ตำนานฆาตกรสยอง "แจ็ค เดอะริปเปอร์"
แจ็ค เดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่อง ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ได้ลงมือฆ่าเหยื่อรายแรกของเขาในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2431 ซึ่งผ่านมาแล้ว 121 ปี เรื่องราวแห่งความสยองขวัญยังถูกพูดถึงอยู่เสมอ พร้อมกับปริศนาที่ว่าใคร คือ ฆาตกรตัวจริง
เรื่องราวของแจ็ก เดอะริปเปอร์ (jack the ripper) ฆาตกรต่อเนื่อง ผู้มีชื่อเสียงที่สุดคนหนี่ง เป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความสยดสยองระคนไปด้วยเงื่อนงำแห่งความเป็นปริศนา และจากคำถามที่ว่าฆาตกรตัวจริง ที่ถูกขนานนามว่า แจ๊ค เดอะริปเปอร์ นั้นแท้ที่จริงเป็นใครยิ่งกลับทำให้เรื่องราวของเขายังคงเป็นที่สนใจของผู้คน
แม้ว่าการฆาตกรรมหญิงโสเภณีรายแรกจากฆาตกรปริศนาผู้นี้จะผ่านมาแล้วเป็นเวลา 121 ปีเต็ม
ปริศนาและเงื่อนงำเกี่ยวกับการฆาตกรรมของ แจ๊ค เดอะริปเปอร์ ได้รับความสนอกสนใจอย่างมาก มีการนำเรื่องราวของฆาตกรผู้โหดเหี้ยม รายนี้มาทำเป็นภาพยนตร์หลายต่อหลายครั้ง แถมยังมีหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องราวของเขาอีกนับร้อยเล่ม แจ็ค เดอะริปเปอร์ อาจจะไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องรายแรก ทั้งยังไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องโหดเหี้ยมที่สุดก็ตาม แต่ในบรรดาฆาตกรต่อเนื่องด้วยกัน ชื่อของ แจ๊ค เดอะริปเปอร์ จะหอมหวนและเย้ายั่วความสนใจ อยากรู้อยากเห็นของผู้คนได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าใคร และ แม้ฆาตกรตัวจริงจะจบชีวิตลงไปแล้ว ตามวันเวลาที่น่าและควรจะเป็น แต่เรื่องราวสะเทือนขวัญดังกล่าวกลับไม่ได้ตายตามลงไป ยังคงมีการพูดถึงปริศนาแห่งการฆาตกรรมต่อเนื่องของ แจ๊ค เดอะริปเปอร์ อยู่เสมอๆ
ตำนานอันเหี้ยมโหดของ แจ๊ค เดอะริปเปอร์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคมถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2431 บนถนน white chapel ในย่าน east end ของ ลอนดอนเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ ดูประหนึ่งเหมือนกับท้าทายความสามารถของสก๊อตแลนยาร์ด (scotland yard) ตำรวจสันติบาลอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงในการคลี่คลายคดีมากที่สุดในขณะนั้น
ทุกค่ำคืนริมท้องถนนของ white chapel เต็มไปด้วยแสงไฟประดับประดาหลากสี East end เป็นย่านชุมชนแออัดของมหานครลอนดอนที่ดูคล้ายกับว่าเมืองนี้เป็นความโสมมที่ซ่อนอยู่ในซอกหลืบแห่งความศิวิไลซ์แห่งมหานครใหญ่ แม้จะเป็นเพียงชุมชนเล็กๆ แต่ยามค่ำคืนของ white chapel กลับคึกคักด้วยบรรดาผู้คนมากหน้าหลายตาที่แวะเวียนกันมาหาความสำราญ ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่เป็นที่พักจอดเรือสินค้า ดังนั้น white chapel จึงกลายเป็นทางผ่านของพวกพ่อค้าและกะลาสีเรือ ที่หวังจะได้ดื่มเหล้าอุ่นๆ พร้อมตะกองกอดอิสตรีในเมืองเล็กๆแห่งนี้ มีรายงานของสก๊อตแลนด์ยาดในยุคนั้นว่า white chapel มีสถานบริการทางเพศมากถึง 62 แห่ง มีทั้งสาวโสดและไม่โสดที่ยอมพลีกายขายเรือนร่างให้แก่ผู้ผ่านทางมากถึง 1,200 นาง และ นั้นเป็นเป้าหมายอย่างดีของฆาตกรนิรนามอย่างแจ๊คเดอะริปเปอร์
แต่แล้ววิถีชีวิตที่แสนจำซ้ำซากจำเจของชาว white chapel ก็ถูกปลุกขึ้นพร้อมกับอาการหวาดสยอง เมื่อโสเภณีนางหนึ่งถูกฆาตกรรมลงด้วยสภาพศพที่เต็มไปด้วยความสยดสยอง และนั้นเป็นปฐมบทแห่งการฆาตกรรมต่อเนื่องของแจ๊คเดอะริปเปอร์ มีผู้โชคร้ายหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อของการฆาตกรรมที่ไร้ร่องรอยนี้ แต่ที่ยอมรับกันอย่างเป็นทางการว่าเป็นผู้มือของฆาตกรโหด แจ๊ค เดอะริปเปอร์ นั้นมีเพียง 5 รายเท่านั้น
1.แมรีแอน นิโคลส์ หรือ พอลลี ชื่อที่นักท่องราตรีในละแวกนั้นคุ้นเคยกันดี พอลลี วัย 43 ปีเป็นโสเภณีที่หากินอยู่ในแถบนั้น เธอถูกของมีคมเชือดลงบนลำคอ และโดนชำแหละคว้านเอาอวัยวะภายในออกมา เธอกลายเป็นศพแรกจากฝีมือการฆาตกรรมของ แจ๊ค เดอะริปเปอร์ ในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2431 แม้สภาพศพของเธอจะเต็มไปด้วยความสยดสยอง ทั้งสร้างความสะอิดสะเอืยนให้แก่ผู้พบเห็น แต่ฆาตกรรมดังกล่าว ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าใดนัก อาจจะเป็นเพราะการฆาตกรรมเพียงรายเดียว ที่ในไม่ช้าสายลมแห่งการเวลา ย่อมจะพัดพาให้เลือนหายไป จากความทรงจำของผู้คนในย่านนั้น
2. แต่แล้วห่างไปเพียงไม่กี่วัน ในคืนวันที่ 8 กันยายน โสเภณีอีกรายก็โดนฆาตกรรมในทำนองและกรรมวิธีเดียวกัน แอนนี แชปแมนคือ
โสเภณีผู้โชคร้ายที่ถูกฆ่าปาดคอ และโดนตัดอวัยวะบางส่วนหายไปจากร่างไร้วิญญาณของเธอ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาห่างกันไม่นาน เริ่มเป็นที่กล่าวขานในวงกว้างทั้งเริ่มเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนถึงฆาตกรรมปริศนารายนี้ พร้อมกับคำถามที่ว่าใครคือฆาตกร และไม่แน่ว่าอาจจะเกิดผู้โชค รายต่อไป การฆาตกรรมปริศนาถูกกล่าวขานต่อกันไป พร้อมทั้งนำเอาความหวาดกลัวสู่ผู้ซึ่งได้รับฟังเรื่องราวของฆาตกรรมอันเต็มไปด้วยเงือนงำ
ในความคาดการณ์ที่ไร้ทิศทางและหลักฐานถึงฆาตกรตัวจริง ดูเหมือนจะถึงทางตัน ไม่ปรากฏชื่อ ไม่ปรากฏหลักฐานที่มากพอ จะสาวถึงตัวผู้กระทำความผิด แต่แล้วในวันที่ 25 กันยายน ปีเดียวกันนั้น จดหมายปริศนาฉบับหนึ่งได้ถูกส่งไปยังสำนักข่าวเซนทรัล พร้อมทั้งกล่าวอ้างว่า เขา คือ ฆาตกรปริศนาผู้ฆ่าหญิงโสเภณี และที่สำคัญจดหมายฉบับลงชื่อว่า "แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์" จดหมายลึกลับฉบับดังกล่าวดูคล้ายกับว่ากำลังท้าทาย ให้นักสืบฝีมือดีของสก๊อตแลนยาร์ดเร่งหาตัวเขามาลงโทษ
3. เหยื่อจากคมมีดของฆาตกรลึกลับ นาม แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ถูกสังหารอีกครั้งในวันที่ 30 กันยายน ผู้เคราะห์ร้าย คือ อลิซาเบ็ธ สไตรค์ ซึ่งอาชีพของเธอคือ โสเภณีอีกตามเคย ก่อนเกิดเหตุมีผู้พบเห็นเธอไปกับชายแปลกหน้า แต่ผู้พบเห็นไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เพราะอาชีพอย่างหล่อนมักจะหายไปกับชายแปลกเสมอๆ แต่ไม่นานกลับพบว่าอลิซาเบ็ธ สไตรค์กลายเป็นศพ มีบาดแผลที่ลำคอเป็นทางยาว แต่สภาพศพขอเธอยังคงสมบูรณ์มากกว่าเหยื่อสองรายแรก อาจจะเป็นเพราะความเร่งรีบของฆาตกร
4. ห่างจากเวลาที่อลิซาเบ็ธ สไตรค์ ประสบชะตากรรมไม่นาน บริวณใกล้เคียงกันก็พบศพของ แคทเทอรีน เอดโดวส์ หรือเคท วัย 46 ปีสภาพศพของเธอเต็มไปด้วยความสยดสยอง มากกว่าศพของผู้เคราะห์รายอื่น ที่จบชีวิตลงด้วยคมมีดของ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ก่อนหน้านี้ ลำคอของเธอถูกเชือดเป็นทางยาว จมูกโดนเฉือนจนเว้าแหว่งและโชกชุ่มไปด้วยเลือด ที่สำคัญลูกตาทั้งสองข้างของเธอ โดนควักหายไป ช่องท้องถูกกรีดเป็นทางยาว ไตถูกควักหายไป บนกำแพงที่ใกล้กับศพของเธอปรากฏข้อความว่า ว่า "the juwes are the men that will not be blamed for nothing." ซึ่งนั้นทำให้เกิดการติดตามจับกุมชาวยิวผู้ต้องสงสัยขนานใหญ่ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าข้อความนั้น มีปรากฏอยู่ก่อน หรือว่าเพิ่งเขียนลงโดย แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ หลังจากฆาตกรรมเหยื่อผู้เคระห์ร้าย
จากเหตุฆาตกรรมสองรายซ้อน ในบริเวณที่ใกล้เคียงกันโดยมีระยะเวลาที่ห่างกันเพียงไม่นานว่า อาจจะเป็นไปได้ว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ไม่ได้ทำงานคนเดียว กลายเป็นประเด็นถกเถียงของผู้คนในละแวกนั้น และเจ้าหน้าที่สก๊อตแลนด์ยาร์ด แต่กระนั้นศพสองราย ในคืนเดียวกันก็ทำให้ชาว white chapel ต้องขวัญผวา นอนตาไม่หลับไปหลายคืนเหมือนกัน
รุ่งเช้าวันถัดมา มีไปรษณียบัตรลึกลับจากเจ้าของนาม แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ส่งให้สำนักข่าวเซนทรัลอีกครั้ง ไปรษณียบัตรเต็มไปด้วยรอยเลือด ข้อความด้านในอวดอ้างว่า ตนทำการฆาตกรรมสองศพในรายเดียวกัน จนกระทั่งวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ 2431 ในขณะที่ชาวเมืองยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้เหตุการณ์ฆาตกรรมปริศนาไม่ได้เกิดขึ้นมาเลย ในรอบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ตาม ในวันนั้นมีมีพัสดุลึกลับส่งถึง จอร์จ เอคิน ลัสก์ ประธานกรรมการป้องกันภัยของ white chapel ทันทีที่เขาเปิดดู จอร์จก็ต้องผงะเบือนหน้าหนีพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าที่โชยออกมา เมื่อเขาเปิดกล่องพัสดุออกดู ไตข้างหนึ่งของมนุษย์ถูกบรรจุอยู่ในกล้องพัสดุเล็กๆ พร้อมกับจดหมายท้าทายให้ตามจับ
5. 9 พฤศจิกายน พ.ศ 2431 เกิดการฆาตกรรมเหยื่อรายสุดท้าย ที่เชื่อกันว่าเป็นฝีมือ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คราวนี้เหยื่อเป็นโสเภณีที่อายุอานามครบวัยเบญจเพศพอดี แมรี่ เจน เคลลี่ นอนตายเป็นศพอยู่ ในห้องพักของตนเอง สภาพศพของเธอเละจนไม่มีชิ้นดี เธอเป็นผู้เคราะห์ร้าย จากน้ำมือ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ที่ถูกสังหารอย่างทารุณโหดเหี้ยมที่สุด หญิงวัย 25 ปีอยู่ในสภาพนอนกางขาบนเตียงนอน ผิวหนังโดนถลก มีมดลูกกองอยู่ปลายเท้า มือข้างหนึ่งถูกจับล้วงเข้าไปในท้องที่โดนควักตับไตไส้พุงออก หัวใจถูกปลิดออกจากขั้วหายไป เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วห้อง ทั้งนี้เป็นที่รับรู้กันว่าตอนนั้นเคลลีกำลังตั้งครรภ์ บนผนังห้องของเธอปรากฏข้อความ "the juwes are the men that will not be blamed for nothing." เช่นเดียวกับข้อความที่พบบริเวณของเหยื่อรายที่สี่
ความลับว่าใคร คือ ฆาตกรปริศนาผู้นี้เป็นใคร ยังคงเป็นที่สนอกสนใจของผู้คนเสมอ แม้เวลาจะผ่านมานานกว่าร้อยปีแล้วก็ตาม มีการสันนิษฐานจากผู้เชียวชาญว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาจจะเป็นใครก็ได้ ทั้งผู้ต้องหาที่เคยโดนสอบสวนมาแล้วจำนวนมากในขณะที่เกิดเหตุ หรืออาจจะเป็นผู้ซึ่งอยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรก็มีด้วยกันหลายราย แต่ที่ถูกเพ็งเล็งอย่างมาก มีไม่กี่คนอันได้แก่
1.เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด อัลเบิร์ต วิคเตอร์ ดยุคแห่งแคลเรนซ์ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าพระองค์เป็นฆาตกร เนื่องจากเคยไปเที่ยว ในละแวกนั้นและติดเชื้อร้าย มาจากโสเภณีจึงเกิดความคลั่งแค้น อาจจะลงมือเองหรือใช้สมุนคู่ใจให้จัดการก็เป็นได้ แต่กระนั้นก็มีผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนไม่น้อย เพราะในช่วงเวลาที่แจ๊คเดอะริปเปอร์ลงมือนั้นนั้น พระองค์ไม่ได้ประทับอยู่ที่ดอนลอนเลย
2.มอนเทกิว จอห์น ดริตต์ เขาเป็นครูที่ร่ำเรียนมาทางด้านการแพทย์ มอนเทกิว จอห์น ดริตต์ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่งของทางการ นายตำรวจที่ทำการสอบสวนหลายคนเชื้อว่าเขาเป็นฆาตกรตัวจริง แต่หลังจากที่ แมรี่ เจน เคลลี่ เหยื่อรายสุดท้ายถูกฆาตกรรมไม่นาน ตำรวจก็พบ มอนเทกิว จอห์น ดริตต์กลายเป็นศพลอยมาตามแม่น้ำ ภายในตัวของเขามีจดหมายลาตายทำให้ตำรวจเชื่อว่าเขาฆ่าตัวตาย ในขณะที่บางความเห็น กลับไม่แน่ใจว่าแท้ที่จริงแล้ว มอนเทกิว จอห์น ดริตต์ฆ่าตัวตาย หรือเป็นเหยื่อฆาตกรรม เพื่อช่วยในการช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของตำรวจ จากฆาตกรตัวจริงหรือไม่
3.อารอน โคสมินสกี้ เป็นผู้ต้องสงสัยของทางการหมายเลขสอง รองจากมอนเทกิว จอห์น ดริตต์ อารอน โคสมินสกี้ เป็นช่างตัดผมชาวยิวที่อาศัยอยู่ในละแวก white chapel เขาเคยถูกพยานที่อ้างว่าเห็นฆาตกรชี้ตัว แต่ภายหลังพยานคนดังกล่าวไม่ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เท่าไร แต่การชี้พยานในครั้งนั้น ทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาของสก๊อตแลนด์ยาร์ด ในฐานะว่าอาจจะเป็น แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ตัวจริง ต่อมาภายหลังอารอน โคสมินสกี้เกิดอาการกำเริบทางจิต จนถูกส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลในปี พ.ศ 2433 และจบชีวิตลงในปีพ.ศ 2462
4.มีข้อสันนิษฐานว่าแจ๊คเดอะริปเปอร์ตัวจริง อาจจะเป็นกะลาสีที่เดินทางผ่านมาคนใดคนหนึ่งก็ได้ เพราะหลังจากการเสียชีวิตของเหยื่อรายสุดท้ายใน white chapel กลับมีการฆาตกรรมในลักษณะเดียวกันปรากฏในนิการากัว 6 ศพ ก่อนจะเกิดเหตุอีกครั้งในลอนดอนและเยอรมันตามลำดับ แต่ทฤษฎีนี้กลับมีข้อโต้แย้งว่าอาจจะเป็นเพียงพฤติกรรมการเลียนแบบก็ได้ทำ ให้เชื่อกันต่อมาว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ได้ฆาตกรรมไปเพียง 5 ศพเท่านั้น
สก๊อตแลนด์ยาร์ดตัดสินใจปิดคดีของ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ลงใน ปี พ.ศ. 2435 ทั้งๆ ทียังไม่สามารถจับฆาตกรได้ แต่เนื่องจากผู้ต้องสงสัยสองรายสำคัญอย่าง มอนเทกิว จอห์น ดริตต์ ได้จบชีวิตลงและ อารอน โคสมินสกี้ ก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือในโรงพยาบาลโรคจิต
มีข้อสันนิษฐานจากหลักฐานต่างๆ และปากคำของพยานบางคนที่อ้างว่าเคยพบเห็น แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ระบุว่า ฆาตกรรายนี้ เป็นชายอายุราว 25-35 ปี มีความสูงประมาณ5 ฟุต 5 นิ้ว ผมสีดำถูกรวบไว้ด้านหนัง ใบหน้ามีหนวด แต่จนถึงวันนี้ยังไม่ใครสามารถยืนยันว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ตัวจริงนั้นเป็นใคร ใช่ มอนเทกิว จอห์น ดริตต์ หรือจะเป็น อารอน โคสมินสกี้ หรือไม่ ยังคงเป็นปัญหาที่คลุมเครือและเร้าความสนใจให้คนรุ่นหลังได้อย่างดียิ่ง
นับจากวันแรกที่ วิญญาณของ แมรีแอน นิโคลส์ เหยื่อรายแรกถูกกระชากจากร่างจนถึงวันนี้ ครบ 121 ปี พอดีแต่ตำนานการฆาตกรรมที่เต็มไปด้วยปริศนาและความโหดเหี้ยมของ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ก็ยังถูกกล่าวขานถึง และเต็มไปด้วยปริศนา ไม่ว่าฆาตกรตัวจริงคือใคร ทำไมถึงต้องเลือกฆาตกรรมแต่เฉพาะหญิงโสเภณี คำถามเหล่านี้รอคำตอบจากจินตนาการของผู้ที่สนใจตำนานฆาตกรรมอันลือลั่นของเขาต่อไป แม้จะผ่านมาแล้วเป็นเวลากว่าร้อยปี แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ก็ยังคงเป็นตำนานการฆาตกรรมต่อเนื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้คนมากที่สุดทุกยุคสมัย
ทั้ง 5 คือเหยื่อแห่งการฆาตกรรมสะเทือนขวัญจากน้ำมือของฆาตกรลึกลับ ที่ถูกขนามนามว่า แจ๊คเดอะริปเปอร์ แต่กระนั้นยังมีการฆาตกรรมในลักษณะเดียวกันอีก 13 ราย ที่ตำรวจทำบันทึกแนบท้ายไว้ ในสำนวนของ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ว่าอาจจะเป็นฝีมือของเขาด้วยเช่นกัน