ท่ามกลางชีวิตที่มีคำว่า "ชื่อเสียง" พัดผ่านเข้ามา ดารา นักแสดงหลายคนมักจะหลงระเริงไปกับชื่อเสียง เงินทองจนลืมที่จะใส่ใจเรื่องการเรียน เพราะมองว่าอาชีพดาราเป็นขุมทรัพย์ที่ช่วยกอบโกยเงินทอง เผลอๆ อาจทำรายได้มากกว่าคนจบปริญญาตรีด้วยซ้ำ ไม่แปลกที่ดาราจำนวนหนึ่งจะมองข้ามในเรื่องการศึกษาไป ในขณะที่ดาราอีกหลายคนมองว่า ชีวิตประมาทไม่ได้เด็ดขาด
เช่นเดียวกับดารา นักแสดงที่ M-open ได้ทำการเปิดประวัติการเรียนในครั้งนี้ แม้พวกเขาและเธอจะทำงานหนักกว่าคนทั่วไปหลายเท่า แถมบางคนยังเจอมรสุมข่าวรอบด้าน แต่ก็ยังอุตส่าห์เจียดเวลาที่สุดแสนจะยุ่งเหยิง วุ่นวาย มาเรียนและอ่านหนังสือจนสามารถจบออกมาด้วยผลการเรียนที่ดีเยี่ยม แถมบางคนยังพ่วงด้วยเกียรตินิยมอีกต่างหาก
มากข่าวฉาว! แต่เรียนเก่งมาก
เริ่มกันที่ดารามากข่าวฉาว แต่เรียนเก่งมาก ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา นักร้อง นักแสดงชื่อดังผู้ถูกดึงมาโยงกับข่าวการเมือง รวมไปถึงข่าวเป็นเมียน้อย "ทักษิณ" บวกกับข่าวคอนเฟิร์มของ หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม ที่กลายเป็นกระแสฮือฮาโดนเมาท์ทั้งท้องและทำแท้งจนปั่นป่วน ซึ่งข่าวฉาวเหล่านี้เธอยอมรับว่าทำให้ชีวิตตกต่ำ และได้รับผลกระทบอย่างมาก
แต่ถ้ามองข้ามข่าวฉาว ๆ เหล่านั้นไป และหันมาโฟกัสที่การเรียนอย่างเดียว ต้องบอกว่า สาวเสียงดีคนนี้มีผลการเรียนขั้นเทพจริงๆ เห็นได้จากเกรดเฉลี่ยตลอดช่วงการเรียนของไฮสกูล (ร.ร.อินเตอร์เนชั่นแนล สกูล ออฟ แบงค็อก) เธอได้เกรดสูงถึง 3.9 และสามารถสอบเข้าเรียนต่อได้ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 11 ในอเมริกา โดยเลือกเรียนในสาขา Biological Sciences และ Business Institutions และยังชอบทำกิจกรรมของโรงเรียนอีกด้วย
แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนมาเรียนที่ LSE (London School of Economics) ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยเรียนผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งก่อนหน้านี้ออกมาบ่นๆ ว่า เรียนหนัก และเหนื่อยมาก เพราะต้องบินไปๆ มาๆ ที่อังกฤษ แต่ก็จะทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนอย่างเต็มที่ เนื่องจากสายบริหารธุรกิจที่เลือกเรียน ไม่ได้เรียนกันง่ายๆ บางครั้งก็อาศัยถามเพื่อนๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตหรือไม่ก็หาข้อมูลกับทางห้องสมุดของโรงเรียนเอา
ต่อกันด้วยดาราสาวสุดเซ็กซี่ แต่มากไปด้วยข่าวฉาว ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก ที่เมื่อก่อนขึ้นชื่อว่าเป็นนางเอกตัวแสบประจำช่อง โดยเฉพาะข่าวฉาวกับหนุ่มๆ และภาพลักษณ์ของสาวเพลย์เกิร์ลที่มักจะมีภาพหลุดออกมาถี่ยิบ ทั้งดื่มเหล้า จูบปากนัวเนียฝรั่ง จนโดนผู้ใหญ่ทางช่องเรียกตัวไปตำหนิหลายต่อหลายครั้ง และมีช่วงหนึ่งที่ดูเหมือนจะเงียบหายไปจากวงการ แต่เหตุผลหลักๆ คือเธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
แม้จะมีข่าวฉาว และภาพฉาวออกมามากมาย แต่ความสวยเซ็กซี่กลับไม่ลดน้อยถอยลง บวกกับงานที่ไม่ได้หดหายตามไปด้วย เห็นได้จากคิวอีเว้นท์แน่นเอี้ยด ยิ่งพักหลังที่กลับมาจากต่างประเทศ ดูเหมือนสาวปูจะดูนิ่งขึ้น และไม่ทำตัวเปรี้ยวจี๊ดเหมือนแต่ก่อน แถมไม่ค่อยเที่ยว ไม่ค่อยดื่มอีกด้วย
เมื่อล้วงลึกลงไปถึงเรื่องการเรียนแล้ว แม้จะออกมาถ่อมตัวว่าเรียนไม่เก่ง ดูเผินๆ อาจไม่ใช่เด็กเรียน แต่ใครจะไปรู้ว่า ตอนจบม.6 หรือเกรด 12 จากโรงเรียนนานาชาติเธอได้เฉลี่ย 3 กว่าๆ ปัจจุบันสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด บรู๊คส์ (Oxford Brookes University) ประเทศอังกฤษ แต่ด้วยติดงานเธอจึงตัดใจไม่ไปรับปริญญา บอกแค่เรียนจบก็ถือว่าทำให้พ่อแม่ภูมิใจแล้ว
ส่วนอีกคน โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอคนนี้มีข่าวฉาวกับผู้ชายถี่มาก จนผู้ใหญ่เรียกเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่พอมาดูเรื่องการเรียน ต้องบอกเลยว่า เธอเป็นดาราดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 2 จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่การพอลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองเป็นเซ็กซี่ ทำให้หลายมองเธอในแง่ไม่ดีโดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย
เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า การศึกษาไม่เกี่ยวกับความเซ็กซี่ เก่ง และเซ็กซี่สามารถไปด้วยกันได้ และการจบจุฬาฯ ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเก่ง หรือว่าฉลาดกว่าคนอื่น แต่การเรียนดีอาจบอกได้ถึงความรับผิดชอบ และจัดการชีวิตตัวเองได้ ส่วนความฉลาดและความเก่งมันขึ้นอยู่กับอะไรหลายอย่าง เช่น ประสบการณ์ ไหวพริบส่วนตัว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเกรดเฉลี่ย
ทุกวันนี้ ภูมิใจมาก ๆ กับความตั้งใจเรียนจนกระทั่งเรียนจบ บวกกับมีงาน และเงินที่สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่และครอบครัวให้มีชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งยังบอกอีกว่า ตอนแรกที่หันมาถ่ายโฆษณา เพราะอยากหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัว
ทิ้งท้ายกันด้วยนางร้ายอารมณ์ดี ใหม่ สุคนธวา เกิดนิมิตร สวยเซ็กซี่แบบนี้ ใครจะไปรู้ว่าเธอจบปริญญาตรีออกมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 คณะนิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม นับว่าเก่งไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว
ดาราเด็กเรียน ดีกรีเกียรตินิยม
ฉาวแต่เรียนเก่งไปแล้ว ที่นี้มาดูดารามุ่งแต่เรียน ดีกรีเกียรตินิยมกันบ้าง สำหรับเธอคนนี้ ถือว่าเป็นดาราภาพลักษณ์ดีที่ไม่ค่อยมีข่าวฉาวเท่าไร เบเบ้ ธันย์ชนก ฤทธินาคา แต่มีก็ข่าวเมาท์มอยกันบ้างเรื่องการเฉาะหน้ามาใหม่ ซึ่งเจ้าตัวได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่า แค่แต่งหน้าจัดเท่านั้น
เมื่อพูดถึงเรื่องเรียนของเธอ พูดได้เลยว่า ขั้นเทพมาก เพราะเบเบ้ จบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง เกรด 3.91 แถมยังมีเกียรติบัตรเรียนดีอีก 1 ใบ จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แม้จะมีงานเข้ามามากในช่วงเรียน แต่ก็ต้องขยันเป็น 2 เท่าด้วย
"เบเบ้จะอ่านหนังสือมากกว่าคนอื่น อย่างช่วงสอบจะตื่นตี 5 แล้วก็อ่านหนังสือในห้องจนถึงดึก" เธอเผยเคล็ดลับ
ด้วยความขยัน และมุ่งมั่นกับการเรียน ไม่แปลกที่เธอจะสามารถทำเกรดในเทอมแรกได้สูงสุดถึง 4.00
เช่นเดียวกับนักแสดงหน้าหวาน รถเมล์ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ ไม่เพียงแต่ความเก่งในจอแล้ว นอกจอ เธอยังมีดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1 ด้วยเกรดเฉลี่ยสะสม 3.61 จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกออกแบบเครื่องประดับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยเธอบอกว่า การทำงานในวงการบันเทิงควบคู่ไปกับการเรียนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ต้องใช้ความพยายามมากกว่าเพื่อนๆ เพื่อให้ทำงานทั้ง 2 อย่างออกมาได้ดีโดยไม่ทิ้งทั้งหน้าที่การงานและการเรียน
อีกอย่างที่น่าชื่นชมก็คือ ถึงจะเป็นสาวสมัยใหม่แต่เธอก็ไม่นิยมแต่งตัวโป๊ และมีลิมิตในการแต่งตัว โดยคติคือ ไม่ใส่โชว์สะดือ และสายเดี่ยว ส่วนเวลาว่างมักจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และพาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด ไม่แปลกที่ใครหลายๆ คนต่างก็เทใจรักเธอคนนี้
ส่วนดารา นักแสดงหน้าใหม่ ๆ อย่างนางเอกขวัญใจเด็กแนว อาย กมลเนตร เรืองศรี นางเอกมิวสิกวีดีโอ และนางเอกละครที่มีผลงานต่อเนื่องอาทิ ละครเรื่อง The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ เซน...สื่อรักสื่อวิญญาณ และภาพยนต์เรื่อง มึง-กู เพื่อนกันจนวันตาย นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องการแสดงแล้ว ยังโดดเด่นในเรื่องการเรียนอีกด้วย
สำหรับสาวอายจบการศึกษาจาก คณะมนุษยศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วย เกียรตินิยมอันดับ 1 โดยเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2556 เรียกว่าทั้งสวย และเก่งของแท้จริงๆ
นอกจากนี้ ยังมีนางเอกนักบู๊และนางแบบ สูงยาว เข่าดี มาริสา อานิต้า ที่สามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.8 หรือ ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ พี่สาวยิปโซ รมิตา ที่ถึงแม้จะเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงในช่วงวัยเรียน แต่เธอก็ไม่ทิ้งการเรียน ล่าสุดเพิ่งคว้าปริญญาตรีเกียรตินิยมจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนจะต่อปริญญาโทเลยหรือไม่ เธอบอกว่า ขอทำงานเก็บเงินสักพักก่อน
รวม "นางเอก" หัวกะทิ
ด้านนางเอกแถวหน้าของเมืองไทย มีหลายคนที่เป็นตัวอย่างดี ๆ ด้านการศึกษาอย่าง ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เธอคนนี้อยู่ในวงการบันเทิงมาประมาณ 14 ปีแล้ว แม้จะต้องทำงานควบคู่ไปกับการเรียน แต่เธอก็สามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 จากคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรังสิตมาครองได้สำเร็จ นับเป็นหนึ่งในซุป'ตาร์เมืองไทยที่มีความสามารถครบสูตรจนหลายคนอิจฉา
เช่นเดียวกับ แอฟ ทักษอร เตชะณรงค์ นางเอกหน้าหวานคนนี้มีความโดดเด่นทางด้านการเรียนหลากหลาย สมัยเรียนปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอร่วมทำกิจกรรม เล่นละครเวที และเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีด้วย แม้จะเป็นเด็กกิจกรรม แต่เธอก็สามารถจบออกมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ต่อกันด้วย แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ นางเอกตัวเล็กน่ารักจากช่องวิก 3 แม้จะไม่ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 แต่ด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจ เธอจบปริญญาตรีออกมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ส่วน ดาราน้องใหม่ที่น่าจับตามองจากบท หม่อมเจ้าหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์ หรือ หญิงแต้ว ในละคร "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ตอน "คุณชายปวรรุจ" มิว นิษฐา จิรยั่งยืน นางเอกหน้าสวยที่ละม้ายคล้ายนางเอกรุ่นพี่ แอฟ-ทักษอร เตชะณรงค์ ก็มีความโดดเด่นทางด้านการเรียนไม่น้อยหน้ารุ่นพี่ โดยเธอจบออกมาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.46 ได้เกียรตินิยมอันดับ 2 สาขาแฟชั่นดีไซน์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
อีกหนึ่งนางเอกหน้าใหม่ จ๊ะ จิตตาภา แจ่มปฐม ก็ไม่น้อยหน้า สามารถเรียน และทำงานไปด้วยจนคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาครองได้อย่างภาคภูมิ สำหรับเธอคนนี้เป็นกลุ่มนักแสดงรุ่นใหม่ของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 หรือกลุ่ม เพาเวอร์ทรี ซึ่งมีผลงานละครทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อย่างต่อเนื่อง เรื่องเด่น ๆ ก็มีบท "หนูตุ่ม" จากเรื่องอเวจีสีชมพู "ไทรงาม" จากเรื่องไทรโศก หรือ "ญาณิน" จากเรื่อง The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ เป็นต้น
สุดยอด "พระเอก" เรียนเก่ง
ถึงคิวพระเอกในวงการบันเทิงบ้านเรากันบ้าง ตัวพ่อหัวกะทิมีอยู่หลายคน เริ่มกันที่พระเอกเครามหาเสน่ห์ บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ใครจะไปรู้ว่า พระเอกหน้าหนวดคนนี้จะสำเร็จการศึกษาจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แม้วงการมายาจะพาหลง เรียนจบมาแต่กลับไม่ได้ใช้ความรู้อะไร แต่เจ้าตัวบอกว่า ยังไม่ทิ้งความฝันที่จะเปิดร้านขายยาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี ก่อนหนุ่มคนนี้ที่จะเข้ามาทำงานจริงจังในวงการบันเทิง เขาเรียนหนักมาก และต้องใช้เวลาเรียน 5 ปี โดยเฉพาะช่วงใกล้จบทะเลาะกับแฟนบ่อยมาก เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลา สุดท้ายก็เลิกกัน เพราะเวลาไม่ตรงกัน
ต่อกันด้วย พระเอกผิวเข้ม ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ เขาคนนี้มีความโดดเด่นในเรื่องการเรียนมาก หลังจากจบปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ก็ได้ไปศึกษาต่อปริญญาโทสาขาบริหารการจัดการจาก Southeastern University ประเทศอังกฤษ แต่การก้าวเท้าไปสมัครงานในช่วงที่เศรษฐกิจตกสะเก็ดจึงทำให้ไม่มีบริษัทใดรับเข้าทำงาน
กระทั่งได้มีโอกาสเจอ คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ และได้มีโอกาสเซ็นสัญญากับช่อง 7 สี จนกลายเป็นพระเอกแถวหน้าของเมืองไทย
ทางด้านพระเอกดังอย่าง เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ดีกรีนักเรียนนอก สาขาการถ่ายภาพ Brooks Institute of Photography จากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แม้จะเรียนไม่จบ เพราะถูกเรียกตัวกลับมาที่ไทยเสียก่อน แต่ก็ถูกครอบครัวผลักดันให้เข้าสู่วงการจนกลายเป็นพระเอกแถวหน้าของเมืองไทย
ส่วน สมาร์ท กฤษฎา พรเวโรจน์ พระเอกช่อง 3 เป็นพระเอกที่ทุ่มเทกับการเรียนมากคนหนึ่ง จนสามารถจบปริญญาโทจาก The Savannah College of Art and Design รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ แต่หลังจากจบปริญญาโทกลับมาเมืองไทยในช่วงปี 2544 ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรดเดือนกว่าๆ เขามีความคิดว่าจะไปต่อปริญญาโทด้านออกแบบตกแต่งภายในอีกตัวที่นิวยอร์ก แต่พอมีเหตุการณ์นี้ขึ้นมา คุณแม่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ และให้อยู่ที่ประเทศไทยต่ออีกสัก
กระทั่งมาพบว่าคุณแม่ป่วยเป็นมะเร็ง เขาจึงตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อ เพราะอยากอยู่ดูแลคุณแม่ สุดท้าย คุณแม่อยู่ได้แค่ 3 เดือนก็จากโลกนี้ไป และในช่วงนั้นเองที่เขาตัดสินใจเล่นละครเรื่องแรก "กุหลาบสีดำ" ซึ่งเป็นละครเรื่องใหม่ของ อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
อีกคนที่เก่งขั้นเทพจริง ๆ จะเป็นใครไปไม่ได้ หมอก้อง ร.อ.นพ.สรวิชญ์ สุบุญ พระเอกหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ จากวิก 3 พระเอกหน้าใหม่ที่หัวดีมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งพอมาเรียนที่เตรียมอุดมศึกษากรุงเทพมหานคร เขาทำเกรดเฉลี่ยได้สูงถึง 3.90 และเรียนจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้าด้วยคะแนนเฉลี่ยสะสม 3.51 เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง
หลังจากสำเร็จการศึกษาได้เป็นแพทย์ใช้ทุนอยู่ที่โรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ จ.ปราจีนบุรี เป็นระยะเวลา 1 ปี และเมื่อ 2 ปีก่อนได้ย้ายเข้ามาประจำอยู่ที่ บ.ก.สูงสุด ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ จนถึงปัจจุบัน นายแพทย์สรวิชญ์ มีอาชีพประจำ เป็นแพทย์ทหารทั่วไป (Resident) สังกัดกองตรวจโรค หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย
ทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของดาราเรียนดีที่หยิบยกมานำเสนอให้เห็นว่า ลำพังแค่งานในวงการบันเทิง ก็วุ่นวาย ยุ่งเหยิง จนไม่มีเวลากันอยู่แล้ว แต่พวกเขา และเธอก็สามารถฝ่าฟันและทำผลการเรียนได้ดี แม้บางคนจะไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเรียนตอนนี้ เพราะอยากจะกอบโกยเงินก่อนแล้วค่อยเรียน ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าถอดใจเลิกเรียนเอากลางคัน เพราะเห็นว่าอาชีพนี้ได้เงินดีกว่าคนที่จบปริญญาตรี ก็คงต้องคิดใหม่
เพราะสุดท้ายแล้ว ชื่อเสียง-เงินทอง อาจมีวันเสื่อมสลาย แต่ความรู้ต่างหาก คืออาภรณ์ที่ติดตัวไปจนวันตาย นี่คือสิ่งที่ดารารุ่นใหม่หลาย ๆ คนเริ่มกลับมาทบทวน เพราะเป็นดารายุคนี้ เกิดง่าย ดับง่าย ถ้าไม่เจ๋ง และเก่งจริง คงค้างฟ้าอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าโปรไฟล์ดี มีสมอง โอกาส และงานก็จะยิ่งเข้ามามากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งถ้ารู้จักใช้ชีวิต และวางแผนการใช้เงินด้วยแล้ว ก็คงไม่ต้องกลัวว่าแก่ตัวไปจะลำบาก!
ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Lite