ไม่รู้จะเริ่มเขียนยังไงดี เพราะตอนนี้ใจกำลังหดหู่กับเรื่องราวที่ได้รับฟังมา
นึ่เป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต ที่คนใกล้ตัวฆ่าตัวตายด้วยการกินยาฆ่าหญ้า
ครั้งแรกคือเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ตอนอยู่ปี 1 หรือปีสองเห็นจะได้ค่ะ
ช่วงปิดเทอมใหญ่เพื่อนสมัยมัธยมโทรมาบอกว่า เพื่อนร่วมชั้นสมัย มอ ปลาย ฆ่าตัวตาย
ตอนนั้น เราตกใจและแปลกใจมาก เพราะเพื่อนดูไม่ได้เป็นคนมีปัญหา ไฉนด่วนจากไป
วันที่ไปร่วมงาน จำได้ลางๆ ว่าเป็นวันเผาค่ะ แต่เรากับกลุ่มเพื่อนไปไม่ทัน
พอไปถึงงานจบแล้ว แต่ก็ได้มีโอกาสนั่งคุยกับแม่เพื่อนในศาลาวัด
เรายังจำแววตานั้นได้ดี เป็นแววตาแห่งความทุกข์ และเศร้าเกินบรรยาย
แม่เล่าไป ก็ซับน้ำตาไปพลางๆ บอกว่า ลูกสาวเค้าคิดสั้น
น้อยใจแฟน นัอยใจเพื่อน ประกอบกับผลการเรียนไม่สู้ดี
เลยประชดด้วยกันกินยาฆ่าหญ้า แต่ส่งโรงพยาบาลล้างท้องได้
เพื่อนฟื้นขึ้นมาค่ะ และความน่าเศร้าและความเจ็บปวด คือ เมื่อฟื้น แล้ว เพื่อนบอกแม่ว่า
หนูไม่อยากตายแล้ว แม่ช่วยหนูด้วย
ถึงตอนนี้ น้ำตาเราร่วงเลยค่ะ สงสารเพื่อนจับใจ
เหมือนคนสำนึกผิด แต่สายเกินไป
หมอเจ้าของไข้บอกกับแม่เพื่ิอนว่า พิษเข้าไปสู่ระบบร่างกายแล้ว ยังไงเพื่อนก็ต้องตาย
และที่สำคัญหมอบอกว่า กินยาฆ่าหญ้า ถึงจะล้างท้องทัน ยังไงคนไข้ก็ไม่รอด
แต่คนเป็นแม่ ไม่สิ้นหวังค่ะ แกเล่าว่า ทำทุกอย่างตามความเชื่อ ถึงแม้จะมีเวลาเหลือน้อยนิดก็ตาม
คุณพ่อเพื่อนรีบบึ่งรถไปบนทุกวัด วัดไหนดัง รีบขับรถไป ด้วยเชื่อในปาฏิหารย์ ว่าลูกสาวอาจจะรอด
แต่สุดท้าย ยาฆ่าหญ้าก็พรากเพื่อนเราไปจนได้ จำไม่ได้ชัดค่ะ
ว่าเพื่อนอยู่ต่อได้อีกกี่วัน มันคงเป็นช่วงเวลาที่ทรมานมากๆจริงๆ
สิ่งที่แม่เล่า ยังจำได้จนทุกวันนี้ค่ะ มันทำให้เราฝังใจเรื่องย่าฆ่าหญ้าไปเลย
แล้วมาวันนี้ เหตุจากยาฆ่าหญ้า ก็เกิดซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง
แม่โทรมาเล่าว่า ไปงานศพญาติมา เราตกใจมากค่ะ
เพราะญาติเราคนนี้ดูมันคนมีอนาคตไกลมากๆ เราไม่ได้เจอกับญาติคนนี้
มานานมากๆแล้วค่ะ เคยเล่นด้วยกันตอนเด็กๆ รู้แค่ว่าพี่เค้าได้เป็นหมอ
แล้วไปทำงานใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัด
ด้วยสาเหตุอะไร ที่ญาติเราฆ่าตัวตาย ไม่มีใครรู้เลยค่ะ
แต่เราว่าเค้าคงรู้ค่ะ ว่าต้องกินอะไร ถึงไม่รอด. เพราะเค้าเป็นหมอ
แม่บอกว่า เค้ายังมีสติอยู่ ตอนถูกพาไปโรงพยาบาล แต่สุดท้ายเค้าก็เสีย
ชีวิตคน มันก็แค่นี้ค่ะ เราจึงอยากมาฝากเป็นข้อเตือนใจค่ะ
ว่าอย่าคิดฆ่าตัวตายกันเลย พ่อกับแม่ที่ให้กำเนิดเรามา
ท่านต้องมานั่งทุกข์ มาทำพิธีศพให้ลูก ไม่มีใครอยากเห็นภาพแบบนั้นจริงๆ
แล้วคนที่เค้าลำบาก หรือเป็นโรคร้าย เค้ายังอยากยื้อเวลาทุกวินาทีไว้
ให้ได้อยู่กับคนที่เค้ารักให้นานที่สุดเลยอ่ะค่ะ
คนเราทุกคนล้วนมีปัญหากัน ทั้งนั้นค่ะ
โปรดจงแก้ปัญหาด้วยปัญญา อย่าหนีปัญหาด้วยอารมณ์ชั่ววูบเลย
และรู้จักเรียนรู้ที่ปล่อยวาง ของที่มันหนักบ้างค่ะ
ปล. หรือว่าอย่างแย่ที่สุด อย่ากินยาฆ่าหญ้าเลยค่ะ
เพราะถ้าเกิดเปลี่ยนใจ สำนึกได้ มันก็ช่วยไม่ได้แล้วค่ะ