สั่งจับตายพรานโหดยิงจนท.อุทยาน

จากกรณีเหตุเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ปะทะกับกลุ่มพรานล่าเสือโคร่ง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก อ.อุ้มผาง  จ.ตาก เมื่อกลางดึกของเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 2 นาย และพรานป่าเสียชีวิต 1 ราย  หลบหนีไป 4 ราย โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว  1 รายนั้น

เมื่อวันที่ 14 ก.ย.  ตั้งแต่ช่วงเช้า ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร  นายเสริมยศ เสริมมั่น รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยนายธนโรจน์ โพธิสาโร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ (สบอ.) 14 ตาก ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและมอบนโยบายในการดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างเฉียบขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปให้กับเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่  จากนั้นได้ร่วมประชุมวางแผนวางแผนในการติดตามคนร้ายที่ห้องประชุม อ.อุ้มผาง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายเสริมยศ กล่าวว่า  ที่ประชุมได้มีการวางแผนในการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจและทหาร ในการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี โดยเฉพาะในส่วนของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ได้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 500 นายในการปิดล้อมพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ  ไว้หมดแล้ว  เพราะมีข้อมูลว่าคนร้ายยังอยู่ในพื้นที่  นอกจากนั้นยังได้รับความร่วมมือจากกองกำลังนเรศวร และ ตำรวจตระเวนชายแดนในการสนธิกำลังติดตามหาตัวคนร้าย ขณะนี้ยังเหลือคนร้ายหลบหนีอยู่ 3 ราย  ซึ่งเรามีชื่อและรูปพรรณครบแล้ว   ทั้งนี้ได้มีการประสานกับทางการพม่าบริเวณชายแดนว่าหากมีบุคคลต้องสงสัยหลบหนีเข้าไปในเขตพม่าขอให้ประสานข้อมูลมายังฝั่งไทยด้วย

นายเสริมยศ กล่าต่อวว่า  อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวว่าคนร้ายจะติดต่อขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจน  ซึ่งเรื่องนี้หากมีการประสานขอมอบตัวมาก็จะเป็นเรื่องดี   เรายืนยันจะไม่เปิดการเจรจากับคนร้าย เพราะการกระทำดังกล่าวที่มีการเข้าไปลักลอบล่าสัตว์ป่าในพื้นที่และมีการยิงปะทะจนเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ เสียชีวิต 2 ศพนั้น และบาดเจ็บสาหัส 2 รายนั้น  เป็นการกระทำที่อุกอาจและเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของกรมอุทยานฯ ที่เรายอมไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตายเราต้องได้ตัวคนร้ายที่หลบหนีอยู่ทั้ง 3 รายมาดำเนินคดีให้ได้ภายใน 1-2 วันนี้ เท่าที่มีข้อมูลคนร้ายที่หลบหนีทั้ง 3 รายเหมือนเสือเจ็บอ่อนแรง เพราะมีอาการบาดเจ็บจากการปะทะที่ผ่านมาอยู่  แต่ยังมีอาวุธครบมือ ซึ่งอาจเกิดการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ได้ทุกเมื่อ หากยอมเข้ามอบตัวก็จะไม่เกิดความสูญเสียขึ้นอีก

“พฤติกรรมของคนร้ายกลุ่มนี้มีความโหดเหี้ยมอย่างมาก และมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มชาวเวียดนามที่เข้ามาล่าเสือโคร่งในพื้นที่เมื่อปี  2554  โดยพฤติกรรมของพรานคือจะเข้าไปล่าสัตว์เล็กเอาหมดทุกชนิด  และนำมาวางยาเบื่อเพื่อรอให้เสือโคร่งมากิน  เนื้อสัตว์ป่าบางส่วนนำมาหมักส้ม เพื่อไม่ให้ซากสัตว์ป่าเน่าเสีย ครั้งนี้ก็ได้ของกลางเป็นลูกชะนีที่เตรียมนำมาขาย  แต่มีการยิงแม่ชะนีและเอาเนื้อมาหมักส้มด้วย นอกจากนั้นยังตรวจสอบพบว่าพรานกลุ่มนี้มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดคือยาบ้าด้วย” นายสมยศ กล่าว 
ด้านนายธนโรจน์  เปิดเผยว่า ล่าสุดในช่วงบ่ายนายจือ แซ่ท้าว อายุ 37 ปี ชาวอ.พบพระ  ผู้ต้องหาที่เข้าไปลักลอบล่าสัตว์และทำร้ายเจ้าหน้าที่  ได้ติดต่อขอมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนเบื้องต้น และนำตัวส่ง รพ.อุ้มผาง เพื่อทำแผลเนื่องจากนายจือได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ยังหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า โดยเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมพื้นที่ไว้หมดแล้ว และประกาศให้ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวโดยเร็ว. 

 
 
 
 
 
 
 
 
อ้างอิง  ข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Credit: http://entertainment.goosiam.com/news/html/0039070.html
15 ก.ย. 56 เวลา 08:16 2,730 50
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...