อานุภาพแห่งบุญกุศล
...บุญกุศล ย่อมอำนวยผลให้ตราบเท่าถึงชราพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้คือมีศรัทธาเชื่อบุญ-บาปตั้งใจบำเพ็ญบุญกุศลก็จะทำให้ร่างกายปกติแข็งแรง จิตใจตั้งมั่นไม่ทุกข์ร้อนคนมีบุญใจไม่ร้อนใจไม่ทุกข์ ลองสังเกตตัวเองว่าตั้งแต่ตั้งใจทำดี ความโกรธความใจร้อนความโมโหโทโสเบาลงหรือเปล่า อันนี้ต้องพิจารณาเองคนอื่นรู้ให้ไม่ได้ตัวรู้ของตัว บุญบาปทุกข์มีใจเป็นใหญ่สำเร็จแล้วด้วยใจ ให้พากันรักษาจิตใจฝึกสติรักษาใจให้มากกว่าทรัพย์ภายนอก ไม่เช่นนั้นกิเลสตัณหาก็จะมาพาไปดึงไปให้สุขอยู่กับความสุข ในโลกอันไม่ยั่งยืน
ตัณหาคือเหตุให้ทุกข์เกิดสมุทัยคือเหตุให้ทุกข์เกิดนิโรธคือความดับทุกข์(เมื่อดับตัณหาได้ทุกข์ในใจก็หมดลง)ศีล-สมาธิ ปัญญาคือทางปฏิบัติเพื่อความดับไปของทุกข์ทั้งปวง
การกินการนอนการร่าเริงมหรสพต่างๆ เป็นเพียงสุขชั่วคราวไม่ยั่งยืน ย่อมแตกดับไปเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นทุกคนที่ปฏิบัติธรรมอย่าไปหลงไหลในความสุขชั่วคราวนั้น แต่ความสุขชั่วคราวนี้ไม่มีก็ไม่ได้ เพียงแต่ว่าเมื่อมีมาแล้วก็ให้รู้เท่า ถ้าไม่รู้เท่าก็จะเป็นทุกข์ พอมันหายไปทุกข์ใหญ่ก็จะเกิดขึ้น สร้างเนื้อสร้างตัวให้เป็นฝั่งฝาอยู่เย็นเป็นสุขและอาศัยความสุขชั่วคราวนี้เอง ถ้ายังกินอาหารอร่อยอยู่ ยังไม่เบื่ออาหาร ความสุขในการนอนหลับก็สุขชนิดหนึ่ง ยังเป็นเครื่องบำรุงร่างกายกำลังให้แข็งแรง ใครนอนไม่หลับ ๓ คืน ก็แย่เลย โรยแรงทำการงานก็อ่อนแอไม่เข้มแข็ง ดังนั้นจึงต้องอาศัยความสุขชั่วคราวเหล่านี้ พยายามนอนให้หลับ ถ้ายังไม่หลับก็ไปหาหมอให้ตรวจเสีย เพื่อหมอจะได้แก้ไขให้นอนหลับได้
กายนี้เป็นอยู่แสนยากลำบากการมีชีวิตอยู่จนวันนี้นับเป็นวาสนานาบุญที่ทำมาแต่หนหลัง ให้อยู่เย็นเป็นสุขปราศจากโรคภัย ไม่เจ็บร้ายแรง
ผู้มีกุศลในใจคือมีบุญในใจหนักแน่น ใครด่าว่าติเตียนก็ไม่เสียใจ ไม่โกรธไม่เกลียด เพราะว่าใจมีบุญเป็นเครื่องอยู่ตรงกันข้ามกับใจที่มีกิเลสเป็นเครื่องอยู่กิเลสอยู่ในใจ ใครก็มีแต่ปั่นจิตใจให้เดือดร้อนวุ่นวาย ควรกำหนดละกิเลสให้เสมอ บรรเทาโกรธพยายามเจริญเมตตาให้มาก ให้สัตว์ทั้งหลายมองเห็นเราเป็นเพื่อนสัตว์ทั้งหลาย เห็นเราเป็นมิตรก็เลื่อมใสยินดีอยากผูกมิตร(นี่เป็นอานิสงส์แห่งการเจริญเมตตา)ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย แม้เทวดาแสนสูงในชั้นฟ้าก็จะมีจิตเมตตาต่อผู้มีใจดีมีคุณธรรมและให้การอารักขาไม่ให้มีอันตรายใด เพราะว่าเทวดาพร้อมด้วยเมตตาธรรมและคุณธรรม
จะเห็นว่าเทวดาไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งต่างคนต่างเสวยผลบุญของตนสวรรค์ ไม่มีการค้าขาย ไม่สะสมเงินทอง เพราะว่าสวรรค์เป็นที่อยู่ของผู้มีบุญ เพราะฉะนั้นให้พากันอารักขาจิตใจทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ให้ใจตั้งมั่นอยู่ในพุทธคุณก่อนนอนให้ไหว้พระก่อนนั่ง สมาธิเอาสติเข้าไปตั้งอยู่ในใจ รวบรวมจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในบุญคุณ มีสัมปชัญญะคือรู้ตัวเสมอว่าขณะนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ ต้องกำหนดดูรู้ตัวเสมอ เวลาเกิดอะไรก็ไม่ตกใจไม่หวั่นไหว เพราะว่ามีสติสัมปชัญญะตามรักษาจิตใจอยู่ แต่ถ้าปล่อยกิเลสตัณหาครอบงำจิตใจ เกิดอะไรขึ้นก็จะสะดุ้งกลัว สัตว์ดุร้ายมีพิษไม่จำเป็นต้องไปฆ่าแกงเค้า ที่แท้ไม่คิดว่าเราเองมีพิษยิ่งกว่าพิษงู เช่นโกรธใครก็ใช้วาจาทิ่มแทงเค้าให้เจ็บอกเจ็บใจยิ่งกว่าโดนพิษงูกัด เพราะว่าเจ็บที่ใจไม่ใช่เจ็บที่กาย
โบราณจึงบอกว่า"เจ็บอื่นหมื่นแสน... เจ็บจนตายเพราะพูดเหน็บให้เจ็บใจอันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซากแต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย... เจ็บจนตายเพราะพูดเหน็บให้เจ็บใจ" เคยไหมว่าใครให้เจ็บใจ
ผู้ปฏิบัตินั้นใครทำเราเราให้อภัยไป ไม่ผูกเวรผูกกรรมขอให้ต่างอยู่เย็นเป็นสุข รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด ทำอย่างนี้รักษาบุญไว้ในใจ บุญก็รักษาใจเราให้ไม่ดุร้ายจิตใจก็สม่ำเสมอเบิกบานด้วยบุญกุศล ไม่อ่อนแอท้อแท้จากหนุ่มตราบเฒ่าชรา
บุญย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมบุญกุศลตราบเฒ่าชรา..
คุณเป็นคนมีน้ำใจ ขอบคุณที่กด Like.ให้ครับ
ที่มา palungjit