10 SuperStar กับชีวิตที่พลิกผัน แบบสุดๆ (ตอนที่ 1)

 

 

 

10 SuperStar กับชีวิตที่พลิกผัน แบบสุดๆ 

(ตอนที่ 1 อันดับที่ 1 - 5)

 

 

อันดับ 1 ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา 
สาวบ้านนาจากจังหวัดอุบลราชธานี ด้วยรูปร่างที่สูงโปร่ง ผอมบางจนทำให้สะดุดตาเอเจนซี่และได้ชักชวนเธอให้เข้าประกวดซูเปอร์โมเดล ออฟ ไทยแลนด์ ในปี 2537 ซึ่งวันนั้นเธอสามารถคว้าตำแหน่งมาครองได้อย่างงดงาม จากเด็กอายุ 18 ยุ้ย รจนา มีโอกาสได้เซ็นสัญญาทำงานกับเอเจนซี่ต่างประเทศเป็นนางแบบอาชีพ เรียกว่าเส้นทางอาชีพนางแบบระดับโลกของเธอนั้นโลดแล่นไปได้ไกลเลยทีเดียว ชื่อเสียงของ ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา มีเอเจนซี่ต่างรุมอยากได้เธอไปร่วมงานด้วย

ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา กลายเป็นดาวดวงใหม่ระดับโลก เธอได้ขึ้นปกนิตยสารโวค ฉบับเอเชีย ได้เป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมแบรนด์ชาแนล และเดินแบบอยู่ใน มิลาน ปารีส นิวยอร์ก ลอนดอน เธอสร้างรายได้ให้กับตัวเองปีละไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท เธอกลายเป็นไอดอลให้กับนางแบบไทยหลายคนอยากจะก้าวไปสู่จุดสูงสุดที่ ยุ้ย รจนา สามารถทำได้มาแล้ว

จุดพลิกผันของนางแบบอินเตอร์ยุ้ย รจนาจากดาวรุ่งเธอกลายเป็นดาวร่วงในทันที เพราะตกเป็นทาสของยาเสพติดอย่างหนักจนเอเจนซี่ที่เคยจ้างงานขอยกเลิกสัญญาทั้งหมด ยุ้ย รจนา ต้องหอบร่างกายที่ทรุดโทรมผลพวงจากยาเสพติดกลับบ้านเกิดประเทศไทย เมื่อปี 2545 นับเวลาที่ ยุ้ย รจนา เธอโลดแล่นบนเวทีนางแบบระดับโลกรวมกว่า 8 ปี และเป็นช่วงเวลาที่ ยุ้ย รจนา เคยบอกไว้ว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอคงไม่ใช้ชีวิตแบบหลงระเริงกับแสงสีและคำเยินยอที่สวยหรู

และล่าสุดชื่อของ ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา ปรากฏเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ภาษีเจริญ เดินทางตรวจสอบตามคำร้องเรียนของประชาชนที่อยู่ในระแวกนั้นโดยบอกว่าพบหญิงสาวแต่งตัวมอมแมมเดินวนเวียนอยู่แถวริมถนนเพชรเกษมหน้าร้านค้า สร้างความรำคาญใจให้กับลูกค้า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงได้สอบถามจนกระทั่งรู้ว่าเธอคือ รจนา เพชรกัณหา อดีตนางแบบชื่อเสียงระดับโลก วันนี้เธอกลายเป็นคนเร่ร่อนไม่มีบ้านอยู่ สติเลอะเลือนจำเรื่องราวชีวิตของตัวเองได้บ้างไม่ได้บ้าง

ชีวิตที่อับแสงของ ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา สิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้เธอต้องเข้ารับการรักษาตัวอย่างจริงจัง ที่สำคัญเธอคงต้องการกำลังใจจากครอบครัว คนรอบข้างและสังคม เพื่อให้ชีวิตกลับมามีแสงสว่างขึ้นอีกครั้งถ้าเธอตั้งใจสร้างมันขึ้นมาใหม่

เรื่องราวชีวิตของเธอกลายเป็นกระจกสะท้อนให้กับหลาย ๆ คนบนโลกใบนี้สอนให้รู้ว่าจงใช้ชีวิตอย่างมีสติทุกย่างก้าว

 

 

เสก โลโซ

อันดับ 2 เสก โลโซ
เสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2517 เป็นนักร้องชาวไทย ภูมิลำเนา อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา เคยเป็นสมาชิกวงร็อกโลโซ เสก โลโซ จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนวัดโคกหนองไผ่ ก่อนที่จะร่วมวงโลโซ เล่นดนตรีอาชีพตามผับ จนมีผลงานกับวงโลโซ

ในปี 2546 เสกประกาศหยุดพักวงโลโซชั่วคราว เพื่อไปประเทศอังกฤษ และเรียนภาษาและดนตรีเพิ่มเติม หลังจากนั้นกลับมารับโฆษณาเครื่องดื่มบำรุงกำลังและกลับไปลอนดอนอีกครั้งพร้อมกับครอบครัว โดยศึกษาด้านภาษาที่โรงเรียน the Hampstead School of English ในกรุงลอนดอนเป็นเวลา 6 เดือน Steve Wasserman ซึ่งเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษของเสกสรรค์ในเวลานั้น เคยเขียนเล่าประสบการณ์ดังกล่าวให้กับหนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษ โลโซได้ประกาศยุบวงอย่างถาวรหลังจากออกอัลบั้ม Loso Concert (2545) โดยหลังจากนั้นเสกสรรค์ออกอัลบั้มทั้งไทยและสากลในฐานะศิลปินเดี่ยว

ด้านชีวิตส่วนตัวเคยแต่งงานแล้วกับนางวิภากร ศุขพิมาย (กานต์) มีบุตร-ธิดารวม 3 คน ชื่อ น้องเสือ น้องกวาง และ น้องลอนดอน แต่ภายหลังเสกสรรค์มีปัญหาภายในครอบครัว จึงได้หย่าขาดจากกันเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 หลังสมรสกันมานานร่วมยี่สิบปี

และเมื่อเดือนธันวาคม 2554 ได้ปรากฎภาพถ่ายของเสกสรรค์ ในลักษณะที่คล้ายกับกำลังเสพยาเสพติดแพร่กระจายในเฟซบุ๊ค จนกระทั่งมีกระแสในด้านลบต่อตัวเสกสรรค์และกลายเป็นปัญหาอื้อฉาว เสกสรรค์เลือกที่จะไม่โต้ตอบในกระแสหลัก แต่มีการโพสต์ข้อความและรูปภาพในเฟซบุ๊คส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรับงานตามปกติ

วันที่ 19 ธันวาคม 2554 จนในที่สุดเสกสรรค์ได้ออกแถลงข่าวเรื่องนี้ และพร้อมกับยอมรับว่าเสพยาเสพติดจริง โดยที่เห็นในภาพนั้นสถานที่เกิดเหตุคือเมืองปราก สาธารณรัฐเชค นอกจากนี้ ยังได้ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าว พร้อมกับยอมรับในทุกประเด็น ทั้งในส่วนของความเป็นคนเจ้าชู้ และการทำร้ายร่างกายอดีตภรรยา พร้อมทั้งเปิดตัวแฟนสาวคนใหม่ อ้อม พรพิมล ผู้จัดการส่วนตัว ภายหลังการแถลงข่าว เช้าวันต่อมาบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) โดยนายกริช ทอมมัส ได้จัดแถลงข่าวพิเศษ ประกาศการยกเลิกสัญญากับเสกสรรค์ในที่สุด

ซึ่งก่อนหน้านี้ เสก โลโซ เคยมีเรื่องข่าวฉาว สร้างวีรกรรมตบบ้องหู น้อย วงพรู เหตุเพราะเคืองอีกฝ่ายสะบัดรองเท้าปลิวไปโดนตัวระหว่างทำการแสดงแล้วไม่ยอมขอโทษ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อครั้งที่ทั้งคู่เดินทางไปแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ ตอนนางลอย นาฏกรรมแห่งรักแอนด์โรล ในงานมหกรรมดนตรี ลินคอล์น เซ็นเตอร์ เฟสติวัล ของโรงละครชื่อดังในรัฐนิวยอร์ก เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมปี 2549 จนตกเป็นข่าวกระฉ่อนข้ามทวีปอยู่พักใหญ่ แต่ทั้งคู่ก็ได้เคลียร์กัน กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม จนกระทั่งมีข่าวฉาวขึ้นมาอีกรอบ

“ถึงวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า จากแฟนเพลงที่เคยมีเป็นหนึ่งเดียว ดังสุดๆ ต้องพลิกผันแตกเป็น 2ฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือฝ่ายที่ ฟังต่อ-และเลิกสนับสนุน นั่นย่อมหมายความว่าแฟนเพลงหายไปครึ่งนึงนั่นเองครับ”

 

 

หลันเจี๋ยอิง

อันดับ 3 หลันเจี๋ยอิง
อดีตนางเอกสาวของทีวีบี หลันเจี๋ยอิง โดนมรสุมชีวิตโหมหนักจนหันพึ่งสิ่งเสพติด ชีวิตพังโทรมหมดสภาพ

หลันเจี๋ยอิง อดีตนักแสดงสาวหน้าหวานของทีวีบี ที่เคยฝากผลงานโด่งดังมากมาย อาทิ ลิขิตฮ่องเต้, 5คู่ชูชื่น, มารพิณพิฆาต หรือ คู่แค้นสายโลหิต ทั้งยังเคยประกบคู่กับดาราคุณภาพอย่าง หลิวเต๋อหัว และ เหลียงเฉาเหว่ย มาแล้ว ล่าสุด นิตยสารบันเทิงฮ่องกงฉบับหนึ่ง เผยภาพ อดีตนางเอกที่ผมบนศีรษะขาวโพ้น ลงพุง ดูแก่และโทรมไปถนัดตา

หลันเจี๋ยอิง ในวัย 49 ปี ผ่านปัญหาชีวิตมามากมาย ทั้งธุรกิจส่วนตัวที่ล้มเหลวจนต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลาย รวมถึงการสูญเสียคนรักในเวลาไล่เลี่ยกันถึงสองคน คือ แม่ของเธอ และแฟนหนุ่ม กระทั่งเธอหันไปพึ่งพาเหล้าและบุหรี่เพื่อดับทุกข์ แต่ยิ่งกลับทำให้ชีวิตเธอตกต่ำกว่าเดิม สุดท้ายเธอต้องเข้ารับการบำบัดจากจิตแพทย์

มีกระแสข่าวลือกันว่า สาเหตุแท้ของอาการทางจิตนั้นเกิดจากละครเรื่อง “เจ้าพ่อตลาดหุ้น” ซึ่งเธอรับบทเป็นสาวเคราะห์ร้ายที่ถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจจนมีอาการทางประสาท ซึ่ง หลันเจี๋ยอิง อินกับบทบาทที่ได้รับอย่างมาก รวมถึงประสบกับปัญหามากมายที่โถมเข้ามา จึงไม่สามารถแยกชีวิตจริงกับการแสดงออกได้ บ้างก็ว่า อดีตนางเอกถูกมาเฟียฮ่องกงขืนใจทำให้เสียสติ

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามคนใกล้ชิด หลันเจี๋ยอิง ถึงอาการป่วยจนทราบว่า เธอไม่กินยาที่แพทย์สั่งจ่าย รวมถึงปฏิเสธการรักษาอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง พักหลังเธอจะมีอาการหงุดหงิด และมักออกไปเดินไร้จุดหมายเพียงลำพัง สร้างความเป็นห่วงให้กับคนรอบข้างเธอเป็นอย่างยิ่

 

 

เจ้าโอ๋ ศิริมงคล สิงห์วังชา

อันดับ 4 เจ้าโอ๋ ศิริมงคล สิงห์วังชา 
กลายเป็นการปิดฉากเส้นทางนักมวยอาชีพอย่างไม่สวยหรูเท่าไหร่นัก จะพาไปย้อนรอยเส้นทางสู่แชมป์ในอดีตของ ศิริมงคล สิงห์วังชา กันค่ะ

ศิริมงคล สิงห์วังชา เป็นชาวปทุมธานี มีชื่อจริงว่า ศิริมงคล เอี่ยมท้วม ชื่อเล่นว่า โอ๋ เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2520 ปัจจุบันอายุ 32 ปี สำหรับ ศิริมงคล สิงห์วังชา เป็นลูกชายของ มานพ เอี่ยมท้วม เจ้าของค่ายมวย สิงห์มนัสศักดิ์ และนางบัวเรียม เอี่ยมท้วม โดยเมื่อสมัยเด็กๆ ผู้เป็นพ่อ กลัวว่า ศิริมงคล สิงห์วังชา จะเป็นกระเทย เนื่องจากชอบรำลิเก จึงได้จับให้ ศิริมงคล สิงห์วังชา ชกมวยไทย และ ด้วยความที่มีหน้าตาดี มีหมัดแย็บที่แม่นยำ ทำให้แฟนๆ ตั้งฉายาให้ ศิริมงคล สิงห์วังชา ว่า เทพบุตรหน้าหยก

ศิริมงคล มีชื่อในวงการนักมวยหลายชื่อ ทั้ง ศิริมงคล สิงห์วังชา , ศิริมงคล นครทองปาร์ควิว และ ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ หลังจาก ศิริมงคล สิงห์วังชา ชกมวยไทยมาได้สักพัก ก็หันเหตัวเองมาชกมวยสากล จนคว้าแชมป์ซูเปอร์ฟลายเวท และแบนตั้มเวท ของสหภาพมวยโลก (WBU) ก่อนจะสละแชมป์ เพื่อไปครองแชมป์เฉพาะกาลแบนตั้มเวท ของ WBC ที่เป็นรายการใหญ่กว่า ด้วยการเอาชนะน็อค โฮเซ หลุยส์ บัวโน ชาวเม็กซิโก ไปในยกที่ 5 ในปี พ.ศ.2539 ก่อนที่ปี พ.ศ.2540 สภามวยโลกจะได้ประกาศให้ ศิริมงคล สิงห์วังชา เป็นแชมป์โลกตัวจริง

ศิริมงคล สิงห์วังชา สามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้ถึง 3 ครั้ง ก่อนจะมาพลาดพลั้งพ่ายน็อคแก่อดีตแชมป์โลกชาวญี่ปุ่น โจอิชิโร ทัตสุโยชิ ในยกที่ 7 ซึ่งครั้งนั้น ศิริมงคล สิงห์วังชา มีสภาพร่างกายไม่พร้อม เพราะต้องลดน้ำหนักลงอย่างมาก จนร่างกายซูบซีด แต่อย่างไรก็ตาม ศิริมงคล สิงห์วังชา ก็ได้รับรางวัลนักมวยสากลอาชีพยอดเยี่ยม ประจำปี 2545 จากนั้น ศิริมงคล สิงห์วังชา ได้เลื่อนขึ้นไปชกในรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท ของ WBC โดยป้องกันแชมป์ได้ 1 ครั้ง ก่อนจะพ่ายเสียแชมป์ที่สหรัฐ เมื่อปี พ.ศ.2546 ในการชกไฟท์บังคับ

จากนั้นข่าวคราวของ ศิริมงคล สิงห์วังชา ก็เงียบหายไป จนมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อตำรวจทลายจับแหล่งค้าสื่อลามก และพบอัลบั้มนู้ดของ ศิริมงคล สิงห์วังชา อยู่ด้วย จน ศิริมงคล นักมวย แชมป์โลกออกมายอมรับว่า ได้ถ่ายภาพนู้ดจริง และได้ค่าตัว 6 หลัก ต่อมา ศิริมงคล สิงห์วังชา ได้ผันตัวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการถ่ายแฟชั่น และแสดงเป็นตัวประกอบในละครช่อง 7 รวมทั้งแสดงมิวสิกวีดีโอของวงโมทีฟ ก่อนที่ ศิริมงคล สิงห์วังชา จะออกหนังสือหนึ่งเล่ม ใช้ชื่อว่า “เงิน หรือ โง่ โอ๋ ศิริมงคล เปลือย เปิด เป้า!” เพื่อบอกเล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา รวมทั้งเผยสาเหตุของการถ่ายอัลบั้มนู้ดเอาไว้ด้วย

ศิริมงคล สิงห์วังชา กลับมาชกมวยอีกครั้ง เมื่อปี พ.ศ.2550 โดยเบนเข็มไปชกมวย K-1 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะกลับมาชกมวยสากล ในสังกัดของ นริศ สิงห์วังชา สามารถชกเอาชนะ ทอง ป.โชคชัย นักมวยรุ่นน้องไปได้ และคว้าแชมป์สภามวยแห่งเอเชีย (ABCO) หลังจากการชก ศิริมงคล สิงห์วังชา ก็ได้ประกาศสละแชมป์ทันที และหันกลับไปชกมวย K-1 ต่อ

ทั้งนี้ในช่วงเดือนกันยายน ปี พ.ศ.2552 ศิริมงคล สิงห์วังชา มีโปรแกรมจะเดินทางไปชกมวยที่ประเทศเม็กซิโก แต่กลับต้องหยุดอนาคตการชกมวยไว้เพียงแค่นี้ เมื่อตำรวจได้เข้าจับกุม ศิริมงคล สิงห์วังชา พร้อมของกลางยาไอซ์ 28.4 กรัม ขณะขับรถไปส่งยาให้ลูกค้าที่ จ.ชลบุรี โดย ศิริมงคล สิงห์วังชา รับสารภาพว่า ตัวเองทั้งขายและเสพด้วย เพื่อหารายได้พิเศษ ในช่วงที่ตัวเองไม่ได้ขึ้นชก พร้อมกันนี้ ศิริมงคล สิงห์วังชา หรือ ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ ก็ได้กล่าวขอโทษแฟนมวยทั้งประเทศไว้ด้วย ท่ามกลางความเสียดายของครูมวย และแฟนมวยหลายๆ คน

ล่าสุดพ้นโทษออกมาชกมวยอีกครั้งแล้วนะครับ แต่ผลงานเป็นอย่างไรบ้างคงตองให้แฟนมวยมาตอบละกันครับ

 

 

แอ๊ด วง The Back-Up

อันดับ 5 แอ๊ด วง The Back-Up
เพลงนี้เมื่อ 10 กว่าปี ที่แล้ว ดังมากมาย เนื้อเพลงที่โดนใจคุณผู้ชายที่อกหักทั้งหลาย กับบทเพลงที่ชื่อว่า”ปั้นปึง”ของศิลปินวงเดอะ แบ็กอัพ วัยรุ่นยุคนั้นน่าจะจำกันได้ เพลงนี้ถ้าจำไม่ผิด จะดังตีคู่มากับเพลง”ไม่ต้องห่วงฉัน” ของวงโลโซ แตกต่างกันก็คือวงโลโซนั้น ต้นสังกัด คือแกรมมี่ แต่วงเดอะ แบ็กอัพ สังกัดค่ายเพลงเล็กๆ แต่เพลงก็ดังเทียบชั้นกับวงของศิลปินค่ายใหญ่ได้

ปัจจุบันนี้นักร้องนำคือคุณ แอ๊ด-ประจวบ พิมพ์ทรัพย์ ตามข่าวได้ระบุว่าได้ป่วยด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นเหตุให้อนาคตในวงการเพลงของเขาได้จบลงไป ซึ่งช่วงทอล์กโชว์ของรายการ “ตีสิบ” ช่อง 3 อังคารที่ 9 พ.ย. 53 นี้ จะเป็นเรื่องของ แอ๊ด-ประจวบ พิมพ์ทรัพย์ อดีตนักร้องวงเดอะ แบ็กอัพ เจ้าของเพลงฮิต “ปั้นปึง” ซึ่งป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังขั้นรุนแรง เมื่อวีที ถามถึงอาการป่วยก็ได้คำตอบว่า สุราไปทำลายสมองจนเพ้อเห็นผี ถูกส่งเข้า รพ.ไปรักษาตัว ก็แอบกินเหล้าอีกจนเลือดออกจมูกเป็นลิ่มๆ จนต้องส่งเข้า รพ. ศรีธัญญา

“ส่วนสาเหตุที่เราป่วยเป็นเพราะกินเหล้าเยอะ แล้วผมไม่ค่อยกินข้าวด้วย ก็เลยทำให้เป็นพิษสุราเรื้อรัง” แอ๊ดกล่าวและว่า สุราเป็นสิ่งไม่ดี อย่าดื่มสุรา ให้หันมาดื่มนมกันดีกว่า

 

(โปรดติดตามต่อไป อันดับที่ 6 - 10)

Credit: http://news.tlcthai.com/
9 ก.ย. 56 เวลา 11:19 13,947 2 90
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...