่งให้ออกล่าหัวมนุษย์ย่อส่วน หรือในกรณีพระจันทร์เต็มดวงหมอผีประจำเผ่าจะไล่ล่าหัวมนุษย์ได้เช่นกัน...
การเตรียมล่าคนเพื่อย่อหัว พวกคีวาโรจะเตรียม มีด หลาว หอก ลูกดอกอาบยาพิษ ออกไล่ล่าหัวมนุษย์ ซึ่งบางครั้งก็เป็นหัวของชาวผิวขาวหรืออินเดียแดงเผ่าอื่นๆ เพื่อนำมาย่อส่วนลงโดยกรรมวิธีของหมอผีชาวเผ่าคีวาโรนั้นเอง สำหรับท่านเมื่อมาถึงหมู่บ้านคีวาโรแล้ว ก็สามารถต่อรองราคากันเองได้เลย หรือไม่ก็เอาไฟฉาย ไฟแซ็คมาแลกเปลี่ยนก็ไหว หรือไม่ก็เป็นหัวมนุษย์ย่อส่วนก็ได้ เลือกเอาเองนะค๊ะ...
หลังจากโละหัวมนุษย์ย่อส่วนทิ้งทุกๆ 3 ปี ก็จะถึงคราวที่พวกคีวาโรต้องหาหัวมนุษย์ชุดใหม่มาย่อส่วน เพื่อไม่ให้พลังขาดตอน จนเป็นวัฏจักรในที่สุด ถึงแม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลเอกวาเดอร์จะสั่งห้ามให้พวกคีวาโรฆ่าคนเพื่อล่าหัวแล้วก็ตาม แต่ก็คาดว่าพวกคีวาโรก็ยังแอบล่าและย่อหัวมนุษย์อยู่ในป่าทึบของเอกวาเดอร์ อยู่เหมือนเดิม...
ปัจจุบันนี้ตลาดค้าหัวมนุษย์นั้นแม้จะมีขนาดเล็ก เพราะมีบางประเทศสั่งห้ามนำเข้าจึงต้องทำแบบลับๆ นั่นเองที่ทำให้มูลค่าของหัวยิ่งมหาศาล (บางเจ้าไม่ใช่คีวาโรแต่ทำหัวย่อส่วนเอง หรือทำของปลอมมาขายก็ยังมี) มีผู้คนมากมายหรือแม้แต่พิพิธภัณฑ์ องค์กรลับ ที่พร้อมจ่ายเงินเป็นค่าหัวนั้นชนิดไม่มีอั้น ที่ดังๆ ก็เจ้าพ่อ อัล คาโปน คนหนึ่งละที่เป็นนักสะสมหัวมนุษย์ย่อส่วนตัวยง...