ข้อสงสัย "ประหารชีวิตด้วยการฉีดยา"

 

หลายคนมีข้อสงสัยในเรื่องการประหารชีวิต

โดยประเทศไทยเริ่มนำการ "ฉีดยา" เข้ามาใช้ในเมืองไทย

แต่หลายคนยังมีความสงสัยในวิธีการ

จึงอยากนำความรู้มาฝากกันใน "ประหารชีวิตด้วยการฉีดยา"

 

 

เปลี่ยนจากการยิงเป้า มาฉีดยา

 

 

ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการประหารชีวิตนักโทษคราใด ก็มัก

มีเสียงคัดค้าน และเรียกร้องจากฝ่ายสิทธิมนุษชนและองค์กรศาสนาต่างๆทั้งในประเทศ

และต่างประเทศ ในการที่จะให้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตเสีย โดยให้เหตุผลว่าเป็นวิธี

การลงโทษที่ทารุณโหดร้าย ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนแต่โดยเหตุที่ในขณะนี้ประเทศไทย

ยังไม่สามารถยกเลิกโทษประหารชีวิตได้อันเนื่องมาจากกระแสเรียกร้องจากฝ่ายผู้เสียหาย

ดังนั้นจึงได้พิจารณาที่จะเปลี่ยนวิธีการประหารชีวิตจากวิธีการยิงด้วยปืนเป็นวิธีการประหาร

โดยฉีดสารพิษ เพราะพิจารณาเห็นว่าเป็นวิธีที่มีความโหดร้ายน้อยลง น่าจะเป็นการลดแรง

กดดันจากองค์กรสิทธิมนุษยชนและองค์กรศาสนาต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศลง

ได้ระดับหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นการสอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

หลักสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิของพลเมืองและ สิทธิ

 

 

ความนิยมใช้วิธีการนี้ในต่างประเทศที่ไหนบ้าง

 

 

เริ่มแรกที่สหรัฐอเมริกา โดยมลรัฐต่างๆ 33 รัฐ ที่ยังมีโทษประหารชีวิตอยู่ ได้เปลี่ยนจาก

การประหารโดยใช้เก้าอี้ไฟฟ้ามาเป็นการฉีดสารพิษแทนหลายรัฐ ในประเทศอื่นๆก็ได้เริ่ม

นำไปใช้ เช่น จีน ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน กัวเตมาลา เป็นต้น

 

 

เตรียมอุปกรณ์

 

 

ห้องประหารคงใช้ห้องประหารของเรือนจำกลางบางขวางที่เดิมเพียงแต่จัดอุปกรณ์เพิ่มขึ้น

จัดหาเตียง เครื่องฉีดยา เครื่องตรวจ สอบการเต้นของหัวใจ และยาเท่านั้น ด้านบุคลากรก็

ใช้ชุดเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากการกดไกปืนมาเป็นการกดปุ่มปล่อยยา แต่อาจต้องฝึกการ

แทงเข็มเข้าเส้นและการเฝ้าดูการไหลของยาเท่านั้น

 

 

สารพิษที่นำมาจากที่ไหน

มีประสิทธิภาพอย่างไร

 

 

สาพิษที่ว่ามี 3 ชนิด คือ

 

1.โซเดียม เพท โททัล (Sodium Pentothal) ใช้ประมาณ 20-25 cc ยาตัวนี้จะทำให้หลับ

เพื่อให้การฉีดสารพิษอื่นๆ กระทำได้ง่ายขึ้น ปกติยาชนิดนี้จะเป็นยาผง ซองหนึ่งละลายน้ำ

ในปริมาณ 20 cc ราคา 45 บาท

 

2.เพนคูโรเนียม โบมาย (Pancuronium bromide) ปริมาณ 50 cc ยาตัวนี้จะทำให้ระบบ

การหายใจหยุดทำงานแต่ยังไม่เสียชีวิต ยาชนิดนี้เป็นยาน้ำ ราคา 48 บาท ต่อ 50 cc

 

3.โปทาสเซียม คลอไรด์ (Potassium Chloride) 50 cc เพื่อทำให้หัวใจหยุดเต้น ราคา

12 บาท ต่อ 20 cc ดังนั้น 50 cc ราคาประมาณ 30 บาท

 

 

ขั้นตอนการฉีดสารพิษเป็นอย่างไร

 

รูปภาพจาก : http://www.oknation.net/blog/pradit/2009/08/26/entry-1

 

ยาทั้งหมดมี 3 เข็ม

 

-- เข็มแรกจะเป็นยานอนหลับ (Sodium Pentathol)

-- เข็มที่สองเป็นยาคลายกล้ามเนื้อ (Pavulon Pancuronium Bromide)

-- เข็มที่สามเป็นยาหยุดการเต้นของหัวใจ (Potassium Chloride)

 

(เพิ่มเติมข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/pradit/2009/08/26/entry-1)

 

การใช้ยาจะต้องฉีดยาตัวแรกก่อนเพื่อให้หลับ จากนั้นจึงปล่อยยาตัวที่สองและสามตาม

ลำดับ ผู้ถูกประหารจะเสียชีวิตในทันที การตรวจสอบการเสียชีวิตจะมีเครื่องวัดการเต้น

ของหัวใจให้กรรมการได้ตรวจสอบและมีแพทย์ไปตรวจร่างกายหลังการประหารตามปกติ

การฉีดจะไม่ใช้เข็มฉีดยา แต่จะใช้เครื่องฉีดซึ่งอาจเป็นแบบอัตโนมัติกดปุ่มแล้วเครื่องทำ

งานเองหรือใช้มือกดเพื่อผลักให้ตัวยาเคลื่อนเข้าสู่เส้นเลือดดำ เครื่องมือนี้มีใช้ในวงการ

แพทย์ทั่วไปหากเป็นเครื่องอัตโนมัติราคาประมาณ 50,000 - 60,000 บาท ถ้าเป็นเครื่อง

ที่ใช้มือราคา 2,000 บาท

 

 

ในการฉีดแต่ละครั้ง

ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

 

 

เฉพาะค่ายา 200 บาท ส่วนค่าเบี้ยเลี้ยงเพชฌฆาต หรือเจ้าหน้าที่อื่นๆ เท่าเดิมในการ

ประหารด้วยปืน (เพชฌฆาต 2,000 บาท เจ้าหน้าที่ต่างๆ ไม่เกิน 10 คน เป็นเงิน 2,000

บาท ถวายพระอีก 500 บาท)

 

 

ยาที่ฉีดถ้าแพร่หลายออกไป

จะเป็นอันตรายหรือไม่

 

 

ยาที่ใช้ฉีดเป็นยารักษาโรคถ้าใช้ในปริมาณที่เหมาะสม แต่ถ้าให้เกินขนาดก็ถึงตายจึงไม่

สามารถไปใช้ใส่เข็มนำไปฉีดคนทั่วไปได้ การจะทำให้ตายได้ต้องใช้ปริมาณมาก และยา

ทุกชนิดถ้าใช้เกินขนาดก็ถึงตายทั้งนั้น

 

 

จะมีการเสนอวิธีประหารด้วยวิธีอื่นอีกหรือไม่

 

เช่น เก้าอี้ไฟฟ้า

 

 

วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ใหม่ที่สุด และมีมนุษยธรรมที่สุด ประเทศที่มีการประหารด้วยเก้าอี้

ไฟฟ้าหรือรมด้วยก๊าซ จะเปลี่ยนมาเป็นการฉีดยา แต่ในอนาคตหากประเทศไทยยังคงมี

โทษประหารชีวิตอยู่ และมีวิธีการประหารชีวิตใหม่ๆ ก็คงจะต้องพิจารณากันต่อไป

 

ถ้าจะมีการทุจริต แกล้งตายได้หรือไม่

 

 

ทำได้ยาก เพราะในการประหารชีวิตด้วยวิธีนี้ จะมีเครื่องบอกการเต้นของหัวใจมีแพทย์

ตรวจยืนยันการตาย มีการตรวจเช็คยาให้แน่ชัด มีคณะกรรมการจากหลายฝ่ายทั้งจังหวัด

อัยการ ตำรวจและกรมราชทัณฑ์ และมีการเก็บศพไว้ตรวจสอบ

 

 

แพทย์มีส่วนเกี่ยวกับการประหารหรือไม่

 

 

แพทย์จะไม่มีส่วนเกียวข้องกับการประหาร แต่แพทย์จะเข้ามาเมื่อการประหารเสร็จสิ้นแล้ว

เป็นแนวทางปฎิบัติของทุกประเทศ

 

Credit: http://www.toptenthailand.com/4377-top.html
16 ก.ย. 56 เวลา 01:17 9,439 3 70
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...