สวัสดีค่ะ
เอนทรี่ที่แล้ว ได้พาไปดูพิพิธภัณฑ์สำหรับคนอกหักหรือ Museum of Broken Relationships ที่มาเปิดการแสดงที่ไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้ (งานเพิ่งหมดไปเมื่อวันที่ 1 ที่ผ่านมา)
พอแนะนำถึงที่นี่จขบ.ก็เลยพลอยนึกได้ว่าผ่านมาหลายเดือนมากแล้ว ยังไม่ได้เอาทริปที่ไปเที่ยวประเทศโครเอเชียมาเล่าสู่กันฟังเลย #อ่าาา เวลาช่างเดินเร็วเสียจริงๆ
ทริปนี้เป็นทริปแจ๊คพ็อตค่ะ ไม่ได้วางแผนอะไรก่อนล่วงหน้าเลยสักนิดเพราะไม่ได้เป็นคนต้นคิดเอง -- เรียกง่ายๆว่าเป็นทริปติดสอยห้อยตามเขาไป
สารภาพค่ะว่าการท่องเที่ยวแนวชิลๆ สบายๆ ประเภทเดินชมความเก่าแก่และศิลปะความงามของอารยธรรมทางยุโรป หรือทริปช้อปปิ้งกินๆนอนๆตามประเทศยอดฮิตต่างๆเป็นแผนการท่องเที่ยวแนวที่จขบ.เก็บไว้เป็นตัวเลือกท้ายๆ ไม่ใช่ไม่ชอบนะคะ แต่ตอนนี้ขอใช้แรงและพลังกายที่มีลุยเที่ยวแบบหนักๆก่อน #เช่นทริปดำน้ำ ปั่นจักรยานหรือปีนเขา เพราะอีกหน่อยแก่ตัวลงไป ต่อให้มีเวลา มีทรัพย์ ก็อาจจะไม่มีแรงเที่ยวแบบนี้แล้ว ดังนั้นเมื่อไรที่ตารางชีวิตลงตัว + กำลังทรัพย์อำนวย #ข้อหลังนี้สำคัญ :P จึงเลือกที่จะเดินทางแบบแนวใช้พลังงานเยอะหน่อยมากกว่า
ตอนแรกที่มีคนมาชวน จขบ.ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประเทศ "โครเอเชีย" นี่มันอยู่ส่วนไหนของโลก ต้องไปเปิด google map หาดู #น่าสลดมาก
พอได้คำตอบว่าอยู่ทางยุโรป จขบ.ก็ปฏิเสธแบบแทบไม่ต้องคิด เพราะไม่ใช่แนวที่อยากไป ณ เวลานี้.. แต่พอผู้ที่ชวนเอ่ยปากจะเป็นสปอนเซอร์ให้ say "YES!" ตั้งแต่เขายังถามไม่จบคำเลย #พระมารดาประเสริฐนัก 555
การเดินทางสู่บ้านเกิดของมาร์โคโปโลนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่จึงได้เริ่มขึ้นค่าาา
การเดินทางไปประเทศโครเอเชียต้องไปต่อเครื่องที่เวียนนาก่อน.. นั่งๆนอนๆไปประมาณ 10 ชั่วโมงจึงถึงเวียนนา บินต่อจากเวียนนาไป Zagreb #ออกเสียงว่าซาเกรบ (เมืองหลวงของโครเอเชีย) ใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง #ออสเตรียนแอร์ไลน์
Croatia เป็นประเทศเล็กๆรูปทรงพระจันทร์เสี้ยว หาพิกัดง่ายๆคืออยู่ตรงข้ามประเทศอิตาลีโดยมีทะเล Adriatic คั่นกลาง
ที่เมือง Zagreb สถานที่ที่ไม่ควรพลาดแวะเที่ยวคือเมืองเก่าที่สมัยก่อนเขาแบ่งเป็น Lower Town กับ Upper Town แถวนั้นทีโบสถ์สำคัญๆอย่าง Chruch of St.Mark และ Church of St.Perter #ที่โพสท์เอาไว้ในเอนทรี่ก่อน #ตามไปดูรูปกันได้ค่ะ
เมืองเขาดูสบายๆ มีคาเฟ่และร้านรวงเล็กๆเพียบ ดูสงบๆชิลๆ ไม่เหมือนเมืองหลวงของประเทศอื่นๆทางยุโรปเช่นลอนดอนของอังกฤษหรือปารีสของฝรั่งเศศที่จะมีความเป็น "เมือง" จ๋ากว่ามากนัก
ร้านคาเฟ่สไตล์นี้มีให้เห็นรอบเมืองเก่า.. เขานั่งจิบกาแฟ (และเบียร์!) กันได้ทั้งวัน
โต๊ะร้านนี้หน้าตาเก๋ดี ^^
ความงามแบบโบราณๆมีให้ชมอยู่ทั่วไปรอบเมือง
อนุสาวรีย์กลางเมือง #ใครหว่า จำไม่ได้แล้วอ่ะ o_O???
มาดูศิลปะในซอยเล็กๆกันบ้าง
อากาศตอนไปเที่ยวดีมากๆ.. ไม่หนาว ไม่ร้อนเกิน ที่สำคัญฟ้าใสมาก
ตลาดสดในเมืองของเขา หน้าตาต่างจากแถวบ้านเราโดยสิ้นเชิง
ดอกไม้สวยๆเยอะมาก แต่ไม่รู้จะซื้อไปไหน.. อด
ว่าแล้วบุกตลาดสดหาของกินดีกว่า (ตามเคย ^^")
#เงินที่นี่เป็นสกุลเงิน Kuna #1Kuna = 5.50 บาทค่ะ #รอบนี้ทานมะเขือเทศของโปรดไปหลายกิโล กินล้างแค้นในฐานที่ในเอเชียขายแพงกว่าเยอะ 555
จากเมือง Zagreb ก็ไปต่อที่เมือง Plitvice #ออกเสียงว่า "พลิตวิเซ่" ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติที่องค์การ UNESCO ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1979
Plitvice Lake National Park ซึ่งมีพื้นที่ถึง 294.82 ตารางกิโลเมตร
ใหญ่ที่สุดในบรรดาอุทยานแห่งชาติทั้งหมด 8 แห่งของโครเอเชีย
ถ้าจะเดินกันให้ทั่วจริงๆ คงต้องใช้เวลาทั้งวัน (หรือ 2 วัน) แต่สำหรับใครที่มีเวลาไม่มากก็สามารถเลือกเดินตามเส้นทางที่เขาแนะนำไว้ ถ้าจะดูจุดไฮไลท์ให้ครบก็ใช้เวลาประมาณอย่างน้อยครึ่งวัน โดยมีตัวช่วยเป็นเรือข้ามทะเลสาบและรถโค้ชของอุทยาน
หน้าตาเรือข้ามทะเลสาบ.. น้ำในทะเลสาบใสมาก
ใสจนเห็นตัวปลา #ปลาชื่อ Chub
หน้าตารถโค้ชที่พาไปยังจุดชมวิวต่างๆรอบอุทยาน
ช่วยประหยัดพลังขาได้เยอะ :)
ทางเดินรอบอุทยาน เป็นทางไม้เลาะทะเลสาบไปเรื่อยๆ
บางจุดก็มีน้ำตกไหลผ่าน เพลินดี
ช่วงที่ไปเที่ยวเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี สีส้ม-แดง-แซมสีเขียวตัดกับสีของท้องฟ้าในวันแดดจัดทำให้การเดินตลอดครึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ออกจาก Plitvice แล้วก็ไปต่อที่เมือง Zadar #เมืองซาด้าร์เป็นเมืองท่าสำคัญอีกเมืองของโครเอเชีย
หน้าตาเมือง Zadar
ถึงแม้สถาปัตยกรรมของเมืองจะสวยและดึงดูดใจ แต่เป้าหมายสำคัญอยู่ที่นี่ค่ะ --
ริมทะเลมี Sea Organ (ออร์แกนน้ำทะเล) ที่แรกและที่เดียวของโลก #ปกติออร์แกนใช้ลมเป็นตัวผลิตเสียง แต่ Sea Organ ของที่นี่ใช้คลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งค่ะ
#โรแมนติคสุดๆ
ถึงแม้ว่าจะสามารถได้ยินเสียงออร์แกนได้จากริมฝั่ง แต่ถ้าอยากได้ยินชัดๆ เขามี "รู" เอาไว้ที่พื้นเป็นจุดๆให้เราเอาหูไปแนบค่ะ #เขินๆอยู่เหมือนกัน แต่ต้องขอลองสักหน่อย #เสียงชัดและเพราะกว่าจริงๆค่ะ
พื้นไฟสีสวยที่สวนริมทะเล.. เหยียบไปตรงไหนก็มีไฟขึ้นตรงนั้น เป็นจุดยอดฮิตที่คนท้องถิ่นเขารอดูพระอาทิตย์ตกดินกัน
ครั้งหน้าเราจะเดินทางไปทางใต้ของโครเอเชียกันต่อนะคะ รับรองว่ามีอะไรพิเศษและน่าสนใจไม่แพ้ทางเหนือ การมาเที่ยวครั้งนี้ทำให้เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมประเทศโครเอเชียถึงได้ขนานนามว่าเป็น New Venice หรือสถานที่ตากอากาศแห่งใหม่ของบรรดาเซเลบแถบยุโรปและอเมริกา
ที่มา http://lizardgirl.exteen.com/20130831/mysterious-croatia