ภาพที่ 1: ยุงลาย (Aedes Egypti) พาหะนำโรคไข้เลือดออก (เดงกี่), ไข้เหลือง
สัปดาห์นี้มีการแข่งขันกีฬาของนักเรียนโรงเรียนกีฬาอาเซียนที่ลำปาง ผู้เขียน (นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง) ไปเป็นหมอสนามด้วย
อาจารย์ที่เป็นกรรมการฟุตบอลท่านหนึ่งตั้งคำถามไว้ดี คือ
ยุงกัดกี่ตัว จึงจะเป็นไข้เลือดออก ?
ผู้เขียนเรียนท่านไปว่า ยังไม่ทราบ เท่าที่จำได้, โรคสมองอักเสบญี่ปุ่นบี (Japanese encephalitis B) เฉลี่ยต้องโดนยุงกัดประมาณ 250 ครั้ง จึงจะเป็นโรค
สัปดาห์ก่อนมีข่าวใหญ่ (ตีพิมพ์ใน Science) คือ การพัฒนาวัคซีนมาลาเรีย (ไข้จับสั่น) สำเร็จ
ปี 2554 วัคซีนมาเลเรียสร้างภูมิต้านทานในอาสาสมัคร = 2 ใน 44 ราย = 3.7%
ปีนี้ (2556) วัคซีนมาลาเรียนชนิดฉีดเข้าทางเส้นเลือด (เพื่อเลียนแบบยุงกัด) 5 ครั้ง ได้ผลในอาสาสมัคร = 6 ใน 6 ราย = 100%
คนทั่วโลกติดเชื้อมาลาเรียประมาณ 220 ล้านคน, ตายจากโรคนี้ 660,000 ราย/ปี (ปี 2010/2554)
ภาพที่ 2: แสดงยุงจอมยุทธ... เจ้านี่ดูดเลือดด้วย กรองน้ำเลือดออกมาทิ้งด้วย เพื่อให้เก็บเม็ดเลือดได้เต็มกระเพาะฯ จริงๆ
วัคซีนมาลาเรียอีกชนิดหนึ่ง (RTS, S) ทดลองในคน (ปี 2554) ป้องกันโรคในทารก (อายุไม่เกิน 1 ปี) = 31%, ป้องกันโรคในเด็กอายุเกิน 1 ปี = 56%
กลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตจากมาลาเรียสูงสุด คือ เด็กอาฟริกา
การศึกษาทำในหนูทดลองพบว่า การฉีดเชื้อมาลาเรียเข้าเส้นเลือดโดยตรง (65%) ทำให้ติดเชื้อต่ำกว่ายุง 5-10 ตัวกัด (88%)
กลไกที่เป็นไปได้ คือ การติดเชื้อตามธรรมชาติ เริ่มจากเชื้อผ่านปากยุงไปสู่ผิวหนัง หรือชั้นใต้ผิวหนัง อย่างน้อย 5 นาที หลังจากนั้นจึงผ่านระบบท่อน้ำเหลืองฝอยเป็นส่วนใหญ่ ผ่านหลอดเลือดฝอยเป็นส่วนน้อย มีความเป็นไปได้ว่า เชื้อมาลาเรียจะชอบสิ่งแวดล้อมอะไรบางอย่างในท่อน้ำเหลืองมากกว่าในหลอดเลือด
สารเคมีหลายชนิดในน้ำลายยุง น่าจะมีส่วนช่วยให้เชื้อมาลาเรียแพร่กระจายเข้าสู่คน (หรือสัตว์) ได้มากขึ้น
ถ้ามองภาพรวม ทั้งมาลาเรีย ไข้เลือดออก และไข้สมองอักเสบญี่ปุ่นบี ซึ่งติดต่อผ่านยุง จะต้องโดนยุงกัดขั้นต่ำ (ครั้ง) จึงจะเป็นโรคดังนี้
(1). มาลาเรีย > 5-10 ครั้งขึ้นไป
(2). ไข้เลือดออก > 4-5 ครั้งขึ้นไป
การศึกษาในคนจากเวียดนามพบว่า จำนวนครั้งที่ยุงกัดในหนูทดลองกับในคนแล้วเป็นโรค มีขนาดพอๆ กัน
(3). ไข้สมองอักเสบญี่ปุ่นบี > 250 ครั้งขึ้นไป
สรุป คือ คนส่วนใหญ่ต้องโดนยุงกัด 5-10 ครั้งขึ้นไป จึงจะติดเชื้อไข้จับสั่น (มาลาเรีย)
คุณหมอแนะนำ
การลงทุนติดมุ้งลวดทั้งบ้าน เป็นการลงทุนประกันชีวิตที่ดี และอย่าลืม... ติดมุ้งลวดห้องน้ำด้วย
เพราะห้องน้ำที่ไม่ติดมุ้งลวด เพิ่มเสี่ยงโรคติดต่อจากยุงด้วย โรคฉี่หนู
แถมยังป้องกันค้างคาวเข้าบ้าน (เผื่อจะมีโรคแปลกๆ ใหม่ๆ แบบซาอุฯ ที่มากับค้างคาว) ด้วย
ถึงตรงนี้ ... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
http://www.oknation.net/blog/health2you/2013/08/24/entry-1 Posted by wullopp