เกาลัด (Chestnut) เป็นไม้ยืนต้นในสกุล Castanea สายพันธุ์เดียวกับโอ๊กและบีช มี 4 สายพันธุ์ คือ เกาลัดยุโรป, เกาลัดจีน, เกาลัดญี่ปุ่น และเกาลัดอเมริกัน ซึ่งเกาลัดเป็นต้นไม้อายุยืน เติบโตได้ดีทั้งบริเวณเชิงเขา ที่ราบ หรือ พื้นที่ดินทราย ผลเกาลัดมีลักษณะค่อนข้างกลม สีเขียว มีขนแหลม เมื่อแก่จัดจะมีสีน้ำตาลและแตกออก

ในหนังสือ สมุนไพร 91 ชนิด พิชิตโรค ชุด ตำรายาล้ำค่าของหมอโฮจุน ที่ยูเนสโกคัดเลือกให้เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก จากสำนักพิมพ์อินสปายร์ บันทึกไว้ว่า ดอกและผมทำยาได้ เป็นต้นไม้ที่ช่วยรักษาความชื้นได้ดีเยี่ยม เพราะความชื้นจัดอยู่ในธาตุหยิน (ความเย็น) ทำให้ธาตุหยาง (ความร้อน) หมดไปจากร่างกาย ลมปราณหมุนเวียนช้าลงหรือหยุดอยู่กับที่ ถ้าเป็นโรคที่เกิดจากความชื้นจะมีอาการตัวหนัก ขาและเท้าอ่อนแรง หน้ามัน ท้องเสียอ่อน ๆ ปัสสาวะขุ่น

เกาลัดช่วยบำรุงลมปราณ เสริมการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยให้อาการหิวโหยหายได้ง่าย มีผลดีต่อผู้ที่กำลังขาอ่อนแรง

อีกทั้งช่วยรักษาอาการอ่อนแรงของเอว สะโพก หรือ ขา และคลายปวดบริเวณกล้ามเนื้อส่วนล่าง กรณีนี้ให้กินเกาลัดดิบครั้งละ 7 เม็ดเป็นประจำ อาการจะดีขึ้น ถ้าใส่เกาลัดและไตหมูลงในโจ๊กก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เด็กวัย 3-4 ขวบ ที่ยังเดินไม่คล่อง ถ้ากินเกาลัดดิบจะช่วยได้ หากเบื่ออาหารไม่ว่าในเด็กหรือผู้ใหญ่ให้กินโจ๊กผสมเกาลัดบดก็ช่วยได้เช่นกัน

คำเตือน ถ้ากำลังป่วยด้วยโรคที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น โรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างกะทันหัน เช่น หวัด เป็นต้น โรคอ้วน สตรีที่กำลังอยู่ไฟ หรือท้องผูกรุนแรง ควรงดกินเกาลัดในระยะนี้

ปิดท้ายด้วย เกร็ดน่ารู้ การกินเกาลัดคั่วในฤดูหนาวจะทำให้มีรสชาติดีเยี่ยม