การขาดน้ำอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาได้ และจะยิ่งส่งผลชัดเจนถ้าคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ มีการใช้พลังงานมากในแต่ละวัน หรือถ้าคุณเป็นนักกีฬาที่มีการฝึกซ้อมอย่างหนัก การขาดน้ำจะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้มากกว่าที่คุณคิด
เมื่อคุณอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน และเสียเหงื่อในปริมาณมาก ๆ ร่างกายของคุณกำลังสูญเสียน้ำอยู่ คุณอาจรู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย คลืนไส้ หรืออาจมีอาการปวดหัวรุนแรงตามมาเช่นกัน แม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่กลางแดด แต่การทำงานในชีวิตประจำวันที่นั่งอยู่ในออฟฟิศ ก็ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้เช่นกัน และการขาดน้ำสามารถเกิดขึ้นได้กับคุณ ดังนั้นหากคุณรู้สึกอ่อนเพลีย คลื่นไส้ หรือปวดหัว ก็อาจเป็นไปได้ว่าร่างกายของคุณกำลังต้องการน้ำนั่นเอง
อาการขาดน้ำ หรือได้รับน้ำไม่เพียงพอจำทำให้ร่างกายทำงานหนักมากยิ่งขึ้น เมื่อร่างกายขาดน้ำอุณหภูมิของร่างกายจะสูงขึ้น และอัตราการเต้นของหัวใจจะเพิ่มขึ้น รวมทั้งสมองจะทำงานมีประสิทธิภาพลดลง ไม่สามารถมีสมาธิกับการทำงานได้ การขาดน้ำทำให้เกิดความเจ็บป่วยตามมา หรือที่เราเรียกว่า heat illness ที่เกิดจากความร้อนในร่างกาย เมื่อร่างกายของคุณสูญเสียเหงื่อ 9-12% ของน้ำหนักก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน
หากคุณจะออกกำลังกายในอากาศที่ร้อน และเสียเหงื่อเป็นจำนวนมาก คุณจำเป็นต้องใส่ใจกับการเติมน้ำให้กับร่างกาย การดื่มน้ำในปริมาณที่มากเพียงพอจะช่วยให้คุณทำกิจกรรมต่าง ๆ
รวมทั้งออกกำลังกายได้ดียิ่งขึ้น เมื่อร่างกายมีความร้อนสูงขึ้น ร่างกายจะพยายามทำให้อุณหภมิต่ำลงโดยอัตโนมัติ ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่นอุณหภมิของอากาศในขณะนั้น, ความชื้นในอากาศ และกิจกรรมที่คุณกำลังทำอยู่ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรามักไม่ค่อยได้สังเกตุ แต่เป็นส่ิงที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
สิ่งที่ควรไม่ควรทำก็คือรอให้รู้สึกหิวน้ำซะก่อน แล้วค่อยคิดว่าร่างกายกำลังต้องการน้ำ บางครั้งอาการขาดน้ำสามารถเกิดขึ้นได้ โดยที่คุณยังไม่ทัน หิวน้ำด้วยซ้ำ ดังนั้นเรามาดูการเตรียมตัวเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำที่เกิดจากการออกกำลังกายกันเถอะครับ
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
คุณควรจิบน้ำเรื่อย ๆ ทุก ๆ 15-20 นาที แม้ว่าการดื่มน้ำมากเกินไประหว่างออกกำลังกายไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่การจิบน้ำเป็นระยะ ๆ จะช่วยให้ร่างกายของคุณไม่ขาดน้ำจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างเช่นเล่นเทนนิส, ฟุตบอล หรือว่าบาสเกตบอล นอกจากนี้คุณควรให้ร่างกายรับน้ำมากเพียงพอก่อนที่จะออกกำลังกายประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง รวมทั้งหลังจากออกกำลังกายด้วยเช่นกัน
2. สังเกตุสีของปัสสาวะ
ถ้าสีของปัสสายะเป็นสีอ่อน ๆ แสดงว่าคุณไม่มีอาการขาดน้ำ แต่ถ้าเป็นสีเข้มก็อาจหมายความว่าร่างกายของคุณไม่ได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอ ซึ่งคุณจะต้องดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอกับความต้องการ
3. เลือกเครื่องดื่มให้เหมาะสม
เมื่อคุณออกำลังกายในปริมาณที่แตกต่างกัน ความต้องการน้ำก็จะต่างกันออกไป ถ้าเพียงออกกำลังกายเบาๆ ย การดื่มน้ำเพียงแค่ 1-2 แก้วก็อาจจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่ถ้าคุณออกกำลังกายตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงขึ้นไป การได้รับน้ำผลไม้ซ้ำหน่อย หรือเครื่องเดิมเกรือแร่บ้าง ร่างกายก็จะได้รับคาร์โบไฮเดรต ทำให้ได้รับพลังงานมากขึ้น ซึ่งโดยปกติร่างกายของคุณะจะสูญเสียน้ำและเกลือแร่บางส่วนไปกับการออกกำลังกาย
4. ชั่งน้ำหนักก่อนและหลังการออกกำลังกาย
ให้ทำการชั่งน้ำหนักก่อนออกกำลังกาย แล้วค่อยไปออกกำลังกาย จากนั้นให้กลับมาชั่งน้ำหนักอีกครั้งหนึ่ง น้ำหนักที่หายไปนั้นจะเป็นของเหลวที่คุณสูญเสียไปจากการออกกำลังกาย ดังนั้นคุณควรจะดื่มน้ำเข้าไปเพื่อชดเชยสิ่งที่สูญเสียไป แต่ถ้าชั่งอีกทีแล้วน้ำหนักมากขึ้นแสดงว่าคุณดื่มน้ำมากเกินไปแล้วล่ะครับ
ของเหลวเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อของคุณสามารถทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งก็คือระดับน้ำตาลในเลือด คุณจำเป็นต้องกินอาหารเบา ๆ เพื่อให้ได้พลังงานอย่างน้อย 100 แคลลอรี่ก่อนที่จะออกกำลังกายประมาณ 1 ชั่วโมง
ซึ่งจะเป็นการป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณต่ำเกินไป อาหารเบา ๆ ที่กินเข้าไปนั้นยังช่วยกันไม่ให้คุณหิวจนเกินไปหลังจากที่ได้ออกกำลังกายแล้ว ซึ่งอาการหิวจัดหลังจากออกกำลังกายนั้นเป็นการบ่งชี้ว่าร่างกายของคุณได้รับพลังงานไม่เพียงพอ และถ้าคุณเผลอกินเข้าไปมากจนเกินไป ก็เป็นเหตุให้น้ำหนักขึ้น อ้วนขึ้น แทนที่จะสามารถลดน้ำหนักได้นั่นเอง