13 สถานที่ ชมวิว สุดเจ๋ง!

1. สะพานดัคชไตน์ ประเทศออสเตรีย

นักท่องเที่ยวจะได้ทดสอบสภาพจิตใจ กับการเดินบนสะพานสูงที่สุดในออสเตรียอย่าง ดัคชไตน์ (Dachetein Stairway) ด้วยความสูงกว่า 100 เมตร และความยาว 396 เมตร ระหว่างที่เดินอยู่บันได นักท่องเที่ยวจะเห็นวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาซึ่งอยู่รอบๆ ตัวเราถึง 360 องศา ให้บรรยากาศที่สวยงามจนประทับใจ แต่ถ้าใครกลัวความสูงแนะนำให้เดินไปข้างหน้าอย่างเดียว อย่าเผลอก้มมองลงไปข้างล่างสะพานล่ะ

ทางเดินสะพานดัคชไตน์ บุคคลทั่วไปเสียค่าชม 4 เหรียญฯ เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าฟรี

 

2. โตเกียว สกายทรี ประเทศญี่ปุ่น

โตเกียว สกายทรี (Tokyo Skytree) เป็นสิ่งก่อสร้างไว้สำหรับกระจายสัญญาณคลื่นวิทยุที่สูงที่สุดโลก มีความสูง 634 เมตร โดยในระดับความสูงที่ 350 เมตร จะเป็นชั้นที่มีร้านอาหาร ไว้บริการลูกค้า ที่ประกอบด้วยกระจกหน้าต่างจากพื้นสูงจรดเพดาน ทำให้สามารถมองเห็นวิวรอบๆ กรุงโตเกียว ได้ถึง 360 องศา ถ้าวันใดมีสภาพอากาศแจ่มใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง นักท่องเที่ยวสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากที่นี่เลย

โตเกียว สกายทรี บุคคลทั่วไปเสียค่าเข้า 10 เหรียญฯ และเด็ก 3 เหรียญฯ

 

3. สะพานกินซู ประเทศสหรัฐอเมริกา

สะพานกินซู (kinzua Skywalk) เป็นอดีตสะพานยาวและสูงที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นในรัฐเพนซิลวาเนีย เมื่อปี 1882 เพื่อใช้เป็นเส้นทางวิ่งของรถไฟ โดยใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหนักกว่า 3,175 ตัน และมีเหล็กเป็นหมุดยึดกว่า 895,000 หมุด แต่ในปี 2003 ได้เกิดพายุทอร์นาโดทำลายเสาสะพานเสียหายไป 11 เสา จากทั้งหมด 20 ต้น จนไม่สามารถจะใช้เป็นทางเดินรถไฟได้อีก ทางสภาของเมืองจึงคิดไอเดีย นำส่วนสะพานที่เหลือรอดมาปรับปรุงให้เป็นทางเดินลอยฟ้า และนำเอากระจกใสมาติดตั้งบนสะพานเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นหุบเขาด้านล่างที่สวยงาม และกลายเป็นจุดชมวิวสุดท้าทายแห่งหนึ่งไปในที่สุด

จุดชมวิวสะพานกินซู ไม่เสียค่าบริการเข้าชม

 

4. จุดชมวิว แอลป์ชปิทซ์ ประเทศเยอรมนี

จุดชมวิว แอลป์ชปิทซ์ (AlpspiX Viewing) เป็นเฉลียงชมวิวทิวทัศน์ที่ยื่นชะโงกเลยลํ้าหน้าผาออกไป เหนือก้นหุบเหวสูงเกือบ 1,000 เมตร ด้วยตัวเฉลียงประกอบด้วยคานเหล็กขนาดใหญ่สองส่วนทับไขว้กันความยาว 24 เมตร สำหรับผู้ชมที่กล้าเดินไปยังปลายทางจุดชมวิวที่ยื่นเลยหน้าผาของแอลป์ชปิทซ์ จะพบประสบการณ์แห่งขุนเขาที่ตื่นเต้น ท้าความสูงที่แปลกใหม่ เมื่อได้มองเห็นวิวส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ผ่านผนังกระจกใส ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวจะได้เห็นแนวเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุม และธารน้ำแข็งกำลังเคลื่อนตัวลงมายังหุบเขา เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สุดยอดแห่งหนึ่งของโลก

จุดชมวิว แอลป์ชปิทซ์ ไม่เสียค่าบริการเข้าชม

 

5. เอดจ์วอล์ค ที่ ซีเอ็น ทาวเวอร์ ประเทศแคนาดา

ซีเอ็น ทาวเวอร์ เป็นหอคอยสื่อสารและสังเกตการณ์ สูง 553 เมตร กลางเมืองโตรอนโต ที่นี่มีจุดชมวิวสุดเสียวอยู่ที่ความสูง 365 เมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร และบนหลังคาของชั้นนี้มีจุดชมวิวนามว่า เอดจ์วอล์ค (EdgeWalk) สำหรับผู้อยากจะไปชมวิวรอบๆ เมืองโตรอนโต จะต้องส่วมสายรัดสำหรับนักปีนเขา แล้วเดินรอบๆ โครงสร้างอาคารซีเอ็น ทาวเวอร์ ในลักษณะหมิ่นเหม่เหมือนตัวจะลอยออกนอกอาคาร นับเป็นทางเดินสุดเสียวและท้าจิตใจอีกแห่งหนึ่ง ที่ได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็น ทางเดินชมวิวภายนอกอาคารหรือสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกมาแล้ว

ทางเดิน เอดจ์วอล์ค ที่ ซีเอ็น ทาวเวอร์ บุคคลทั่วไปเสียค่าบริการ 26.43 เหรียญฯ และเด็ก 19.80 เหรียญฯ

 

6. เดอะ เลดจ์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

เดอะ เลดจ์ (The Ledge) เป็นกล่องกระจกใสทรงสี่เหลี่ยม ที่ประกอบอยู่ด้านนอกตัวอาคาร วิลลิส ทาวเวอร์ ในเมืองชิคาโก การใช้งาน เดอะ เลดจ์ มีลักษณะคล้ายลิฟท์ขนส่งผู้คนไปยังชั้นบนเหมือนอาคารทั่วไป แต่ต่างจากที่อื่นตรงที่กล่องลิฟท์ที่ว่านี้ ประกอบด้วยกระจกใสหนา 3 ชั้น เห็นวิวรอบๆ เมืองชิคาโกแบบชัดเต็มตาเกือบทุกด้าน มีน้ำหนักเกือบ 1 ตัน เมื่อนักท่องเที่ยวได้ลองใช้บริการ เดอะ เลดจ์ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ให้ประสบการณ์แปลกใหม่ในการใช้ลิฟท์ ที่ตื่นเต้น และสร้างความเสียวไปพร้อมกัน

เดอะ เลดจ์ อาคาร วิลลิส ทาวเวอร์ บุคคลทั่วไป เสียค่าบริการ 18 เหรียญฯ เด็ก 12 เหรียญฯ และเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าฟรี

 

7. คลิฟฟ์วอล์ค ประเทศแคนาดา

คลิฟฟ์วอล์ค (Cliffwalk) เป็นทางเดินชมวิวอยู่ติดกับหน้าผาแกรนิต ด้วยความสูง 213 เมตร เหนือแม่น้ำแคปิลาโน่ ในรัฐบริติชโคลัมเบีย ทางเดิน คลิฟฟ์วอล์ค เป็นเหล็กขนาดใหญ่น้ำหนักร่วม 40 ตัน ถูกเจาะยึดติดเข้าไปในหินหน้าผา ด้วยเส้นสลิงแข็งแรง 16 จุด ความยาวจากหน้าผา 6 เมตร ทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นธรรมชาติจากมุมสูงแบบเต็มตา พร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด

ทางเดิน คลิฟฟ์วอล์ค บุคคลทั่วไปเสียค่าเข้าชม 28 เหรียญฯ เด็ก 11.50 เหรียญฯ และเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าฟรี

 

8. เดอะชาร์ด ประเทศอังกฤษ

เดอะชาร์ด เป็นอาคารสูงที่สุดในยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ใจกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งตึกดังกล่าวเป็นการร่วมทุนกันระหว่างธนาคารแห่งประเทศกาตาร์ และเซลลาร์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปของอังกฤษ ทำให้ “เดอะชาร์ด” ถือเป็นตัวแทนความสัมพันธ์อันดี ระหว่างรัฐบาลกาตาร์และประเทศอังกฤษ คำว่า “The Shard” มาจากคำว่า “The Shard of Glass” ซึ่งแปลว่าแก้ว หรือเศษกระจก ซึ่งมาจากการออกแบบของตัวตึกที่ใช้กระจกล้วนๆ เป็นผนังนั่นเอง และจุดชมวิวสุดสวยอยู่ที่ชั้น 68 69 และ 72 แต่สำหรับชั้นที่ 72 นั่นให้ภาพวิวแบบพาโนรามาดีที่สุด ในระดับความสูงกว่า 244 เมตร โดยเฉพาะในยามค่ำคืน ผู้ชมจะเห็นมหานครลอนดอนที่สวยงามเป็นพิเศษ

อาคาร เดอะชาร์ด ลอนดอน บุคคลทั่วไปเสียค่าเข้า 38 เหรียญฯ เด็ก 29 เหรียญฯ และเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าฟรี

 

9. จุดชมวิว สเตกาชไตน์ ประเทศนอร์เวย์

สเตกาชไตน์ (Stegastein) เป็นจุดชมที่ยื่นออกไปเหนือหน้าผา โดยมีกระจกใสกันคนพลัดตกอยู่ปลายทางเดิน ตั้งอยู่ในความสูง 609 เมตร เหนือฟยอร์ดอันสวยงามในเมืองออร์แลนด์ จุดชมวิวเสกาชไตน์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์การท่องเที่ยวในเมืองออร์แลนด์ ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมฟยอร์ด หรือธารน้ำแข็ง กันที่นี่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าของฤดูร้อน จะได้เห็นทะเลหมอกตัดกับแสงตะวันแรกของวัน ที่สวยงามสะท้อนไปทั่วฟยอร์ดแห่งนี้

จุดชมวิว สเตกาสไตน์ ไม่เสียค่าบริการเข้าชม

 

10. หลังคาของทีโรล ยอดเขาสตูไบ ประเทศออสเตรีย

หลังคาของทีโรล (Top of Tyrol) บนยอดเขาสตูไบ (Stubai) เป็นจุดชมทัศนียภาพของเทือกเขาอัลไพน์ ในออสเตรีย ที่สร้างขึ้นจากโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ ที่มีความยาว 50 เมตร และหนักกว่า 19 ตัน ก่อนจะมาเป็นจุดชมวิวความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 3,180 เมตร อย่างที่เห็น ซึ่งชิ้นส่วนก่อสร้างเหล่านี้ ถูกลำเลียงขึ้นไปติดตั้งบนยอดเขาด้วยเฮลิคอปเตอร์ขนส่ง และนักท่องเที่ยวเองจะต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าที่ให้บริการอยู่ด้านล่าง เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวแห่งนี้ นับเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวที่ท้าทายอย่างมาก และคงถูกใจเหล่านักผจญภัยอย่างแน่นอน

ที่ด้านบนจุดชมวิว หลังคาของทีโรล ยอดเขาสตูไบ ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่อาจะเสียค่ากระเช้าไฟฟ้าขึ้นไป

 

11. จุดชมวิว ดัคชไตน์ ประเทศออสเตรีย

แนวเทือกเขาดัคชไตน์ (Dachstein) ประกอบด้วยแปดธารน้ำแข็ง และเป็นจุดชมวิวสวยที่มีความสูงในออสเตรีย โดยทางเดินของจุดชมวิวจะยื่นออกจากหน้าผา ให้นักท่องเที่ยวได้เห็นบรรยากาศของเทือกเขาอย่างใกล้ชิด ในวันใดที่อากาศแจ่มใส นักท่องเที่ยวสามารถเห็นยอดเขาตริกลาว (Triglav) ในเขตประเทศสโลวีเนีย

จุดชมวิว ดัคชไตน์ ไม่เสียค่าบริการเข้าชม

 

12.จุดชมวิว มัตเตโอ ธัน ประเทศอิตาลี

มัตเตโอ ธัน (Matteo Thun’s) เป็นจุดชมวิวสวยงาม ที่ออกแบบโดยสถาปนิกอิตาลีนามว่า มัตเตโอ เมื่อปี 2005 ตั้งอยู่ในเมืองเมราโน ซึ่งเป็นเขตที่มีสวนพฤษาศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งในอิตาลี เมื่อนักท่องเที่ยวได้ลองขึ้นไปยัง มัตเตโอ ทัน จะพบความสวยงามของป่าไม้โอ๊ค และสวนไม้นานาพันธุ์ในมุมสูง นี่เป็นแค่อีกหนึ่งจุดชมวิวของที่นี่เท่านั้น ในอนาคตจะมีการสร้างจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งในสวนพฤษาศาสตร์ของเมราโนแห่งนี้

จุดชมวิว มัตเตโอ ธัน บุคคลทั่วไปเสียค่าเข้าชม 12.60 เหรียญฯ เด็ก 10.60 เหรียญฯ และเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าฟรี

 

13.ทางเดินลอยฟ้า แกรนด์แคนยอน ประเทศสหรัฐอเมริกา

ทางเดินลอยฟ้า แกรนด์แคนยอน (Grand Canyon Skywalk) เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สร้างความหวาดเสียวท่ามกลางความยิ่งใหญ่ของหุบเขาแกรนด์แคนยอน ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เป็นทางเดินสร้างมาจากโครงสร้างเหล็กรูปเกือกม้าความยาว 21 เมตร ที่ยื่นออกมาจากหน้าผาท้าทายความสูงเหนือหุบเหวกว่า 1500 เมตร โดยพื้นของทางเดินลอยฟ้าทำมาจากกระจกใสให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวหุบเขาจากด้านล่างได้ ทางเดินแห่งนี้สามารถรับน้ำหนักนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก ผู้สร้างให้ข้อมูลว่ารับน้ำหนักทั้งหมดเที่ยบเท่าเครื่องบินโบอิ้ง 747 ทั้งลำ เลยทีเดียว

ทางเดินลอยฟ้า แกรนด์แคนยอน เสียค่าเข้าชมคนละ 29.95 เหรียญฯ

ข้อมูลและภาพโดย Travel.cnn.com
เรียบเรียงโดย Travel MThai

Credit: http://travel.mthai.com/world-travel/66116.html
24 ก.ย. 56 เวลา 22:17 1,603 1 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...