เกาหลีเหนือสั่งทูตส่งบุตรหลานกลับประเทศ หลังวิตกว่าการศึกษาจากภายนอกจะทำให้นักเรียนนอกแปรพักตร์และเผยแพร่ข้อมูลที่ได้รับจากโลกภายนอก
    
            เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2556 เว็บไซต์โคเรียไทมส์ของเกาหลีใต้ รายงานว่า รัฐบาลเปียงยางสั่งให้คณะทูตและบริษัทการค้าของทางการเกาหลีเหนือในประเทศต่าง ๆ จัดการส่งบุตรหลานตัวเองซึ่งเป็นนักเรียนนอกกลับประเทศภายในเดือนกันยายนนี้ หวั่นการศึกษาจากโลกภายนอกจะทำให้นักเรียนนอกแปรพักตร์

            โดยศาสตราจารย์ลี ยัง ฮวา จากมหาวิทยาลัยคันไซ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดเผยว่า คำสั่งดังกล่าวมาจากผู้นำ คิม จองอึน ระบุว่า ให้นักเรียนนอกซึ่งเป็นลูกหลานของนักการทูตหรือบริษัทการค้าของเกาหลีเหนือ กลับประเทศตนภายในเดือนกันยายนนี้ แต่อย่างไรก็ดี ไม่ได้หมายความว่านักเรียนนอกจะต้องกลับประเทศทั้งหมด รัฐบาลเปียงยางจะอนุญาตให้เด็กเกาหลีเหนือศึกษาอยู่ต่างประเทศได้ครอบครัวละ 1 คนเท่านั้น

            สำหรับนโยบายดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากรัฐบาลเปียงยางมีความวิตกกังวลว่า การได้รับการศึกษา รับข้อมูลจากโลกภายนอก จะคุมคามเสถียรภาพทางการเมือง หรืออาจทำให้เกิดการแปรพักตร์

            อย่างไรก็ดี ศาสตราจารย์ลีบอกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลเปียงยางออกนโยบายแนวนี้ แต่ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2007 คิม จองอิล ผู้นำที่ล่วงลับ ก็เคยสั่งให้คณะทูตกว่า 50 ประเทศ ส่งลูกหลานที่เรียนอยู่ต่างประเทศกว่า 3,000 คนกลับประเทศมาแล้ว แต่ไม่สำเร็จเพราะคณะทูตได้ปฏิเสธที่จะทำตามนโยบายดังกล่าว และครั้งนี้ก็มีแนวโน้มที่จะผลของนโยบายดังกล่าวจะซ้ำรอยเดิม

            ทั้งนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลเปียงยางพยายามทุกวิถีทางในการรักษาเสถียรภาพทางการเมืองของตัวเอง ท่ามกลางผู้แปรพักตร์ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการรุกรานสิทธิเสรีภาพประชาชนของรัฐบาลเปียงยาง โดยจากข้อมูลที่สำรวจโดยเกาหลีใต้ พบว่า นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 มีชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์และหนีออกจากประเทศไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในเกาหลีใต้และประเทศอื่น ๆ มากกว่า 25,000 คน บางคนก็ซ่อนตัวอยู่ในประเทศจีนซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีเหนือ