(30 ก.ย.) เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ควบคุมตัว นายวีรศักดิ์ หรือศักดิ์ เอี่ยมพงศ์ษา จำเลยซึ่งก่อเหตุฆ่า นางเมงูมิ อาวาจิ อายุ 33 ปี ชาวญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2536 มายังศาลอาญา รัชดา เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบ ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลย มีน้ำหนักมั่นคงว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องและเห็นว่าจากการกระทำของจำเลย ประสงค์ให้ถึงแก่ความตาย มีเจตนาฆ่าผู้ตาย พิพากษาจำคุก 18 ปี แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 9 ปี
สอบสวนนายวีรศักดิ์ รับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุฆ่าผู้เสียชีวิตจริง ส่วนสาเหตุนั้นเกิดจากบันดาลโทสะ หลังจากมีปากเสียงกันรุนแรง ผู้ต้องหาเผยว่า เมื่อเดินทางไปทำงานที่ญี่ปุ่น ได้รู้จักกับ นางเมงูมิ ซึ่งเข้ามาเที่ยวในบาร์ที่ตนทำงานอยู่ จากนั้นเขาจึงชักชวนให้ตนไปหลับนอนและพักอาศัยที่บ้านเขาด้วย นายวีรศักดิ์ ให้การต่อว่า หลังจากไปอยู่ที่บ้านพัก นางเมงูมิ ได้ 4-5 วัน ก็เกิดปัญหาทะเลาะกันตลอด โดยผู้เสียชีวิตเป็นคนโมโหร้าย เอาแต่ใจตัวเองมาก เมื่อมีอารมณ์ฉุนเฉียวจากเรื่องอะไรก็ตามก็จะมาลงที่ตนทุกครั้ง ซึ่งก่อนเกิดเหตุยังจำได้ว่า หลังจากเขาเล่นไพ่แล้วเสียพนันจนหมด ก็ตรงมาด่าทอนอกจากนี้ยังถ่มน้ำลายใส่แล้วบอกว่าตนเป็นแค่หมาข้างถนน พร้อมกันนั้นยังหยิบมีดตรงเข้ามาจะทำร้ายจึงเกิดการต่อสู้ขัดขืน เมื่อตนกระชากมีดมาได้จึงแทงไป 1 ครั้ง ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูที่โพกผมกับสายเข็มขัดรัดคอจนเสียชีวิต
หลังจากนั้น นายวีรศักดิ์ได้หลบหนีกลับมายังประเทศไทย พร้อมทรัพย์สินของผู้ตาย ซึ่งหนีคดีมาแล้วกว่า 19 ปีเศษ และอีกไม่กี่เดือน คดีจะหมดอายุความ แต่ตำรวจกองปราบปราม สามารถจับกุมได้ตามหมายจับที่ จ.นครศรีธรรมราช และถือเป็นคดีแรกระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ในความร่วมมือทางคดีอาญา เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน