ขณะที่นักศึกษาบางคนยังคิดไม่ออกว่าควรใส่ชุดอะไรไปเรียน!

 

 

 

 

 

อะไรที่ทำให้นักศึกษากลุ่มนี้ เลือกที่จะทำแบบนี้ ?

“ ภาพกลุ่มนักศึกษาเปียกปอนคุกเข่าเป็นรั้วขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ปะทะชาวบ้าน ระหว่างการจัดเวที public scoping เพื่อการขอประทานบัตรเหมืองทองคำแปลงที 76/2539 ของบริษัททุ่งคำจำกัด เหตุเกิดขึ้นบริเวณหน้าวัดโพนทอง ต.นาโป่ง อ.เมือง จ. เลย เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2556 ทำให้หลายคนทึ่งและรู้สึกปิติอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นเสื้อขาวๆของหนุ่มสาวกลุ่มนี้อยู่เคียงข้างชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนและต้องต่อสู้กับนายทุนใหญ่อันทรงอิทธิพล

นักศึกษากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นเรียนอยู่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในนามของกลุ่ม “ดาวดิน” ซึ่งเป็นกลุ่มที่เผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม โดยมีกิจกรรมหลักคือการออกค่ายเรียนรู้สังคม มีเพียงบางคนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

 

“การรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ไม่มีความเป็นธรรม และเป็นความพยายามหลีกเลี่ยงกฎหมาย เพราะเขาไม่เปิดให้ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยได้ร่วมแสดงความเห็นในเวที เขาบอกแต่ข้อดีแต่ไม่เคยพูดถึงข้อเสีย” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ 1ในกลุ่มดาวดิน บอกถึงสาเหตุที่ยืนอยู่ข้างชาวบ้าน

กลุ่มดาวดินมีสมาชิกราว 20 คน และออกค่ายเรียนรู้สังคมที่หมู่บ้านรอบๆเหมืองทองมาตั้งแต่ปี 2550 โดยมีรุ่นพี่เบิกทางลงชุมชนแห่งนี้จากรุ่นสู่รุ่น

“พวกเราไปค้างและเรียนรู้จากชาวบ้านมาตลอด ไม่ใช่เพิ่งทำตอนนี้ เราเก็บข้อมูลตั้งแต่ตอนเขายังทำเหมืองทอง จนหมดอายุสัมปทาน และขอประทานบัตรใหม่ในอีกพื้นที่หนึ่ง แต่มีแผนตกแต่งแร่ในพื้นที่เดิม พวกเราเห็นผลของสารพิษที่พบในน้ำปะปา ในนาข้าวและพืชต่างๆที่ชาวบ้านปลูก แต่ต้องกินใช้เพราะไม่มีทางเลือก แม้แต่สาธารณะสุขเองก็ยังเตือน” ไผ่และกลุ่มดาวดินเก็บข้อมูลผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านอยู่เรื่อยๆ พวกเขาพยายามนำมาสะท้อนให้สังคมได้รับทราบสถานการณ์ของชุมชน เช่น ทำเป็นวารสาร หรือตั้งวงแลกเปลี่ยนกัน

 

"ไผ่" บอกว่า ก่อนที่บริษัทจะจัดเวทีเมื่อวันที่ 8 ชาวบ้านได้จัดงานบุญภูทับฟ้าระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน พวกเขาจึงเดินทางไปร่วมงาน และทราบดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชาวบ้านเพราะมีการส่งคนมาป่วนอยู่เรื่อยๆระหว่างที่ชาวบ้านจัดงานพร้อมกับมีการปล่อยข่าวว่าชาวบ้านกลุ่มที่คัดค้านเป็นพวกหัวรุนแรง

“พวกเราศึกษาจากคริปข่าวต่างๆถึงแนวทางการต่อสู้แบบสันติไว้ก่อนแล้ว เพราะเห็นว่าความรุนแรงอาจไม่ใช่ทางออก เรารู้ว่าในวันที่ 8 เขามีแผนสลายชาวบ้าน มีทั้งกองกำลังตำรวจและอส.กว่า 600 คน พร้อมทั้งรถห้องขังและอุปกรณ์ต่างๆครบครัน พวกเราจึงทำหน้าที่เป็นแนวหน้าเหมือนกับเป็นรั้วให้ชาวบ้าน เพราะจริงๆแล้วชาวบ้านก็ยึดแนวทางอหิงสา มีแค่ขวดน้ำและการปราศรัยเท่านั้น”

แม้เวทีรับฟังความคิดเห็นของบริษัททุ่งคำจบลงในห้องประชุม พร้อมกับบทสรุปตามสไตล์ของผู้ขอสัมปทาน แต่บทสรุปนอกห้องประชุม ยังคงต้องแสวงหากันอีกหลายยก ขณะที่กลุ่มดาวดินก็ยังคงเดินมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านต่อไป

 

"ในยุคที่ทุกซอกมุมของสังคมมีแต่ความขัดแย้งและการเลือกข้างแบ่งสีซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการเมืองระดับยอดปิรามิด กระบวนการแสวงหาความหมายและคำตอบจากหมู่บ้านแทบไม่หลงเหลืออยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย อย่างมากก็แค่ชื่นชมสายลมแสงแดด"

 

"ภาพของนักศึกษากกลุ่มดาวดินที่ยืนเคียงข้างชุมชน จึงทำช่วยจรรโลงใจได้ดีทีเดียว"

 

ผมไม่รู้ว่าเป้าประสงค์ของกลุ่มคืออะไรนะครับ

แต่การกระทำอย่างนี้ผมเชิดชูจริงๆ

Credit: http://board.postjung.com/706172.html
14 ก.ย. 56 เวลา 10:01 3,144 1 130
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...