วันนี้(13 ก.ย.) จากกรณีเหตุกาณ์ เครื่องบินแอร์บัสเอ 330-300 ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบิน ทีจี 679 เกิดอุบัติเหตุไถลออกจากทางวิ่งเมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง โดยหนึ่งในผู้โดยสาร เผยว่า ในวันเกิดเหตุดังกล่าวมีเพียงลูกเรือใส่ชุดเครื่องแบบสีม่วงห่มสไบมาคอยช่วยเหลือผู้โดยสาร ซึ่งเป็นเรื่องฮือฮามาก เมื่อเหล่าบรรดาแอร์โฮสเตสออกมายืนยันว่า ในวันดังกล่าวไม่มีใครใส่ชุดสีม่วงห่มสไบ แต่ทุกคนใส่ชุดยูนิฟอร์มสีม่วงแขนสั้น กระโปรงสั้น โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาคอยช่วยเหลือ
ด้านนายโชติศักดิ์ อาสภะวิริยะ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ได้เผยเรื่องราวลี้ลับก่อนเปิดสนามบินสุวรรณภูมิว่า ในช่วงแรกที่มีพนักงานชุดแรกเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ มีหลายคนเกิดประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้งมากกว่า 30 คน และมีคนอ้างว่าถูกผีหลอก โดยก่อนเปิดสนามบินอย่างเป็นทางการ ตนได้ได้นิมนต์พระ 99 รูป มาทำบุญครั้งใหญ่เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าที่เจ้าทางรอบๆสนามบิน
แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด เมื่อนายขวัญชัย ทับโต พนักงานตรวจค้นวัตถุระเบิดของบริษัทล็อกซเล่ย์ ที่รับสัมปทานงานตรวจค้นวัตถุระเบิดในสนามบินสุวรรณภูมิ เกิดตัวสั่นคล้ายอาการผีเข้าและร้องห่มร้องไห้ ระบุว่า ตนคือ พ่อปู่มิ่ง ตั้งแต่มาอยู่สนามบินสุวรรณภูมิไม่มีใครสนใจเลย และขอให้ตั้งศาลเพียงตาให้ ถ้าไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องวุ่นวายมากกว่านี้ หลังจากนั้นก็ได้มีการตั้งศาลเพียงตาให้ โดยที่สนามบินสุวรรณภูมิมีการตั้งศาลพระภูมิ 6 ศาล คือ 1. ศาลพญาอนันตนาคราช 2. ศาลพญามุจลินท์นาคราช 3. ศาลท่านท้าววิรุปักเขมมหานาคราชเจ้า 4. องค์นาคาธิบดี “ศรีสุทโธ” วิสุทธิเทวา 5. ศาลพระเจ้าตาก และ 6. ศาลพ่อแก่มิ่ง
โดยอดีตกรรมการใหญ่ ทอท. ยังเผยต่อว่า ที่ตั้งสำนักงานเดิมในช่วงที่มีการก่อสร้างสนามบิน มักจะมีผู้ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องโหยหวน พบเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยเดินไปมา หรือมีเสียงต่างๆรบกวน ทำให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า โดยคมีความเชื่อว่าที่สนามบินสร้างช้าอาจจะเป็นเพราะความเฮี้ยนของพื้นที่ตั้งสนามบินสุวรรณภูมิก็เป็นได้