วิญญาณเฮี้ยน! หลอนตร.จับโจร คดีข่มขืนฆ่านักศึกษาสาว
ปัจจุบันปัญหาคุกคามทางเพศ ที่เกิดขึ้นกับสตรี นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเป้าหมายที่ เป็นหญิงสาวหน้าตาดี พักอาศัยเพียงลำพัง ตามคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ แมนชั่น หรือแม้แต่ห้องเช่า ซึ่งอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับเหยื่อสาวเหล่านี้ ย่อมหนีไม่พ้นมารสังคม บุกเข้าไปใช้กำลังข่มขืน และหากผู้ถูกกระทำหวังขัดขืน ก็จะถูกลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ไร้ซึ่งมนุษยธรรม!
ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญคนร้ายฆ่ารัดคอเผาทำลายศพ น.ส.ณิชมล หรือรถตู้ นิ่มเดช ประชาสัมพันธ์บริษัทนครปฐมเคเบิลทีวี ภายในห้องเช่าหลังที่ทำการ อบต.ห้วยจระเข้ อ.เมืองนครปฐม เมื่อกลางดึกวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา โชคดีตำรวจสามารถติดตามรวบตัวผู้ต้องหาได้ยกแก๊งรวม 4 คน เปิดปากรับสารภาพว่า ลงมือเพราะเกิดอารมณ์ทางเพศกับผู้ตาย แต่เมื่อดิ้นขัดขืน จึงจำต้องลงมือใช้สายเตารีดรัดคอจนเสียชีวิตแล้วเผาอำพรางคดี
วันนี้ “เปิดแฟ้มคดีเก่า” จึงหยิบยกอีกหนึ่งเหตุการณ์ ที่เคย เกิดขึ้นคล้ายกับเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น มานำเสนอ เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่บรรดาหญิงสาว ให้ได้ตระหนักและพึงระวังตัว อย่าได้ประมาท เพราะอันตรายจากภัยแฝงเหล่านี้ อาจเกิดขึ้นได้ทุกห้วงจังหวะของชีวิต
ย้อนไปเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2552 ร.ต.อ.สุทัศน์ พรมขัดดุก รอง สว.สส.ภ.จว.เชียงราย ขณะนั้นเป็น พงส. (สบ 1) สน.คลองตัน รับแจ้งพบศพ น.ส.ศศิวิมล หรือ หนิง เพชรศรี อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกข่มขืนและฆ่าภายในอพาร์ตเมนต์ ย่านสวนหลวง สภาพศพนอกจากจะถูกล่วงละเมิดทางเพศแล้ว ลำคอยังมีบาดแผลถูกของมีคมปาดเป็นแผลฉกรรจ์ แพทย์สันนิษฐาน เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4 วัน ภายในห้องยังพบมีด 3 เล่มมีคราบเลือดตกอยู่ จึงเก็บไปตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบว่าทรัพย์สินผู้ตายทั้งโทรศัพท์มือถือ และสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงสูญหายไป
คดีนี้ตำรวจมองผู้ต้องสงสัยเป็นแฟนหนุ่ม หรือไม่ก็เพื่อนชายที่สนิทสนมกับผู้ตาย เนื่องจากภายในห้อง ไร้ร่องรอยการต่อสู้ แสดงว่าต้องเป็นบุคคลที่เหยื่อไว้ใจมาก แต่เมื่อนำผู้ใกล้ชิดบางคนไปตรวจ “ดีเอ็นเอ” แล้ว กลับไม่ตรงกับ “ดีเอ็นเอ” ที่ปรากฏบนร่างผู้ตาย ทำให้ชุดสืบสวนต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ในการควานหาพยานหลักฐานทางคดี
ตอนแรกทุกสิ่งทุกอย่างดูคล้ายจะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไรนัก! ที่สำคัญในช่วง ร.ต.อ.สุทัศน์ พร้อมฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบห้องพักเกิดเหตุอย่างละเอียดเพื่อหาหลักฐานเอาไว้มัดตัวคนร้าย เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น จู่ ๆ ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูห้องดังติด ๆ กัน แต่เมื่อเปิดออกไปดูถึง 3 ครั้ง กลับพบเพียงความว่างเปล่า หลายคนถึงกับขนลุกขวัญผวา! ตำรวจบางนายต้องรีบพูดเปรยออกมาอย่างลืมตัวว่า ’เอาน่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวจับคนร้ายมาลงโทษได้แน่” หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงเคาะลึกลับมารบกวนอีก งานนั้นทำเอาตำรวจวิจารณ์กันว่า ความเฮี้ยนของวิญญาณผู้ตายคงมาอ้อนวอนให้ตำรวจมาช่วยสะสางคดีจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
สอดคล้องกับคำให้การของญาติเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เล่าว่า ระหว่างทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณกลับสู่มาตุภูมิ ช่วงนั้นน้าสาวผู้ตาย ก็เอามือจับที่คอ พร้อมร้องโอดโอยอย่างรวดร้าวว่า “หนิงเจ็บ ๆ” แม้ญาติจะพยายามถามว่าใครทำ น้าสาวก็หยุดเหลียวมองไปรอบ ๆ ห้อง เหมือนกับตั้งใจจะสื่อว่าคนร้ายอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้
กระทั่งเวลาล่วงผ่านไปเพียง 1 สัปดาห์ คดีก็ถูกไขปริศนาได้สำเร็จ ร.ต.อ.สุทัศน์ เปิดเผยถึงคดีเมื่อ 3 ปีก่อนว่า หลังจาก เจ้าหน้าที่เริ่มปักใจเชื่อว่าคนร้าย น่าจะพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์ จึงเริ่มสืบสวนในทางลับ ตำรวจสืบสวน บก.น.5 แฝงตัวไปเช่าห้องในอพาร์ตเมนต์ เฝ้าคอยสังเกตการณ์พฤติกรรมคนที่สุ่มเสี่ยง กระทั่งได้เบาะแสสำคัญจากพยานปากเอกว่า มีหนุ่มแบงก์พฤติกรรมต้องสงสัยน่าจะเป็นฆาตกร เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบข้อมูลประวัติอย่างละเอียด จนไปถึงการใช้โทรศัพท์มือถือ ที่สำคัญเคยโทรฯมาหาผู้ตายด้วย ทราบชื่อ นายประภาส แสงขาว อายุ 34 ปี พนักงานฝ่ายบัตรเครดิตของธนาคาร ยูโอบี สาขาสุขุมวิท 22 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลออกหมายจับ ตอนแรกเจ้าตัวยัง ปากแข็ง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พยายามเค้นอย่างหนัก จึงยอมเปิดปากรับสารภาพ
“วันนั้นได้เข้าไปขอมีอะไรกับผู้ตายจริงเพราะแอบชอบมานาน แต่ผู้ตายร้องตะโกนขึ้นมาจึงพลั้งมือกดคอผู้ตายจนแน่นิ่งไป แล้วลงมือข่มขืน แต่ด้วยความที่กลัวความผิดจึงหยิบมีดที่อยู่หลังห้องมาปาดคอฆ่า ก่อนจะเอาทรัพย์สินโทรศัพท์ มือถือกับสร้อยคอทองคำของผู้ตายไป หวังเบี่ยงเบนให้กลายเป็นฆ่าชิงทรัพย์” นายประภาส สารภาพทั้งน้ำตา
ถือเป็นการปิดฉากคดีสะเทือนขวัญคนกรุงและบรรดานักศึกษาสาวที่พักอยู่ในอพาร์ตเมนต์ตามลำพัง ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายไปดำเนินคดีได้สำเร็จ ท่ามกลางประสบการณ์ขนหัวลุกเรียกว่าเรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่.