10 อันดับ รถหรูที่ราคาแพงที่สุดในโลก 2013

ใครหลายคนต่างฝันถึงการมีรถหรูไว้สักคัน เพราะรถเหล่านี้เป็นเสน่ห์เย้ายวนใจด้วยรูปลักษณ์สุดสง่างาม สมรรถนะที่สุดยอด ซึ่งมูลค่าของมันคงสูงอย่างไม่ต้องคาดเดาแน่นอน เราพาไปรู้จักกับ 10 สุดยอดรถหรูที่มีซื้อขายกันด้วยราคาสูงที่สุดในโลกที่จัดอันดับโดยเว็บไซต์ท็อปคาร์เรตติ้ง ซึ่งเราเลือกนำเสนอรถจากเกณฑ์ที่มีราคาซื้อขายกันระหว่างดีลเลอร์กับผู้ขาย ไม่นับการประมูลเพราะไม่สามารถวัดค่าที่แท้จริงของรถได้ โดยแต่ละคันที่นำเสนอนี้ต่างมีเรื่องราวที่น่าทึ่ง น่าสนใจ และเป็นเอกลักษณ์มาก

เครดิต : www.topcarrating.com/price.php

แหล่งที่มา : kapook.com

10. ชัปพัน 962 ซีอาร์ (Schuppan 962CR)

ยอดรถสปอร์ตที่สร้างโดย เวิร์น ชัปพัน (Vern Schuppan) ยอดนักแข่งรถชาวออสเตรเลียในปี 1994 เพื่อสรรเสริญชัยชนะของเขาในการแข่งขันรถ 24 Hours Le Man หที่ต้องขับขี่ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง และ All Japan Sport Prototype ที่รวบรวมรถต้นแบบต่าง ๆ มาแข่งขันกัน โดยเจ้า 962ซีอาร์นี้ ถูกสร้างบนพื้นฐานของ ปอร์เช่ 962 (Porsche 962) ที่ชัปพันใช้ชนะการแข่งขัน Le Mansนั่นเอง รถรุ่นดังกล่าวใช้เครื่องยนต์ขนาด 3,300 ซีซี ทวินเทอร์โบที่ให้กำลัง 600 แรงม้า ซึ่งมีความเร็วเหลือเชื่อที่ 370 กม./ชม. และพุ่งจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 3 วินาที โครงสร้างตัวถังของรถคันนี้ สร้างและออกแบบโดยชัปพันทั้งหมด โดยมีการประกอบขึ้นที่เมืองบัคกิ้งแฮม ประเทศอังกฤษ โดยมีนายทุนชาวญี่ปุ่นที่สนับสนุนชัปพันตั้งแต่การแข่งออล แจแปน สปอร์ต โปรโตไทป์เป็นผู้ร่วมทุนด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า ชัปพัน 962 ซีอาร์ ผลิตออกมาทั้งหมดกี่คัน แต่คาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ที่ 5-6 คัน โดยราคาของมันสูงถึง 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 45 ล้านบาท แต่ดันออกมาผิดจังหวะในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำในยุคปลาย 1990 ส่งผลให้ยอดการซื้อน้อย ทำให้บริษัทต้องประสบปัญหาการเงินจากการขาดทุนและต้องล้มละลายในที่สุด เรื่องราวของรถหรูเหล่านี้คู่ควรกับราคาที่แสนแพงจริง ๆ ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณค่าของมันไม่ได้อยู่ที่มูลค่าอย่างเดียวเท่านั้น ทว่ามาจากคุณสมบัติที่ขึ้นชื่อเฉพาะตัวของรถแต่ละคันนั่นเองที่ผู้ผลิตรถยนต์ต่างพยายามทุ่มเทสร้างยนตกรรมเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งเต็มไปด้วยความอุตสาหะเกินกว่าจะตัดสินด้วยราคาค่าตัวเลยล่ะครับ

9. เซนโว เอสที 1 (Zenvo ST1)

เซนโว ค่ายรถซูเปอร์คาร์จากประเทศเดนมาร์ก ได้สร้างรถซูเปอร์คาร์ตัวแรงสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน(เซนโวเขาว่าอย่างนั้น)อย่าง เซนโว เอสที 1 ที่มีระบบเครื่องยนต์เป็นจุดเด่น ด้วยการมีทั้งเทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จบนเครื่องยนต์ V8 7,000 ซีซี ที่ให้กำลังสูงถึง 1,100 แรงม้า ผสานการทำงานกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้อัตราเร่งจาก 0-100>>กม./ชม. ใน 3 วินาที ทะยานด้วยความเร็วสูงสุด 375 กม./ชม. นอกจากเครื่องที่แรงสุด ๆ แล้ว รถรุ่นนี้ยังสามารถใช้พลังงานอย่างเอธานอลE85 ได้อีกด้วย ทั้งนี้ เซนโว เอสที 1 มีการผลิตขึ้นมาเพียง 15 คันเท่านั้น และได้ส่งมอบให้ลูกค้าทั้งหมดแล้ว โดยราคาที่ค่ายรถตั้งไว้อยู่ที่ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 54 ล้านบาทพร้อมกับของแถมเป็นนาฬิกาข้อมือมูลค่าถึง 50,000 เหรียญสหรัฐ

8. ดับบลิว มอเตอร์ ไลแคน ไฮเปอร์สปอร์ต (W Motor Lykan Hypersport)

              ซูเปอร์คาร์คันแรกที่ผลิตโดยชาวอาหรับ ในนามของดับบลิว มอเตอร์ แห่งเมืองดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรต ซึ่งตั้งใจรังสรรค์ความงามที่ได้แรงบันดาลใจจากรถหุ้มเกราะของกองทัพ นำมาดัดแปลงจนมีหน้าตาเป็นรถสปอร์ตสุดโฉบเฉี่ยว ภายในมาพร้อมเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบบ็อกเซอร์วางกลางรถที่พัฒนาโดย RUF จากประเทศเยอรมนี ให้กำลัง 750 แรงม้า พารถทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 2.8 วินาที และความเร็วสูงสุด395 กม./ชม. สำหรับ ไลแคน ไฮเปอร์สปอร์ต นั้นโชว์ตัวครั้งแรกที่Qatar Motor Show 2013 และได้ประกาศราคาขายรถสปอร์ตสุดดุดันคันดังกล่าวที่ 3.4 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 102 ล้านบาท

7. บูกัตติ เวย์รอน 16.4 ซูเปอร์สปอร์ต แซง นอร์ (Bugatti Veyron 16.4 Super Sport Sang Noir)

เจ้าของสถิติยานยนต์เร็วที่สุดในโลกจากบันทึกของกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด เมื่อปี 2010 (แต่ถูกถอดจากตำแหน่งเพราะพบว่าดัดแปลงเครื่องไม่ตรงกับกติกา) พกพาเครื่องยนต์ 8,000 ซีซี W16 ซึ่งมีวาล์วจ่ายน้ำมันมากถึง 64 วาล์ว พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ให้กำลัง 1,200แรงม้า ผสานเกียร์อัตโนมัติคลัชคู่ 7 สปีดที่ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน พัฒนาและออกแบบให้เปลี่ยนเกียร์ด้วยเวลาเพียง 150 มิลลิวินาที สร้างโดย ริคาโด และ บอล์ก วอนเนอร์ บริษัทชิ้นส่วนยานยนต์ชื่อดังที่คิดค้นระบบเกียร์ DSG ซึ่งใช้ในโฟล์คสวาเกนได้อย่างดีเยี่ยมเพียงแค่ระบบเกียร์อย่างเดียวก็มีราคาถึง 120,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.6 ล้านบาท) เข้าไปแล้ว การออกแบบภายนอกคำนึงถึงหลักการอากาศพลศาสตร์หรือแอโรไดนามิกมากทีเดียว ด้วยการสร้างเส้นสายที่เพิ่มแรงกดเพื่อไม่ให้รถลอยเมื่อต้องวิ่งด้วยความเร็วสูง พร้อมด้วยปีกอัตโนมัติที่ช่วยให้รถสามารถยึดเกาะถนนได้ดี ใส่ช่องอัดอากาศที่ด้านหลังเพื่อระบายความร้อน และช่องลมด้านข้างระบายความร้อนของเบรก โดยทุกการออกแบบของรถคันนี้เน้นใช้ประโยชน์จากลมให้มากที่สุด และด้วยคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาที่ช่วยให้รถสามารถพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว สำหรับ บูกัตติ เวย์รอน ซูเปอร์สปอร์ต เป็นรถรุ่นที่ทำสถิติความเร็วสูงที่สุดในโลกที่มีการบันทึกไว้เมื่อปี 2010 ด้วยความเร็ว 434 กม./ชม.โดยรุ่นแซง นอร์ นั้นเป็นรุ่นที่มีราคาสูงสุด มีรูปลักษณ์ภายนอกเคร่งขรึมด้วยสีดำสนิท ต่างจากรุ่นมาตรฐานที่เป็นสีดำและส้ม ภายในรุ่นแซง นอร์ แสบซ่าด้วยสีส้มที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ด้วยราคาที่สูงกว่ารุ่นปกติถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ เวย์รอน แซง นอร์ มีราคา 3.4 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 102 ล้านบาท

6. ลัมบอร์กินี เวเนโน (Lamborghini Veneno)

สุดยอดรถจากค่ายกระทิงดุที่ผลิตแบบจำกัดจำนวนสุด ๆ เพียง 3 คันในโลกเท่านั้น โดย ลัมบอร์กินี เวเนโน สร้างจากพื้นฐานรถรุ่นอาเวนทาดอร์ (Lamborghini Aventador) ด้วยตัวถังไฟบอนคาร์เบอร์ที่ได้รับการออกแบบมาจนมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ พร้อมด้วยช่องลมจำนวนมากที่ช่วยเรื่องการทรงตัวของรถ แรงสุดยอดด้วยเครื่องยนต์ V12 6,500 ซีซี 750 แรงม้า ทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 2.8 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุด 354 กม./ชม. กระทิงดุนาม เวเนโน ถูกสร้างขึ้นในโอกาสครบรอบ 50 ปีของลัมบอร์กินี และเปิดตัวไปแล้วในงานแสดงรถ Geneva Motor Show 2013 และผลิตเพียง 3 คันเท่านั้น ซึ่งมีเพียงสีเขียว ขาว แดง ตามสีธงชาติของประเทศอิตาลี โดยมีสองคันส่งมอบให้ลูกค้าที่สหรัฐฯ แล้ว ส่วนอีกคันหนึ่งได้รับการเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งราคาที่ค่ายกระทิงดุตั้งไว้คือ 4 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 120 ล้านบาท

5. เฟอร์รารี่ เอสพี 12 อีริค แคลปตัน (Ferrari SP12 EC)

ม้าคะนองรุ่นพิเศษที่ผลิตเพียงคันเดียวเท่านั้นสำหรับ อีริค แคลปตัน มือกีตาร์ชื่อดังก้องโลก โดยเฟอร์รารี่ได้ร่วมมือกับพินินฟารินา ทีมนักออกแบบคู่บารมี สร้างสรรค์รถคันนี้บนพื้นฐานจาก เฟอร์รารี่ 458 อิตาเลีย (Ferrari 458 Italia) และ เฟอร์รารี่ 512 บีบี (Ferrari 512 BB) ซึ่งแคลปตันเคยใช้งานมาก่อน สำหรับรายละเอียดของรถรุ่นดังกล่าว ยังไม่มีการเปิดเผยใด ๆ อย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่ข้อมูลรถเหล่านี้จะถูกเก็บเป็นความลับเพราะเป็นรถยนต์ที่สั่งทำเฉพาะ แต่คาดการณ์ว่าจะใช้เครื่องยนต์ V8 4,500 ซีซี พร้อมเกียร์ธรรมดาคลัชคู่ 7 สปีด แต่ราคาได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่ามือกีตาร์ Slow Hand (ฉายาของแคลปตัน) ได้ทุ่มเงินไป ประมาณ 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 141 ล้านบาทซึ่งเขาพอใจกับผลงานที่ออกมาค่อนข้างมากเลยทีเดียว

4. เฟอร์รารี่ P4/5 พินินฟารินา (Ferrari P4/5 Pininfarina)

เฟอร์รารี่คันนี้เป็นรถที่ออกแบบและผลิตโดยบริษัทออกแบบชื่อดัง พินินฟารินา ซึ่งผลงานชิ้นนี้เป็นงานดีไซน์พิเศษที่ออกแบบมาให้เฉพาะมหาเศรษฐีและนักลงทุนชาวสหรัฐฯ เจมส์ กริกเกนเฮาส์ โดยรถรุ่นดังกล่าวได้ใช้พื้นฐานโครงสร้างของ เอ็นโซ เฟอร์รารี่ (Enzo Ferrari) ผสานแรงบันดาลใจของรถแข่งของเฟอร์รารี่ในยุค 1960 จนได้ออกมาเป็นรูปลักษณ์อย่างที่เห็น ความหรูหราสุดยอดของ P4/5 นั้น เริ่มตั้งแต่เครื่องยนต์ Dino F140 V12 6,000 ซีซี ที่ทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 375 กม./ชม. ภายนอกใช้วัสดุจากคาร์บอนไฟเบอร์ โดยขึ้นรูปทรงแบบเดียวกับเฟอร์รารี่ F330 P4 ตามที่กริกเกนเฮาส์ได้ขอไว้ พร้อมประตูปีกผีเสื้อดีไซน์พิเศษที่ไม่มีเสียงลมลอดเข้ามาได้แม้จะขับเร็วถึง 160 กม./ชม. นอกจากนี้ ภายในยังเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี ซึ่งกริกเกนเฮาส์เป็นคนควบคุมการออกแบบเองทั้งหมด ประกอบด้วยแท็บเล็ตที่แสดงภาพของรถเป็นสามมิติ พร้อมระบบแจ้งเตือนการซ่อมบำรุง ปรับปรุงระบบปรับอากาศ และออกแบบโรลบาร์ใหม่ เพราะของเดิมที่ใช้ในเอ็นโซ เฟอร์รารี่นั้น แคบจนบดบังทัศนวิสัยของผู้ขับ เบาะนั่งยังสั่งทำพิเศษโดยการสแกนร่างกายของกริกเกนเฮาส์และลูกชายของเขา พร้อมทั้งตัดเย็บด้วยหนังสีดำและแดงที่เลือกโดยลูกสาวของเขาเอง นอกจากนี้ พินินฟารินา ยังจัดระบบการเดินสายไฟใหม่ที่ลดน้ำหนักรถลงไปอย่างไม่น่าเชื่อถึง 270 กิโลกรัมเลยทีเดียว

3. โคอีนิกเซ็ก ซีซีเอ็กซ์อาร์ ทรีวิตา (Koenigsegg CCXR Trevita)

ยอดซูเปอร์คาร์จากประเทศสวีเดน มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ทวินซูเปอร์ชาร์จ ความพิเศษคือสามารถใช้น้ำมัน E85 และ E100 ได้โดยให้สมรรถนะได้เท่ากับน้ำมันออกเทน 98 สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 400 กม./ชม. และมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.9 วินาที โดย โคอีนิเซ็ก ซีซีเอ็กซ์อาร์ มีรุ่นพิเศษที่ชื่อ ทรีวิตา ตัวถังสวยงามด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ประกายเพชร ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีพิเศษในการสร้างขึ้น ให้ความแวววาวบนพื้นผิวที่แข็งแกร่งอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเพิ่มออปชั่นต่าง ๆ อย่าง สปอยเลอร์เคลือบประกายเพชร, เบรกเซรามิกคุณภาพสูงพร้อม ABS ที่หยุดได้ดั่งใจ, มาตรวัดภายในดีไซน์พิเศษ และโช้คอัพไฮโดรลิกสำหรับรถซูเปอร์คาร์ นอกจากนี้ รุ่นทรีวิตา ยังถูกสร้างขึ้นมาเพียง 3 คันเท่านั้น และได้ขายให้กับเศรษฐีสหรัฐฯ ไปแล้ว 2 คัน ด้วยมูลค่าที่ตั้งจากโรงงาน 4.85 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 145.5 ล้านบาทและนับเป็นรถยนต์ที่ผลิตเชิงพาณิชย์ที่มีราคาสูงที่สุดที่เคยมีมา

2. โรลส์-รอยซ์ ไฮเปอเรียน พินินฟารินา (Rolls-Royce Hyperion Pininfarina)

พินินฟารินา สำนักออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชื่อดังจากอิตาลีที่มีผลงานโดดเด่นอย่างการออกแบบยอดรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ตั้งแต่ยุค 1950 แต่ครั้งนี้ได้ออกแบบรถยนต์ร่วมกับ โรลส์-รอยซ์ ค่ายรถหรูจากสหราชอาณาจักร เพื่อเป็นรถสำหรับเทศกาลจัดแสดงรถหรู Concours d’Elegance โดยชื่อไฮเปอเรี่ยนนั้น มาจากยักษ์ในตำนานปกรณัมของกรีก ซึ่งเหมาะสมกับรูปลักษณ์การออกแบบอย่างมาก ไฮเปอเรี่ยนเป็นรถที่ผลิตเพียง 1 คันเพื่อจัดแสดงในงานดังกล่าวเท่านั้นในปี 2008 ตัวถังทั้งหมดใช้คาร์บอนไฟเบอร์ รูปทรงที่คงเอกลักษณ์ความเป็นโรลส์-รอยซ์อย่างครบถ้วน พร้อมไฟ LED ดีไซน์พิเศษที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหลังจากเสร็จงานแสดงแล้ว โรลส์-รอยซ์ก็ได้นำสุดยอดรถหรูคันนี้ไปโชว์ที่พิพิธภัณฑ์ของค่ายเอง ซึ่งหัวหน้าทีมออกแบบรถคันนี้ ได้ประเมินมูลค่าและให้ราคาสูงถึง 6 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่แล้ว โรลส์-รอยซ์ ไฮเปอเรี่ยยนก็หายไป และไปปรากฏตัวอีกครั้งอยู่ที่ดีลเลอร์ของโรลส์-รอยซ์ที่อาบูดาบี ซึ่งทางดีลเลอร์เองก็ไม่ได้ตั้งราคาอย่างเป็นทางการ แต่จากการประเมินของสื่อหลายสำนัก พบกว่า โรลส์-รอยซ์ คันนี้มีราคาขายถึง 7 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 210 ล้านบาท นับว่าเป็นมูลค่าที่เหมาะสมกับงานศิลปะติดล้อคันนี้จริงๆ

1. มายบัค เอ็กซ์เซเลโร่ (Maybach Exelero)

สุดยอดรถยนต์หรูจากเยอรมนี ความพิเศษอยู่ที่มันถูกผลิตเพียงคันเดียวในโลกเท่านั้น ซึ่งสร้างมาจากแรงบันดาลใจของรถยนต์สปอร์ตในช่วงปี 1930และ มายบัค 57 ลีมูซีน (Maybuch 57 limousine) รถหรูรุ่นดั้งเดิม โดยรถยนต์คูเป้สองที่นั่งคันนี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ ให้กำลัง700 แรงม้า สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดถึง 350 กม./ชม. แม้จะมีน้ำหนักรถถึง 2,600 กิโลกรัมก็ตาม สำหรับที่มาของรถราคาแพงคันนี้ เริ่มต้นจาก Fulda Tire บริษัทผลิตยางรถยนต์คุณภาพสูงในประเทศเยอรมนี ต้องการรถยนต์คันใหม่เพื่อใช้ทดสอบสมรรถนะของยางรถยนต์รุ่นใหม่ ดังนั้น เดมเลอร์ (Daimler) บริษัทต้นสังกัดจึงผลิตรถคันดังกล่าวออกมาในปี 2005 โดยการออกแบบรถยนต์คันนี้ได้ทำการจัดประกวดระหว่างนักเรียนออกแบบยานยนต์ในประเทศเยอรมนี และได้ผู้ชนะเข้าไปร่วมงานเพื่อสร้างเอ็กซ์เซเลโร่ขึ้นมา หลังจากที่ Fulda Tire เลิกใช้รถคันนี้แล้ว ก็ได้ทำการขายให้กับนักธุรกิจอัญมณีที่ชื่อ อังเดร แจ๊คสัน ในราคา 7.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งช่วงนี้เองที่แจ๊คสันได้ให้เจย์-ซี แร็ปเปอร์ชื่อดังนำเอ็กเซเลโร่ไปประกอบฉากในมิวสิกวิดีโอ เพลง Lost one ก่อนที่จะขายให้กับเจ้าของปัจจุบัน ไบรอัน วิลเลี่ยม หรือ เบิร์ดแมน แร็ปเปอร์ชื่อดังอีกคนหนึ่งด้วยราคา 8 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 240 ล้านบาท ในปี 2011 มันจึงเป็นรถยนต์ที่ซื้อขายโดยไม่ผ่านการประมูลที่มีราคาสูงที่สุดตอนนี้

Credit: http://www.toptenthailand.com/4397-top.html
18 ก.ย. 56 เวลา 10:26 8,943 2 130
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...