"รู้เขา รู้เรา-รบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง" วาทะกรรมของปราชญ์ทหาร ชาวจีน ขอนำมาเป็นความนำเพื่อเป็นข้อคิด ของบรรดาทหารแก่ รุ่นพี่ รุ่นน้อง ที่เกษียณราชการไปแล้ว หรือแม้แต่ที่ยังรับใช้ชาติอยู่
เคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่า การก่อความไม่สงบด้วยการก่อการร้ายของทหารอาร์เคเคติดอาวุธเพียง 7,000-8,000 คน โจรฯทำอย่างไรที่สามารถยันกำลังทหาร และกำลังกึ่งทหารในพื้นที่ 3 จชต. ซึ่งมีมากกว่าหลายสิบเท่าได้ และทำให้ฝ่ายเรามีการสูญเสีย บาดเจ็บ พิการ ตาย ปัจจุบันนี้มียอดผู้เสียชีวิตทั้งชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง (ทหาร,ตำรวจ,ตชด.,อส.ต่างๆ) มีจำนวน 5,000 เศษ และบาดเจ็บพิการอีก 10,000 เศษ
สถานการณ์ก่อการร้ายที่ 3 จชต. ได้ยืดเยื้อมาเกือบครบ 10 ปีแล้ว ถ้าจะนับตั้งแต่เกิดเหตุร้ายเมื่อ 4 มกราคม 2547 โจรคงจะมีกูรูผู้เชี่ยวชาญการวางแผน และการรบแบบกองโจรชั้นยอดเยี่ยมสามารถทำให้ฝ่ายเราซึ่งมีกำลังมากกว่าและเหนือกว่า ในศักยภาพการรบแต่ไม่สามารถทำให้การก่อความไม่สงบยุติลงได้ สถานการณ์ที่ 3 จชต. ปัจจุบันนี้เป็นสถานการณ์สงคราม
สงครามจะยุติลงได้ก็ด้วย "สงครามเท่านั้น"
ในอดีตที่ชาติไทยของเราติดอยู่ในสงครามเย็น เกือบ 20 ปี แต่สามารถผ่านสงครามเย็นมาได้ด้วยยุทธศาสตร์ "การเมือง นำการทหาร" แต่ถ้าศึกษาให้ลึกลงไปในยุคศาสตร์ "การเมืองนำการทหาร" นั้นก็จะพบว่า ก่อนจะบรรลุชัยชนะในทางการเมืองนั้น ต้องใช้กำลังปฏิบัติการทางทหารก่อนทั้งสิ้น ซึ่งผมต้องให้เกียรติกับกองทัพบกที่รู้ทันโจรก่อการร้ายในช่วงนั้นคือ กองทัพปลดแอก ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (ทปท.) ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ทางภาคเหนือ คือเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ฐานที่มั่นภาคอีสานที่ภูพาน จ.สกลนคร ฐานที่มั่นภาคใต้ที่เขาน้ำค้าง จ.สุราษฎร์ธานี ฐานที่มั่น (เบสแอเรีย) คือพื้นที่ที่ฝ่ายโจร คือ ทปท. ยึดพื้นที่นั้นๆ ได้แล้ว หมายถึงฝ่ายโจรมีอำนาจรัฐซ้อน อำนาจรัฐของฝ่ายรัฐบาล การเมือง และการปกครองในพื้นที่เป็นของโจรฯ อำนาจของข้าราชการฝ่ายปกครองและตำรวจมีตามตัวหนังสือเท่านั้น
เพื่อมิให้สงครามกองโจรฯในสงครามเย็นก้าวไปสู่ขั้นรุกได้ ทบ.จึงได้ออกคำสั่งให้ทุกกองทัพภาค ทำการรุกทางทหารต่อที่หมายสำคัญในพื้นที่ของ ทภ.ต่างๆ ปรากฏว่า ฐานที่มั่นของ ทปท. ที่ภูพานพื้นที่ ทภ.2 และที่เขาค้อ พื้นที่ ทภ.3 ถูกฝ่ายเรา จับยึดและทำลายได้หมด เว้นทาง ทภ.4 ซึ่งฝ่าย ทปท.ยังคงดำรงการต่อสู้ไปได้อย่างยืดเยื้อจนกระทั่งเมื่อ ทบ.ส่ง พล.ท.หาญ ลีนานนท์ ไปเป็น มทภ.4 ห้วงเวลาปี 24-26 สงครามเย็นช่วงสุดท้ายในชาติ ก็ได้ยุติลงอย่างสิ้นเชิงด้วยนโยบายใต้ร่มเย็น ของ "แม่ทัพหาญ" เพราะฐานที่มั่นหลักที่เขาน้ำค้าง จ.สุราษฎร์ธานี และฐานย่อยๆ ของ ทปท.ที่พัทลุง, ตรัง และนครศรีธรรมราชถูกฝ่ายเราตีแตกและจับยึดได้หมด เมื่อหมดกำลังติดอาวุธ และสูญเสียฐานที่มั่นทุกภาคของประเทศ "พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย" ก็หมดโอกาสที่จะโค่นล้มรัฐบาลและยึดอำนาจทางการเมือง เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองให้เป็นไปตามที่ พคท.ต้องการได้
อย่างไรก็ดี เชื่อว่า พคท.มิได้ตายหรือหายไปจากแผ่นดินนี้ ตราบใดที่อำนาจเผด็จการอิทธิพลและอำนาจมืดยังมีอยู่ในสังคมของประเทศไทยตั้งแต่ระดับชาติ จนถึงระดับท้องถิ่น
เมื่อหันมาดูสงครามที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (3 จชต.) ซึ่งขบวนการโจรก่อการร้ายบีอาร์เอ็นโคออดิเนต ประกาศยืนยันว่า ตนเป็นผู้รับผิดชอบการก่อการร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นแต่ผู้เดียว การก่อการร้ายที่ 3 จชต.นั้น แตกต่างกว่าการก่อการร้ายในสงครามเย็นในอดีตโดยสิ้นเชิง เรื่องสำคัญฝ่ายเราต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน คือ
1.การก่อการร้ายที่ 3 จชต.นั้น ฐานที่มั่นของโจรในสงครามนี้อยู่ในหมู่บ้าน โจรวางกำลังทหารอาร์เคเค 8-12 คนไว้ในแต่ละหมู่บ้านสีแดง อำนาจการปกครอง และการเมืองเป็นของโจรฯชาวบ้านไม่มีใครเห็นหรือรู้จักอาร์เคเค แต่ก็รู้ว่าทุกย่างก้าวของตนนั้นอยู่ในสายตาของ กลุ่มอาร์เคเค โดยตลอด ใครที่ยืนเป็นกลาง หรือพูดกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ บ่อยๆ ไม่ช้าก็ตายหรือหายไปจากหมู่บ้านโดยไม่รู้สาเหตุ ชาวบ้านกลัวโจรฯยิ่งกว่าฝ่ายปกครองและตำรวจ
2.โจรฯมีหน่วยการเมือง เรียกว่า อาเยาะห์ อยู่ในหมู่บ้าน อาเยาะห์เป็นหน่วยเปิดใครๆ ก็รู้จัก เพราะอาเยาะห์เข้าใกล้ชิดชาวบ้าน เกาะติดมวลชนหนุ่มสาว ใครมีอุดมการณ์ "ปลดปล่อยรัฐปัตตานี" ก็จะคัดส่งไปฝึกเป็นอาร์เคเค ที่เหลือปลุกระดมเป็นแนวร่วม หน้าที่สำคัญของอาเยาะห์ ส่งกำลังบำรุงหาข่าว ให้ที่พักหลับนอน เมื่ออาร์เคเค กลับจากปฏิบัติการ หรือพาอาร์เคเคหลบหนีเมื่อหมู่บ้านถูกตรวจค้น
3.หน้าที่สำคัญของแนวร่วม คือช่วยให้อาร์เคเคสำเร็จภารกิจทางทหาร เช่น วางตะปูเรือใบ หน่วงเหนี่ยวกำลังฝ่ายเราที่เข้าไปช่วยแก้ปัญหา ทำการวางเป้าลวงเพื่อให้ฝ่ายเราหลงไปติดกับดักแล้วทำลายเสีย ด้วยการยิงซุ่มยิง หรือวางระเบิดแสวงเครื่อง ฯลฯ
4.ข้อแตกต่างที่สำคัญ ระหว่างสงครามเย็นและสงครามปัจจุบันที่ 3 จชต.
4.1 สงครามเย็น ฝ่าย พคท.ต้องใช้เวลาเพื่อสร้างกองกำลังเรียกว่า กองทัพปลดแอก (ทปท.) ให้ใหญ่โตเข้มแข็ง มีศักยภาพทางการรบเท่าเทียมกับกำลังทหาร (กองทัพ) ที่ค้ำจุนฐานอำนาจของรัฐบาลจึงจะโค่นล้มรัฐบาลได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 10-20 ปีหรือมากกว่า
4.2 สงครามก่อการร้าย ปัจจุบันที่ 3 จชต.เรียกว่า การก่อการร้ายแนวใหม่ภาษาสากลว่า นี-โอ เทเรอริสซึ่ม หรือ การก่อการร้ายที่ไร้ผู้นำ จัดกำลังเป็นหน่วยขนาดเล็กคล่องตัว 2-4-6 คนเคลื่อนที่รวดเร็วด้วย จยย.3 คัน ไปได้ทุกภูมิประเทศ ทั้งในเมือง-นอกเมืองถึงยอดดอย คุมถนนได้ทุกสายไปได้อย่างเสรี
4.3 โจรฯมีทักษะการใช้อาวุธยิงจากมือปืนที่นั่งท้าย จยย.เมื่อคนขับเร่งเครื่องประกบเหยื่อตายทุกราย ไม่ว่าผู้เคราะห์ร้ายจะขี่ จยย.หรือขับรถยนต์
4.4 ด้วยการจัดที่คล่องตัวในข้อ 4.2 และมีความชำนาญในการใช้อาวุธสังหารร้ายแรง ข้อ 4.3 พร้อมทั้งมีการข่าวที่ดีเพราะรู้เห็นการเคลื่อนไหวของฝ่ายเราตลอดเวลา เนื่องจากไปตั้งฐานปฏิบัติการในหมู่บ้านจึงสามารถรวบรวมกำลังได้ล่วงหน้าให้มีกำลังเหนือกว่าฝ่ายเรา ทุกการยุทธ (ปะทะ) ที่เกิดขึ้นโจรฯมีกำลัง 30-40 คน แต่ฝ่ายเราจะมีเพียง 8-12 คน จึงเป็นฝ่ายถูกบดขยี้หรือที่เรียกว่าถูกทำลายล้าง (จับ-ยึด-ฆ่า-เผา) โจรฯ รู้จักทำกำลังน้อยให้เป็นกำลังมากแต่ฝ่ายเรามีกำลังมากกว่าทำให้เป็นกำลังน้อยผมว่าโจรนั้นทำถูกตามหลักการสงครามทั้งๆ ที่ทหารอาร์เคเคเรียนการรบเพียง 1 เดือน แต่สำหรับฝ่ายเรานั้นอาจารย์ยุทธวิธีที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบกของผมมิได้สอนเช่นนี้แน่นอน
4.5 ข้อสังเกตที่นักการทหารไม่ควรมองข้ามคือสงครามที่ 3 จชต.นั้นฝ่ายโจรใช้กำลังเพียงน้อยๆ ตามที่กล่าวในวรรคต้นแต่สามารถยันกำลังรบฝ่ายเรา ซึ่งเหนือกว่าในทุกๆ ด้านได้ และทำให้ฝ่ายเราพบกับการสูญเสียเป็นประจำทหารของเราที่ได้รับการฝึกดีเป็นพิเศษ (พวกแบเร่ห์แดง) แล้วยังเคยถูกจับไปฆ่าตัดคอ
หากปล่อยให้เหตุการณ์เช่นทุกวันนี้ดำรงอยู่ต่อไปสักวันหนึ่งหมู่บ้านสีแดง อาจถูกปลดปล่อยอย่างเงียบๆ นายอำเภอ ตำรวจและผู้ว่าฯ มารู้ตัวเอาก็ต่อเมื่อ ย่างไปไหนไม่ได้ เพราะในพื้นที่เต็มไปด้วยโจรอาร์เคเคติดอาวุธ ซึ่งประกอบกำลังจากแนวร่วมจัดตั้งและเอาอาวุธมาจากคลังแสงโจรที่ฝังไว้ในหมู่บ้าน มาถึงตรงนี้ก็ขอถือโอกาสเตือนท่านที่เคยพูดว่าปัญหาใต้ (3 จชต.) นั้นมันมีมานานแล้ว...ค่อยๆ แก้ไป
"...ไม่ใช่ครับ" มันต้องคิดใหม่ทำใหม่มันต้องจบโดยเร็ว....จึงขอให้บรรดา "ทหารแก่ไม่มีวันตาย" มาช่วยน้องๆ ทหารใหญ่ที่ยังรับราชการอยู่ให้มองเห็นลู่ทางเอาชนะโจรใต้ให้สำเร็จโดยเร็ว....
โดย พลเอก หาญ ลีนานนท์
(ที่มา:มติชนรายวัน 8 ต.ค.2556)