ตุ๊กตาแอนนาเบล ตุ๊กตาผีสิง

 

 

 

 

 

หลังจากที่หลายๆ ได้ดูภาพยนตร์เรื่อง The Conjuring ก็จะเห็น ตุ๊กตาต้นเรื่อง (ตุ๊กตาแอนนาเบล) นั้นมีความเกี่ยวโยงกับหนังเรื่องนี้อย่างไร? คำตอบคือ ไม่ได้เกี่ยวกับครอบครัวนี้เลย แต่! ตุ๊กตาแอนนาเบล ตุ๊กตาผีสิง ตัวนี้เป็นหนึ่งในเคสของ เอด และ ลอร์เรน วอลเรน นักสืบเรื่องเหนือธรรมชาติ, ผู้ที่สัมผัสและมองเห็นวิญญาณ เรียกได้ว่า ตุ๊กตาแอนนาเบล ตัวนี้แหละโด่งดังที่สุดกว่าทุกเคสที่ผ่านมา เรื่องราวของ ตุ๊กตาแอนนาเบล มีที่มาอย่างไร เราไปดูกันเลย

แอนนาเบล ตัวจริง : แอนนาเบลในภาพยนตร์์

ตุ๊กตาแอนนาเบล ตุ๊กตาผีสิง

เมื่อเห็นภาพนี้เพื่อนๆ หลายคนต้องบอกเหมือนกันแน่ๆ ว่า ตุ๊กตาแอนนาเบล ของจริง น่ารักกว่าในหนังซะอีก แต่!เห็นน่ารักแบบนี้ ความน่ากลัวของแอนนาเบลก็มีไม่น้อยเลยนะคะ ทำเอาหลายต่อหลายหลอนและเสียชีวิตมาแล้ว ..

ปี 1970 ในวันเกิดของเด็กสาวชื่อ ดอนน่า แม่ของเธอได้ ซื้อตุ๊กตา Raggedy Ann จากร้านขายของเล่นเป็นของขวัญให้ลูกสาวของเธอ ดอนน่าในขณะนั้น เป็นนักศึกษาพยาบาลที่กำลังจะจบ และพักอยู่ในอพาร์ตเม้นต์เล็กๆกับเพื่อนสาวนามว่า แองจี้ ด้วยความดีใจที่ได้รับตุ๊กตา ดอนน่านำมันไว้ที่หัวเตียงประหนึ่งของตกแต่ง และไม่ได้นึกถึงมันอีกเลย จนอีกหลายวันต่อมา ดอนน่าและแองจี้จึงเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดและน่าขนลุกเกี่ยวกับตุ๊กตาตัวนี้ มันเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง เปลี่ยนอิริยาบถได้เอง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้รับการสนใจในตอนแรก จนเวลาผ่านไป การเคลื่อนไหวเหล่านี้ก็เริ่มหนักขึ้นๆ จนเป็นที่สังเกตของทั้งคู่ เมื่อดอนน่าและแองจี้กลับมาที่ห้องแล้วพบว่าตุ๊กตาไปอยู่ที่ห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องที่พวกเธอเอามันไปวางไว้ บางทีก็พบว่าเจ้าตุ๊กตานั่งในท่าไขว่ห้างอยู่บนโซฟา มือก็กอดอก บ้างก็พบว่ามันลงมายืนอยู่บนขาตัวเอง พิงอยู่บนเก้าอี้ในห้องกินข้าว หลายครั้งที่ดอนน่าวางมันไว้ที่โซฟา แล้วออกไปทำงาน แต่พอกลับมาก็พบว่ามันไปอยู่ในห้องนอนของเธอทั้งๆประตูห้องปิดอยู่ หลังจากที่ดอนน่าและแองจี้เจอกับเหตุการณ์นี้ได้ประมาณ 1 เดือน ความหน้ากลัวของตุ๊กตาแอนนาเบลล์นั้นก็ยิ่งมีมากขึ้น ทว่ามันไม่ได้ขยับที่อย่างเดียวแล้วสิ แต่ยังเขียนได้อีกด้วย!! ดอนน่าและแองจี้ก็เริ่มเจอกระดาษหนังที่มีข้อความเขียนด้วยดินสอว่า “ช่วยเราด้วย” และ “ช่วยลูด้วย” ลายมือนั้นดูเหมือนเป็นของเด็กเล็กๆ เรื่องสยองไม่ได้อยู่ที่ข้อความที่เขียน แต่เป็นวิธีที่มันเขียนต่างหาก ในตอนนั้น ดอนน่าไม่เคยมีกระดาษหนังที่มันใช้เขียนอยู่ในห้องมาก่อน แล้วมันมาจากไหนล่ะ?

ลอร์เรน วอลเรน ผู้สัมผัสถึงวิญญาณได้ กับตุ๊กตาแอนนาเบล

ตุ๊กตาแอนนาเบล เป็นเพียง วิญญาณสาวน้อยวัย 7 ขวบเท่านั้น!?  

คืนหนึ่ง ดอนน่ากลับมาที่ห้องแล้วพบว่าตุ๊กตาขยับอีกแล้ว คราวนี้มันขึ้นมาอยู่บนเตียงของเธอ ดอนน่านั้นคิดแต่ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของเจ้าตุ๊กตาไปเสียแล้ว แต่คราวนี้เธอเห็นบางอย่างผิดปกติ ความกลัวคืบคลานมาหาเมื่อเธอตรวจดูเจ้าตุ๊กตาแล้วพบว่ามีบางอย่างคล้ายเลือด หยดอยู่บนหลังมือและอกของมัน ของเหลวสีแดงนั้นไม่มีที่มา แต่มันน่ากลัวและดูอันตราย ดอนน่าและแองจี้จึงตัดสินใจว่าควรจะไปพบผู้เชี่ยวชาญ เมื่อไม่รู้จะทำยังไง พวกเธอจึงไปติดต่อร่างทรง และก็มีการติดต่อกับวิญญาณเกิดขึ้น ดอนน่าได้รู้จักกับวิญญาณนามว่า แอนน่าเบลล์ ฮิกกินส์ ร่างทรงเล่าเรื่องของแอนนาเบลล์ให้ดอนน่าและแองจี้ฟังว่า แอนนาเบลล์เป็นเด็กผู้หญิงที่เคยอยู่ตรงที่อพาร์ตเม้นต์ถูกสร้าง ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันแสนสุขของเธอ เธอเป็นเด็กตัวน้อยๆวัย 7 ขวบเท่านั้นตอนที่ถูกพบว่าไร้ชีวิตบริเวณทุ่งหญ้าที่ตอนนี้อพาร์ตเม้นต์ตั้งทับอยู่นั่นเอง วิญญาณสาวน้อยได้บอกกับคนทรงว่าเธอรู้สึกดีกับดอนน่าและแองจี้ ทั้งยังอยากอยู่และอยากได้รับความรักจากพวกเธอด้วย เมื่อได้ฟังเรื่องของแอนนาเบลล์แล้ว ดอนน่าก็รู้สึกเห็นใจ จึงอนุญาตให้เด็กหญิงเข้ามาอยู่ในตุ๊กตาและอยู่ร่วมกับเธอได้ แต่ต่อมาไม่นาน พวกเธอก็พบว่าแอนนาเบลล์ไม่ใช่เด็กใสไร้เดียงสาแบบที่พวกเธอคิดว่าจะเป็น มันคือตุ๊กตาสยองที่มาพร้อมเรื่องเขย่าขวัญต่างหาก ( ร่างทรงมั่วนะเนี่ย!!!)

เอด และ ลอร์เรน วอลเรน 

เรื่องเล่าความน่ากลัว ตุ๊กตาแอนนาเบล จากเพื่อนของ ดอนน่า

ลู เป็นเพื่อนกับดอนน่าและแองจี้ และรู้เรื่องของพวกเธอตั้งแต่วันที่ได้ตุ๊กตามา ลูไม่เคยรักใคร่เจ้าตุ๊กตานี้เลย แถมยังเตือนดอนน่าด้วยว่าเจ้าสิ่งนี้คือปีศาจและให้เอาไปทิ้งซะ แต่ดอนน่านั้นสงสารเจ้าตุ๊กตามาก และไม่เชื่อสิ่งที่ลูพูด จึงยังเก็บมันไว้ เมื่อตัดสินใจดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจึงกลายเป็นความผิดพลาดมหันต์ ลูสะดุ้งตื่นขึ้นมาในคืนหนึ่ง และรู้สึกหวาดผวา เขาฝันร้ายอีกแล้ว แต่ครั้งนี้มีบางอย่างแปลกไป เขารู้สึกตัวเต็มตื่น แต่ขยับไม่ได้ เขามองไปรอบๆห้อง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ และมันก็เกิดขึ้น! เขามองลงไปที่ปลายเท้า และพบแอนนาเบลล์ มันค่อยๆคืบคลานอย่างช้าๆขึ้นมาที่ขา เรื่อยมาจนถึงหน้าอกของเขา และหยุด… เสี้ยวนาทีต่อมา มันบีบคอเขาอย่างแรง ลูสิ้นเรี่ยวแรง อ้าปากพะงาบๆ เมื่อถึงจุดที่เขาไม่สามารถหายใจได้อีก เขาก็หมดสติ เขาตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา ไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความฝัน เขาเอาตัวออกห่างจากเจ้าตุ๊กตาและสิ่งชั่วร้ายที่สิงอยู่ในนั้นให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เผชิญกับเหตุการณ์สยองขวัญของแอนนาเบลล์เพียงครั้งเดียว วันหนึ่งขณะที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวในวันต่อไป ลูกับแองจี้กำลังนั่งดูแผนที่กันอยู่ในอพาร์ตเมนท์ซึ่งสงบเงียบ ทันใดนั้น ก็มีเสียงของแตกเหมือนมีใครบุกรุก ดังมาจากห้องนอนของดอนน่า ลูไปดูว่ามีใครหรืออะไรบุกเข้ามาหรือเปล่า เขารอจนเสียงในห้องเงียบ ก่อนจะเข้าไปแล้วเปิดไฟ ห้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดเลย เว้นแต่แอนนาเบลล์ที่ถูกเหวี่ยงไปอยู่มุมห้อง ลูตรวจดูรอบห้องแต่ก็ไม่เจออะไร แต่เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้เจ้าตุ๊กตา เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างชัดเจนว่ามีใครอยู่ข้างหลังเขา เขารีบหันกลับมาดูแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า พริบตาเดียวเขาก็รู้สึกถูกตะครุบที่หน้าอก ถึงสองครั้ง เป็นรอยข่วนและเลือดไหล เสื้อของเขาชุ่มไปด้วยเลือด เมื่อเปิดออกก็เห็นว่าอกของเขามีรอยกรงเล็บ7รอย 3รอยในแนวตั้ง และ4รอยในแนวนอน เจ็บเหมือนเนื้อไหม้ แต่รอยเหล่านี้บรรเทาลงแทบจะในทันที เหลือเพียงครึ่งเดียวในวันต่อมา และหายไปอย่างไร้ร่องรอยในสองวัน

พิพิธภัณฑ์ออคคัลท์  ของเอดและลอร์เลน วอลเรน

การสืบสวนเรื่องเหนือธรรมชาติ ของ เอด และ ลอร์เรน วอลเรน ก็เริ่มขึ้น

ดอนน่าเริ่มเชื่อแล้วว่า วิญญาณที่อยู่ในห้องกับเธอนั้นไม่ไช่เด็กน้อยไร้เดียงสา แต่เป็นปีศาจโดยสันดานมากกว่า หลังจากสิ่งที่ลูเผชิญ ดอนน่าก็รู้สึกว่าต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญจริงๆจังๆสักที และได้ติดต่อบาทหลวงนามว่า คุณพ่อเฮแกน คุณพ่อเฮแกนรู้สึกได้ถึงอำนาจลี้ลับ และคิดว่าควรจะต้องหาคนที่แก่กล้ามากกว่าเขามาจัดการ จึงติดต่อไปยังคุณพ่อคุก ซึ่งเรียกหาครอบครัววอร์เรนแทบจะในทันที เอ็ด และ ลอร์เรน วอร์เรน ก็ตอบรับงานในทันทีเช่นกัน และขอพบดอนน่าเพื่อเผชิญหน้ากับแอนนาเบลล์ หลังจากที่คุยกับดอนน่า แองจี้ และลู แล้ว วอร์เรนทั้งสองก็สรุปได้ว่า ตุ๊กตานั้นไม่ได้ถูกสิง แต่ถูกชักใยด้วยพลังงานชั่วร้าย วิญญาณจะไม่สิงอยู่ในสิ่งของอย่างของเล่นหรือบ้าน มันสิงคน แต่วิญญาณก็สามารถตรึงตัวเองไว้กับสิ่งของได้ เช่นในกรณีของแอนนาเบลล์ วิญญาณร้ายได้ควบคุมตุ๊กตา และสร้างภาพให้มีชีวิตเพื่อให้ได้รับการสนใจ จริงๆแล้วมันไม่ได้อยากอยู่ในตุ๊กตา แต่มันอยากเข้าไปอยู่ในตัวคนต่างหาก วิญญาณ หรือในกรณีนี้คือปีศาจชั่วร้ายจะรังควาญผู้คนเป็นหลัก แรกเริ่มก็เคลื่อนที่ตุ๊กตาไปมารอบๆอพาร์ตเม้นต์เพื่อให้ผู้ที่อาศัยนั้นสงสัยในการมีอยู่ และได้รับความสนใจ จากนั้นก็เกิดความผิดพลาดที่ไม่คาดฝัน คือการนำคนทรงเข้ามาเกี่ยวข้อง ปีศาจร้ายจึงสร้างภาพเด็กผู้หญิงขึ้นมาติดต่อผ่านคนทรง และเด็กน้อยน่าเวทนานั้นก็ได้รับการยอมรับจากดอนน่าให้เข้ามาหลอกหลอนในอพาร์ตเม้นต์ได้อย่างเต็มที่ (เอ๋..ร่างทรงถูกหลอก) และเพราะมันเป็นปีศาจร้าย จึงเป็นที่มาของปรากฏการณ์เลวร้ายหลายอย่างที่ตามมา เริ่มด้วยท่าทางของตุ๊กตา เริ่มเขียนโน้ต ทำสัญลักษณ์โดยเอาเลือดหยดลงบนตุ๊กตา และโจมตีลูพร้อมทั้งทิ้งร่องรอยไว้ที่หน้าอก กระบวนการนี้จะดำเนินไปอีก 2-3 อาทิตย์ ก่อนจะทำการสิงสู่มนุษย์อย่างสมบูรณ์ หากไม่ทำร้าย ฆ่าใคร หรือฆ่าทุกคนในบ้านหมดเสียก่อน เมื่อได้ข้อสรุปในการสืบสวนแล้ว ครอบครัววอร์เรนคิดว่า ควรจะมีการสวดเพื่อปัดเป่าวิญญาณในอพาร์ตเม้นต์โดย คุณพ่อคุก “บทสวดสำหรับบ้านนี้ มี7หน้า โดยจะพูดถึงแง่บวกของธรรมชาติ มากกว่าเจาะจงจะไปขับไล่ดวงวิญญาณ แต่จะเน้นไปในด้านเติมเต็มบ้านด้วยพลังที่ดีและพลังของพระเจ้า” เอ็ด วอร์เรน กล่าว และตามคำขอร้องของดอนน่า ที่ไม่อยากให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในบ้านของเธออีก ครอบครัววอร์เรนจึงนำตุ๊กตาเปื่อยๆนี้กลับไปด้วย

เอด และ ลอร์เรน วอลเรน นำตุ๊กตาแอนนาเบล กลับบ้านของพวกเขาด้วย

คุณพ่อคุกรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องมาไล่ผีด้วยบทสวด 7 หน้าแบบนี้ แต่เขาก็ทำงานสำเร็จ หลังจากครอบครัววอร์เรนยืนยันว่าไม่มีวิญญาณร้ายหลงเหลืออยู่ในอพาร์ตเม้นต์แล้ว พวกเขาก็พาตุ๊กตากลับไปด้วย ระหว่างกลับบ้าน เอ็ดนำตุ๊กตาไปวางไว้เบาะหลัง และลงความเห็นว่าจะไม่เดินทางไปมาระหว่างรัฐในขณะที่ยังมีวิญญาณอยู่ในตุ๊กตาแบบนี้ ความสงสัยของเขาไม่ผิดเลย ระหว่างทาง ครอบครัววอร์เรนรู้สึกได้ถึงความเกลียดชัง ทุกโค้งอันตรายที่ขับผ่าน เบรกและคันเร่งจะไม่ทำงาน รถหวุดหวิดจะเกือบอุบัติเหตุ เอ็ดรีบจอดรถและเปิดกระโปรงท้ายเพื่อเอาน้ำเสกศักดิ์สิทธิ์พรมตุ๊กตา ทำสัมพันธ์มหากางเขนเหนือมัน แล้วเหตุการณ์เลวร้ายก็หายไปทันที วอร์เรนทั้งสองถึงบ้านอย่างปลอดภัย เมื่อถึงบ้าน เอ็ดเอาตุ๊กตาวางไว้บนเก้าอี้ ข้างโต๊ะทำงานของเขา ตุ๊กตาลอยขึ้นลงบนอากาศหลายครั้งในตอนแรก และตกลงมาเบาๆ หลายอาทิตย์ต่อมา มันเริ่มโผล่ไปห้องอื่นๆในบ้าน เวลาพวกวอร์เรนออกไปทำงาน พวกเขาจะล็อคมันไว้ในห้องทำงานข้างนอก เมื่อกลับมา บ่อยครั้งที่เปิดประตูบ้านแล้ว พบว่ามันนั่งอย่างสบายใจอยู่บนเก้าอี้ของเอ็ด และเจ้าตุ๊กตามักจะแสดงความเกลียดชัง เวลาที่มีบาทหลวงมาที่บ้าน เช่น คุณพ่อเจสัน แบรดฟอร์ด นักไล่วิญญาณของคาธอลิคมาที่บ้าน เมื่อเห็นตุ๊กตานั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาก็หยิบมันขึ้นมา และพูดว่า “แกมันก็แค่ตุ๊กตาเน่าๆ แอนนาเบลล์ แกทำอะไรใครไม่ได้หรอก” แล้วก็โยนมันกลับไปที่เดิม ถึงจุดนี้ เอ็ดก็ร้องขึ้นมาว่า “คุณไม่ควรพูดอย่างนั้นเลย” ชั่วโมงต่อมา ก่อนเขาจะกลับ ลอร์เรนขอร้องให้บาทหลวงขับรถอย่างระมัดระวัง และโทรหาเธอทันทีที่ถึงบ้าน เธอหวาดหวั่นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพระหนุ่ม แต่เขาก็จำเป็นต้องไป ชั่วโมงต่อมา คุณพ่อเจสันก็โทรกลับมาหาลอร์เรน และบอกว่า รถของเขาเบรคแตกขณะข้ามสี่แยกไฟแดง เขาเกือบตาย รถก็พังยับ นี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กี่ปีหลังจากที่นำแอนนาเบลล์มา

ตู้กระจกพิเศษเพื่อแอนนาเบล !

ครอบครัววอร์เรนทำตู้พิเศษไว้ใส่แอนนาเบลล์ ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ออคคัลท์ (สะสมของจากเคสต่างๆ ที่เอด และ ลอร์เรน ได่เข้าไปช่วยเหลือ) ที่ซึ่งเธอพักพิงอยู่จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่เข้าไปอยู่ในตู้นี้ แอนนาเบลล์ก็ไม่ไปโผล่ที่ไหนอีกเลย แต่เธออาจเกี่ยวข้องกับการตายของชายคนหนึ่งที่ขับมอเตอร์ไซค์มาชมพิพิธภัณฑ์กับแฟนสาว หลังจากที่เอ็ดเล่าเรื่องของแอนนาเบลล์ให้ฟัง หนุ่มน้อยก็ตรงไปที่ตู้ เคาะกระจก แล้วบอกว่า ถ้าตุ๊กตาข่วนคนอื่นได้ เขาก็อยากมีรอยข่วนแบบนั้นบ้าง เอ็ดบอกกับเขาว่า “ไอ้หนุ่ม ออกไปได้แล้ว” และพาเขาออกไป ระหว่างทางกลับบ้าน หนุ่มน้อยและแฟนสาวพากันหัวเราะเรื่องแอนนาเบลล์ ขณะที่เขาควบคุมรถไม่ได้ และชนเข้ากับต้นไม้ ชายหนุ่มตายทันที แฟนของเขารอดชีวิตมาได้แต่ก็ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นปีๆ เมื่อถามเธอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอก็เล่าว่า พวกเธอกำลังขำกันเรื่องตุ๊กตา ตอนที่รถควบคุมไม่ได้ เอ็ดขอเตือนว่าอย่าแหยมกับปีศาจ ไม่มีมนุษย์หน้าไหนจะมีพลังยิ่งใหญ่กว่าซาตาน

หลายคนพอจะหายสงสัยกันบ้างรึยังว่าทำไมถึงต้องนำ ตุ๊กตาแอนนาเบล  ใส่ไว้ในตู้ ทำไมไม่วางไว้เหมือนของอื่นๆ เหมือนที่มาหลายๆ เคส ก็เพราะมันสร้างความปั่นป่วน น่ากลัว เหตุหารณ์ร้ายๆมามากมายหน่ะสิ แถม!เขียนป้ายกำกับด้วยว่า “ห้ามเปิด .. ด้วยความปราถนาดี” อีกทั้งแอนนาเบลยังเป็นเคสที่โด่งดังที่สุดเคสหนึ่งของ เอด และ ลอร์เรน วอลเรน ในบรรดาวัตถุทางวิญญาณที่ทั้งสองทำการสืบสวนมาด้วย

Credit: http://teen.mthai.com/variety/63042.html
13 ก.ย. 56 เวลา 16:47 3,624 90
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...