เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ(ซะแล้วสิ) = __ =

 

 

 

 

 

 

 

 

เคยไหม...เวลาเราอยู่ใกล้ๆ ใครสักคนที่เป็นเพื่อนสนิทต่างเพศ คนที่แสนจะคุ้นเคย แต่จู่ๆ ก็รู้สึกอะไรบางอย่างกับเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แบบว่าวูบๆไหวๆ หัวใจร้อนผ่าวยามที่ได้ใกล้ชิดกัน เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้กับใครก็ตาม 

โดยเฉพาะในขณะที่ใครคนนั้น กำลังโหยหาใครสักคนเข้ามาดูแลหัวใจ  ว่าไปแล้วเรื่อง“ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน”ที่มีอะไรเกินเพื่อนเช่นนี้ กว่าจะรู้ตัวก็ข้ามเส้นของคำว่า ‘เพื่อน’ ไปแล้ว
          แต่ในภาวะหนึ่ง ก่อนที่จะแน่ใจว่าคุณรักเพื่อนมากกว่าแค่เพื่อน คงมีบ้างแหละที่คุณจะรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจตัวเองว่าคิดมากไปรึเปล่า หรือหากแน่ใจแล้วว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับเขาคนนั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับคุณ
เราลองมาค้นหาคำตอบกันดีกว่า
         คุณอยากรู้ใช่ไหมล่ะว่าสถานะระหว่างคุณกับเขาคนนั้นเป็นมากกว่าเพื่อน หรือคุณแค่กำลังสับสนและตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเป็นแค่เพื่อนกันดี หรือปล่อยให้ความสัมพันธ์มันเดินหน้าต่อไปแล้วแต่ฟ้าจะลิขิต
          คงมีบางครั้งที่คน 2 คนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทต่างเพศจะรู้สึกมีความสุขในเรื่องราวดีๆ คล้ายๆกัน ประมาณว่ามีนิสัยใจคอ ใกล้เคียงกัน ชอบอะไรคล้ายๆกัน มีรสนิยมหลายอย่างเหมือนๆกัน เมื่อคน 2 คนคลิกกันในทำนองนี้ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดความรู้สึกหวั่นไหวขึ้นในหัวใจได้ไม่ยากและโดยไม่รู้ตัว
          มิตรภาพระหว่างคน 2 คนย่อมทำให้เกิดความแน่นแฟ้นกลมเกลียว แต่ความรักของคู่รักมีพลังมากกว่านั้นหลายเท่าความสัมพันธ์ของคู่รักที่พัฒนามาจาก ความเป็นเพื่อนจึงมีความพิเศษในแง่ของความสนิทสนมรู้ใจกัน ถ้าหากคุณและเพื่อนมีมิตรภาพที่ยอดเยี่ยม เป็นเพื่อนที่ดีของกันและกัน มีความสนิทสนมรู้ใจและใกล้ชิดกันมาก เชื่อเถิดว่าไม่ช้าไม่นานหรอก ที่คุณทั้งคู่จะตกหลุมรักซึ่งกันและกัน ตราบเท่าที่มิตรภาพของคุณยังคงงอกงาม ลึกลงไปความพึงใจก็มีแอบซ่อนอยู่ในกรณีที่คุณยังคาใจว่าคุณและเพื่อนของคุณเป็นมากกว่าเพื่อนหรือเปล่า ลองพิจารณาพฤติกรรมเหล่านี้ดู

โทรศัพท์คุยกันทุกวัน
          อาจจะเริ่มจากโทรคุยกันธรรมดาประสาเพื่อน บทสนทนาทั่วๆไป หรือมีเรื่องเม้าท์คนโน้นคนนี้บ้างกระจุ๊กระจิ๊กพอหอมปากหอมคอ พอนานวันไปก็โทร.หากันบ่อยขึ้นและคุยกันนานขึ้นจนกระทั่งถึงดึกดื่นเมื่อถึงขั้นนี้ก็จะมีบทสนสนทนา
ที่จบลงด้วยประโยคที่ว่า ‘ฝันถึงกันบ้างนะ’หรือ‘เจอกันในฝันนะจ๊ะ’รับรองได้ว่าคู่รักที่พัฒนามาจากเพื่อนสนิทล้วนเคยผ่านเรื่องทำนองนี้มาแล้วทั้งนั้น

คุยกันเรื่องทัศนคติและเรื่องลับๆ
         คู่รักมักจะปรึกษาหารือกันในเรื่องต่างๆ และเพื่อนที่กลายมาเป็นแฟนกันก็จะคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากที่จะพูดคุยกันเรื่องลับๆส่วนตัว หรือเรื่องทะลึ่งๆที่คนอื่นจะไม่มีวันได้รู้ หากคุณโทรคุยกันและคุณบอก
กับเพื่อนคุณว่าคืนนี้คุณกำลังนอนเปลือยกายหรือได้รู้ว่าเพื่อนของคุณใส่ชั้นในสีอะไรเมื่อคืนนี้ นั่นแสดงว่าคุณได้ข้ามเส้นความเป็นเพื่อนสนิทสู่สถานะความเป็นแฟนกันแล้ว เพื่อนที่หลงเสน่ห์หรือตกหลุมรักเพื่อนมักจะอดไม่ได้ ที่จะจีบหรือทำเจ้าชู้ต่อกัน รวมทั้งชอบที่จะคุยเรื่องลับๆ ส่วนตัวของกันและกัน

อยากปกป้องตลอดเวลา
          เพื่อนที่กำลังจะเป็นมากกว่าเพื่อนมักจะมีพฤติกรรมคอยปกป้องอีกฝ่ายอยู่เสมอ คุณบอกให้เขาคนนั้นโทรมาหาตอนกลับถึงบ้านแล้วรึเปล่า? หรือคุณพยายามที่จะช่วยเหลือเขาในยามที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่เสมอรึเปล่า? เพื่อนที่ดีมักจะคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่คู่ที่เป็นมากกว่าเพื่อนมักจะอยู่ใกล้ๆ กันเพื่อที่คอยให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซื้อเสื้อผ้าใหม่สักชุด หาซื้อสัตว์เลี้ยงสักตัว หรือเรื่องกำหนดวันทำอะไรสักอย่าง

หึงหวงยามที่เขาออกเดทกับคนอื่น
          ถ้าเพื่อนของคุณเป็นคนเจ้าเสน่ห์ แน่นอนที่เขาจะเป็นคนที่ดึงดูดเพศตรงข้าม และก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะมีนัดเดทกับใครเมื่อไหร่ก็ได้ ในกรณีนี้เขาอาจจะมีความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ออกเดท แต่ในขณะเดียวกัน คุณอาจรู้สึกเคืองๆ 
หรือโกรธที่เขาจะมีเดท บางทีเขาอาจจะแสดงให้คุณเห็นได้ชัดถึงความตื่นเต้นยินดีในเดทครั้งนั้น ถ้าคุณอาการดังกล่าว หงุดหงิดที่เห็นเขาเริงร่า เป็นไปได้ว่าคุณกำลังคิดกับเขามากกว่าแค่เพื่อน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณกำลังรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเพื่อนคุณซะแล้ว

 


อยู่ด้วยกันในวันหยุดหรือสุดสัปดาห์
          เป็นธรรมดาในหมู่เพื่อนฝูง ที่จะต้องมีนัดพบปะสังสรรค์กันบ้างนอกเวลางาน แล้วคุณล่ะ? เมื่อคุณมีโอกาสสังสรรค์กับเพื่อนคนพิเศษคนนั้นของคุณ คุณอยู่กันแค่ 2 คนหรือมีคนอื่นอยู่ด้วย วันหยุดสุดสัปดาห์เป็นช่วงเวลาสุดพิเศษสำหรับ
ความสุข ถ้าคุณและเพื่อนคนนั้นชอบที่จะใช้เวลาอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องของโรมานซ์แล้วมันจะเป็นเรื่องอะไรล่ะ?

 

 



ออกเดทด้วยกัน
          คุณอาจจะไม่เรียกว่าเป็นการออกเดทเมื่อคุณไปเที่ยวกับเพื่อนแต่ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไรก็ตามในที่นี่เราหมายถึงการออกเดทนั่นแหละ เวลาคุณไปไหนกับเขาคนนั้น คุณไปกันบ่อยแค่ไหน? ไปกันลำพัง2 ต่อ 2 ใช่ไหม ?  เวลามีโปรแกรมหนังเข้าใหม่ที่คุณอยากดู หรือที่ร้านอาหารเปิดใหม่ที่น่าสนใจ คุณนึกอยากจะไปกับเขาคนนั้นใช่รึเปล่า? การที่เพื่อนสนิทไปทำกิจกรรมร่วมกัน ในลักษณะนี้อยู่บ่อยๆไม่ใช่ว่าทำเพราะไม่มีใครให้ชวน แต่เป็นเพราะเขาทั้งคู่อยากจะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ซึ่งกันและกันต่างหาก

ตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงให้กัน
          คุณและเพื่อนคนนั้นตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงให้กันและกันรึเปล่า หมา แมว หรือตัวอะไรก็ตามที่เป็นสัตว์เลี้ยงของคุณอาจจะมีชื่อแปลกๆ แต่ก็เป็นชื่อพิเศษที่เรียกแล้วทำให้คุณนึกถึงใครคนนั้น เรื่องอย่างนี้คนที่เป็นแฟนกันเท่านั้นแหละถึงจะทำกัน

สวมกอดกันบ่อยๆ
          นี่อาจจะเป็นธรรมเนียมฝรั่งอยู่สักหน่อย แต่เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ กับเพื่อนคนนั้น อยากคลอเคลียอยากสัมผัสมือไม้อยากจับถือถือแขน รวมถึงอยากสวมกอดอย่างแนบชิด นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณคิดกับเพื่อนคนนั้นมากกว่าแค่เพื่อน

มากกว่าเพื่อน แล้วยังไงต่อล่ะ ?
          ตรงนี้แหละที่สำคัญ แม้ว่าคู่ของคุณกับเพื่อนจะเป็นอะไรที่มากกว่าแค่เพื่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจากนี้ไปหนทางข้างหน้าจะนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า รักแท้หรือแม้กระทั่งไปลงท้ายที่พิธีวิวาห์ มันอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ แต่ในอีกทางหนึ่งก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นความผิดหวังหากมันเป็นแค่เรื่องของอารมณ์ชั่วขณะ หรือที่เรียกกันว่า ความใคร่

 


          
          ในหลายๆ กรณี คุณอาจจะไม่ได้หลงรักเพื่อนเข้าจริงๆหรอก บางทีคุณก็แค่สงสัยใคร่รู้ว่ามันจะเป็นความรู้สึกแบบไหนกันนะ? ที่จะไปไหนต่อไหนกระหนุงกระหนิงกันตามลำพังกับเพื่อนคนพิเศษคนนั้น ถ้าหากสัญญาณเหล่านี้เกิดขึ้นกับทั้ง 2 ฝ่ายนั่นก็พอจะบ่งบอกได้ว่าคุณทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันมากกว่าแค่เพื่อน แต่ถ้าไม่ใช่ ลองถามตัวเองดูว่าคุณอยากจะเป็นมากกว่าเพื่อน หรือคุณจะมีความสุขมากกว่ากับการเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆก็พอ
          ท้ายที่สุดแล้ว หากคุณมีความรู้สึกลึกๆ จริงๆ ว่าอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ฉันเพื่อน ไปสู่ขั้นที่เรียกว่า แฟน ลองหาโอกาสพูดประโยคทำนองว่า ตัวเอง... เรามาลองออกเดทกันดูซักทีดีมั้ย? แค่นี้เขาก็พอจะรู้แล้วแหละว่าคุณหมายถึงอะไร
          ลองทบทวนตัวเองดูให้ดี ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน บางทีการเป็นแค่เพื่อนกันอาจจะดีกว่า เพราะมิตรภาพมักจะเป็นสิ่งที่อยู่คงทนยาวนานกว่า แต่ถ้าหากคุณพิจารณาอย่างรอบด้านแล้วพบว่าไม่อาจฝืนหรือต้านทานความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเขาคนนั้นได้ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ได้เวลาลุยแล้วล่ะ....

 

 

 

ซ้ำขออภัยค่ะ

 

รูปประกอบ : Google

Credit: http://women.postjung.com/707418.html
19 ก.ย. 56 เวลา 20:06 2,024 110
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...