ข้อดีของการมีเมียเด็ก

 

 

 

 

 

  

เวลาเดินตามห้าง มักเห็นคนที่มาเป็นครอบครัว ประมาณว่าผู้ชายจะเดินนำหน้าเร็วมาก จากนั้นจะเห็นเมียแก่ๆเดินตามมาข้างหลัง อาจจะมีลูกเต้าสะพายหรือกระเตงมาก หรือไม่ก็เดินตามกันมา 2-3 คน ภาพแบบนี้ เวลามองให้ละเอียดขึ้น จะเห็นว่าหน้าตาของผัวกับเมียมัจะแก่โทรมพอๆกัน หรือบางทีผัวดูหน้าเด็กกว่า แบบนี้อนุมาณได้ว่าผัวกับเมียอายุน่าจะไล่เรี่ยกัน

ตอนเป็นหนุ่มเป็นสาวมีเมียแต่อายุน้อยก็รู้สึกมีความสุขดี แต่พอมีลูก มีหลาน เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า 10 บ้าง 20 บ้าง 30ปีบ้าง สังขารก็ล่วงเลยกันไปตามวัย ถ้าไม่ผ่านปัญหาชีวิตมาอย่างเหน็ดเหนื่อยมากนัก ผู้ชายมักจะดูแก่น้อยกว่าผู้หญิง อันนี้เป็นเรื่องพิสูจน์ได้

และอีกอย่างที่คนมักไม่ค่อยพูดกันคือ อารมณ์ทางเพศของผู้ชายยังสูงอยู่ เมื่อเทียบกับผู้หญิงแก่ในวัยเดียวกัน นี่จึงเป็นเหตุให้ผัวมีเมียน้อย เพราะเมียบ่อลักแล้ว ตัวผัวยังเซ็กส์จัดอยู่ เป็นความจริงที่สังคมต้องเอามาตีแผ่ เมื่อสังคมไทยไม่ค่อยพูดความจริงกัน ปัญหาจึงเกิด

  

ถ้าชายแก่มีครอบครัวคนไหนออกมายอมรับตรงๆว่า "ผมยังเซ็กส์จัดอยู่" คงโดนตราหน้าว่าเป็นอ้ายแก่ตัณหากลับ อ้ายเฒ่าหัวงู อ้ายแก่ไม่รู้จักปลง" คำด่า ตำหนิและค่อนแคะนี้ไม่เกิดประโยชน์อะไร รังแต่ทำให้ผู้ชายไม่อยากพูดสิ่งที่มีอยู่ในใจ และจบลงด้วยการแอบมีเมียน้อย

อย่างว่านะ ถ้าไม่ให้แอบแล้วจะบอกให้เมียยอมรับรึ ว่าผัวยังเซ็กส์ ขอมีเมียอีกคน อย่างนี้คงไม่มีใครยอม ผมจึงคิดของผมคนเดียว เรื่องของผม ว่าปัญหาทั้งหลายทั้งปวง สามารถแก้ได้ทั้งปัญหาสังคม ปัญหาความต้องการทางเพศและอะไรอีกหลายเรื่อง โดยการให้ผู้ชายมีเมียที่อายุห่างกันหลายๆปี

คำถามคือหลายๆปีนี่จะเอาสักกี่ปี ต้องยอมรับความจริงว่าตอนเราเด็กๆเรียนหนังสืออยู่ เห็นรุ่นพี่อายุห่างจากเราแค่ปีสองปีก็รู้สึกว่าเขาเหนื่อกว่าเราหลายอย่าง ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิและขนาดร่างกาย

 

พอโตขึ้นหน่อย ถ้าเราอายุ 20 เจอคนอายุ 25 ก็รู้สึกได้ว่าเขาแก่กว่า แต่ถึงตรงนี้ก็มีผู้ชายหลายคนเริ่มจีบคนอายุมากกว่าได้ ถ้าสวยเซ็กส์ขาดบาดใจ (และมารู้ตัวว่าคิดผิดตอนมันอายุผ่านวัย 30)

แต่พอเราอายุ 30 ปี เริ่มรู้สึกว่าคนอายุ 35 ไม่ต่างจากเราเท่าไหร่ (ยกเว้นผู้ชายที่มีเมียอายุเท่ากันหรือมากกว่า ย่อมรู้สึกว่าเมียดูแก่กว่าตัวเอง) แต่พอเราอายุ 40 เราจะไม่รู้สึกเลยว่าคนอายุ 45 จะต่างจากเรามากน้อยแค่ไหน และถ้าเราอายุ 50 หรือ 60 คนอายุมากกว่าเรา 10 ปีหรือน้อยกว่าเรา 10 ปีก็จะดูหง่อมๆพอๆกันหมด ไม่มีใครต่างกันเลย แต่ถ้ามีเมียอายุเท่ากัน เวลาเดินไปไหนคนอาจคิดว่าผู้ชายเดินมากับแม่

วันก่อนเห็นนิตยสารฉบับหนึ่งมีภาพถ่ายคู่สมรสสามีภรรยาคนใหญ่โตไฮโซเมืองไทยที่ออกมารับพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์ ยังนินทาขำๆกับคนข้างๆเวลามองรูปถ่ายบางคู่ว่า นี่เขาถ่ายรูปคู่กับแม่หรือเมีย คือเมียจะดูแก่มากจนเป็นแม่ได้

บางคู่ผัวเป็นนายทหารนายตำรวจใหญ่โต ยังกระฉับกระเฉงหนุ่มฟ้อ แต่ที่ยืนข้างๆที่ใส่ชุดผ้าทอโบราณนี่ ดูไม่ออกว่าอันไหนเก่ากว่ากัน เหมือนมีชุดเชี่ยนหมากประดับอยู่ข้างๆในตำรวจ

 

บางคนคงนึกด่าผม ว่ามองแต่รูป ความรักมันอยู่ที่ใจ คนเขารักกันอยู่ด้วยกันมา 30-40 ปี มีแต่ใจให้กัน มีแต่อคติจิตใจเป็นกุศล ชั่วช้าสารเลวที่คิดอย่างนี้ คือถ้าคิดอย่างนี้ก็จบกันอีก ไม่พูดความจริงกัน

ความรักก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องความต้องการตามธรรมชาติก็เรื่องหนึ่ง ไม่ยอมคุยกันให้เข้าใจปิดหูปิดตาหลอกตัวเองกันอยู่นั่นไง ผัวถึงได้ไปมีเมียน้อย ยิ่งใหญ่ยิ่งโตมากอาจไม่ใช่มีแค่หนึ่ง

โดยธรรมชาติแล้วผู้ชายคนไหน ต่อให้มันแก่หงำเหงือกยังไง เห็นสาวสวยหุ่นดีตรงเสปค ถ้ามันบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย มันไม่น่าจะเป็นผู้ชาย หรือไม่ก็เหล่านั้งเคียวห่วย ตะบันน้ำกินอย่างแท้จริง (ยกวันพระ)

  

ถ้าเริ่มคล้อยตามให้อ่านต่อมาอีก ว่าผู้ชายกับผู้หญิงอายุห่างกันกี่ปีถึงจะถือว่ามีเมียเด็ก อันนี้ไม่บอกให้คิดกันเอาเอง แต่ผมวิเคราะห์ว่า

มาตรฐานความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของผู้ชายมักเป็นอย่างนี้
1. อายุ 20 ปี ยังสดใสอยู่ในวัยเรียนรู้ มีแรง มีความรู้ แต่ไร้เงินและประสบการณ์
2. อายุ 30 ปี ยังมีแรง มีความรู้ มีประสบการณ์และพอมีเงินบ้าง
3. อายุ 40 ปี พอมีแรง มีความรู้มาก ประสบการณ์แน่น เงินเต็มกระเป๋า
4. อายุ 50 ปี แรงน้อย หลงๆลืมๆ ประสบการณ์เยอะ เข้าข่ายมั่งคั่ง
5. อายุ 60 ปี หมดแรง ความจำลด ประสบการณ์ไม่มีประโยชน์ ใช้เงินไม่เป็น
6. อายุ 70 ปี ใกล้ตาย ลูกหลานแช่ง ไม่มีใครฟัง

ของผู้หญิง
1. อายุ 20 ปี ดอกไม้ผลิบานเต็มที่ ร่าเริงเบิกบาน รู้น้อย ประสบการณ์ไม่มี
2. อายุ 30 ปี ดอกไม้ใกล้โรย เครียดกับงาน หมดเงินกับการแต่งตัว
3. อายุ 40 ปี มีแต่รอยเหี่ยวช้ำ ผลาญเงินกับเครื่องสำอางค์
4. อายุ 50 ปี วัยแห่งความระแวง นอนตาไม่หลับ กินไม่อร่อย เป็นสารพัดโรค
5. อายุ 60 ปี วัยผัวแช่ง
6. อายุ 70 ปี วัยที่ทั้งผัวและลูกสะไภ้ร่วมกันแช่ง

วิธีวิเคราะห์นั้น ง่ายๆว่าถ้าเอาเลขตรงกันมาจับคู่กันหมดเลย ก็คือชายหญิงคู่ผัวเมียอายุเท่ากัน เห็นๆเลยว่ามีแต่ความทุกข์ เป็นวัยที่ทั้งคู่ต่างมีเหมือนกัน และไม่มีเหมือนกัน ไม่มีใครเป็นอะไรของใครได้ และไม่มีใครทดแทนให้แก่ใครได้ คู่แบบนี้เหมือนที่เราเห็นกันจนชาชิน คือพอแก่ตัวลงผัวเมียก็เลิกคุยกัน เพราะไม่รู้จะคุยอะไรกัน ต่างคนต่างเบื่อซึ่งกันและกัน อยู่กันไปอย่างนั้นๆ และถ้าใครทนเฉาได้น้อยที่สุด ก็เป็นฝ่ายตายก่อน

 

แต่ถ้าเอาเลข 1 ของชายมาคู่กับ 2 ของหญิงเป็นต้นไป
จะเห็นว่าฝ่ายชายจะมีแต่ทุกข์ทรมาน ฉะนั้นการมีเมียอายุมากกว่า จึงไม่ถูกต้องและเหมาะสมด้วยประการทั้งหลายทั้งตัว

แต่ถ้าเอา 2 ของชายมาคู่กับ 1 ของหญิง จะเห็นว่าใน 10 ปีแรกเป็นปีที่มีความสุขของทั้งสองฝ่ายต่างเติมเต็มให้กันและกันได้ และทดแทนในสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งขาดได้

ใน 10 ปีที่สองเห็นว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะยังรักกันอยู่ แต่ฝ่ายชายจะเริ่มเห็นว่าผู้หญิงมีหน้าที่ผลาญทรัพยากรแต่เพียงอย่างเดียว ฉะนั้นเมื่อเข้าสู่ 10 ปีที่สามผู้ชายจะเริ่มเห็นเมียชาวบ้านสวยกว่า วัยนี้เองที่ผู้ชายเริ่มออกหากิ๊ก การหย่าร้างจึงเกิดขึ้นในวัยนี้มากมาย จึงไม่ต้องดูต่อไปใน 10 ปีที่สี่ เพราะจะเหลือไม่กี่คู่ที่ยังรักกันในช่วงนี้ แต่ที่ทนๆกันอยู่เพราะผู้ชายมันหมดแรงแล้ว ไม่มีปัญญาจะไปไหน แต่ผู้หญิงก็จะได้แต่ร่างที่ไร้กำลังทั้งกายและใจ คุณค่ามันน้อยกว่าท่อนไม้หรือหมอนข้าง

ถ้าเอา 3 ของชายมาคู่กับ 1 ของหญิงจะเห็นว่าชายก็สุข หญิงก็สรวลสรรค์ตลอด 10 ปีแรก มาดู 10 ปีที่ 2 ชายแรงเริ่มน้อยแต่ใช้ว่าจะไม่มีแรง ก็ออกแรงกันเต็มที่ตลอด 10 ปีแรกไปแล้ว จึงมีแต่หวานชื่น เพราะผู้หญิงนี่บานแฉ่ง ผู้ชายก็ตังค์เยอะ เงินทองใช้กันเพลิน ไม่ต้องทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต หรืออาบเหงื่อต่างน้ำเลือดตาแทบกระเด็นทั้งคู่ เหมือนคู่ผัวตัวเมียอื่นๆ
มาเข้า 10 ปีที่สอง ด้วยความหลงๆลืมๆเมียจึงฉกเงินไปได้ง่าย ก็สบายเมียอีก เพราะวัยนี้ของเมีย ต้องมีเงินไว้ให้แต่งตัวมากมาย เมื่อมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ความเครียดเรื่องงานก็ไม่เกิด เมียจึงไม่บ่น เมื่อไม่บ่นผัวเมียก็ยังรักกันเต็มที่ ความรักและอารมณ์ที่แจ่มใส่จะทำให้ผัวดูหนุ่มและเมียดูสาวต่อไปอีก ความรักจึงดึ๋งดั๋ง กระเด้งหน้ากระเด้งหลังกันได้อีกพักใหญ่

 

เข้าสู่ 10 ปีที่ 3 ที่บอกว่าชายจะหมดแรง ก็ไม่น่าจะหมด เพราะแรงหมดเนื่องจากความเครียดและทำงานหนัก แต่ผู้ชายไม่เครียดเลย จึงยังพอมีแรงต่อไปเรื่อยๆ ส่วนเรื่องจำอะไรไม่ค่อยได้กลับจะเป็นข้อดี เพราะเรื่องร้ายๆหรือข้อเสียของเมียก็จะไม่เก็บเอามาคิดเอามาบ่น และวัยนี้เริ่มใช้เงินไม่เป็นแล้ว มีเท่าไหร่ก็ยกให้เมียหมด มีหรือเมียที่ไหนจะหน้างอ

มาดูที่ฝ่ายหญิงบ้าง พอเข้าสู่วัยที่ต้องพอกเครื่องสำอางค์ ก็มีเงินจากผัวคอยเกื้อหนุมแบบไม่บ่นอีกต่างหาก อีกอย่างแม้ตัวจะเริ่มเหี่ยวเฉาแต่เนื่องจากผัวเริ่มจำอะไรไม่ค่อยได้ เลยจะสังเกตไม่ออกว่าเมื่อก่อนเราตึงและกรอบร่วนขนาดไหน สีหน้าแววตาและท่าทีรังเกียจของผัวก็จะไม่เกิด โอ ชีวิตมันช่างมีความสุขนี่กระไร บวกกับเงินทุกบาททุกสตางค์ตกเป็นของเราโดยสมบูรณ์ ยังงี้ชีวิตก็มีแต่ความหฤหรรษ์

เขาสู่ 10 ปีที่ 4 น้อยรายนักที่จะอยู่เลยช่วงนี้ ผัวมีแต่วันรอความตาย ส่วนเมียนั่งนับเงินอย่างเดียว อย่างอื่นไม่ต้องสนแล้ว เพราะตัวเองก็เหี่ยวได้ที่ จะไปมีความรู้สึกเซ็กส์กับใครอีกก็น้อยเต็มทน แต่ที่แน่ๆคือ ไร้ซึ่งความระแวงว่าผัวจะไปมีกิ๊กมีเก็บ เพราะวัยของผัวไม่มีทางเอื้ออำนวย และตลอด 30 ปีมานี้ ด้วยความสาวของเมีย ผัวคงนอนเฉาะทุกคืนไม่มีว่างเว้น ไม่ทันมีเวลาว่างไปหากิ๊กแน่นอน รับรองว่าวันตายของผัว คงไม่มีสาววัยรุ่นที่ไหนจูงลูกมาแล้วขอแบ่งสมบัติแน่นอน

  

ด้วยเงื่อนไขที่ครบถ้วนสมบูรณ์อย่างนี้ จึงนอนตาหลับ กินอร่อยและไม่ป่วยง่ายๆ เนื้อตัวเต่งตึงคอยปรนนิบัติรับใช้ผัววัยไม้ใกล้ฝั่งอย่างมีความสุข ผัวที่รอวันตายก็ไม่มีความเครียด กลับจะทำให้มีเรี่ยวมีแรงกรฉับกระเฉง ตายช้าอีกต่างหาก

โดยเฉพาะผู้ชาย ไม่ใช่พวกแก่ง่ายตายช้า ตราบใดที่ยังมีชีวิต ตราบนั้นยังอยากมีเซ็กส์อยู่ตลอด เหลือแต่เครียดและเหนื่อยกับงานหนักมาตลอดชีวิต จู๋มันจึงปลุกไม่ค่อยขึ้น แต่ถ้าสุขภาพใจและกายแข็งแรงดีตลอด บวกกับเมียของตัวเนื้อหนังยังไม่เหี่ยวย่นเหมือนผ้าขึ้ริ้ว รับรองมีแรงกระดึงกระดั๋งเผลอๆจนเลย 70 ก็ยังมีอยู่ นะจะบอกให้

ที่มา: http://www.thaihypno.com/content/viewContent.php?menu_id=238&page_id=2
Credit: http://men.postjung.com/711441.html
#ข้อดีของการมีเมียเด็ก
hanachoi
เจ้าของบทประพันธ์
สมาชิก VIPสมาชิก VIPสมาชิก VIP
5 ต.ค. 56 เวลา 15:01 21,011 7 270
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...