คุณค่าของ ลูกเกด

ผลไม้อบแห้งที่คุ้นเคยที่เป็นที่นิยมและรู้จักของคนทั่วโลกด้วยรสชาติหอม หวาน คงไม่มีอะไรเทียบเท่า “ลูกเกด”

ลูกเกด คือ องุ่นพันธุ์ raisin ที่ปลูกเพื่อใช้ผลทำลูกเกดไม่มีเมล็ด รสหวานนำไปตากแดด ซึ่งจะได้ลูกเกดที่มีสีดำ หรือทำการอบแห้งด้วยสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะได้ลูกเกดสีทอง รู้หรือไม่ว่า อาหารคาว หวานที่มีส่วนผสมจากลูกเกดหลายเมนูที่หลายคนชื่นชอบนั้น ไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อยลิ้น ทว่าแฝงด้วยคุณค่าทางโภชนาการต่อสุขภาพอีกด้วย 

ริชาร์ด ลิว ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการค้า คณะกรรมการส่งเสริมการส่งออกลูกเกดแคลิฟอร์เนียในประเทศไทย อธิบายว่า ใน ลูกเกดไม่มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ยับยั้งการเกิดโรคความเสื่อมทั้งหลาย มีธาตุฟอสฟอรัสและแคลเซียม สูง แถมยังมีแร่ธาตุและวิตามินที่ดีต่อสุขภาพคือ มีวิตามิน A วิตามิน C ธาตุเหล็ก แคลเซียม โปรแตสเซียม แมกนีเซียม ไนอาซิน โฟลาซิน และไฟเบอร์สูง ช่วยในการขับถ่าย

ความหวานในลูกเกด เกิดจากน้ำตาลฟรุกโตสซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยว ที่สามารถดูดซึมได้ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยในระบบทางเดินอาหาร เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เด็ก และบุคคลทุกวัย ผู้รักสุขภาพสามารถนำลูกเกดไปปรุงเป็นอาหารเพื่อคุมน้ำหนักเพราะจะไปเพิ่มธาตุเหล็กและช่วยในการส่งออกซิเจนไปตามกระแสเลือดในผู้ที่ชอบออกกำลังกาย

จากงานวิจัยของ วิทยาลัย ทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Illinois แห่ง Chicago, USA. พบว่า พฤกษเคมี (Phytochemical) ในลูกเกดสามารถใช้ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปากบางสายพันธุ์ ที่ก่อให้เกิดโรคในช่องปากได้ ด้วยเหตุนี้เมื่อใส่ลูกเกดในขนมหวานจึงช่วยยืดอายุของขนมหวานนั้นได้มากกว่า ปกติ ส่วนตำราอายุรเวทของอินเดียยกย่องว่าลูกเกดสีดำ มีสรรพคุณบำรุงร่างกายโดยเฉพาะบำรุงเลือดและแก้ไอแก้หอบหืดได้ดี

สำหรับคำแนะนำในการเลือกซื้อ คือ ควร เลือกลูกเกดที่มีสีและกลิ่นหอมตามธรรมชาติ ไร้สารปรุงแต่ง และตากแห้งโดยแสงแดดจากธรรมชาติรสสัมผัสนุ่มนวล ให้ความรู้สึกหนุบหนับเวลาเคี้ยว และไม่มีเมล็ด มีความชื้นต่ำ ทำให้คงคุณค่าได้นาน ไม่เสียง่าย ปลอดจากสารเคมีใดๆ ในทุกขั้นตอนการผลิตมีระบบการเก็บเกี่ยวที่มีคุณภาพจากไร่ที่มีมาตรฐานสูง อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและมีระบบขนส่งที่ปลอดภัยทุกขั้นตอน

ใครที่อยากจะเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและไฟเบอร์ให้กับอาหารจานโปรด เพียงเติมลูกเกดลงไป ไม่ว่าจะเป็นอาหารหวาน อาหารคาว หรือจะรับประทานแทนขนมขบเคี้ยว

Credit: http://variety.teenee.com/foodforbrain/56799.html
10 ต.ค. 56 เวลา 13:53 1,372 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...