กระทรวงการคลังสนับสนุนมาตรการชอปปิ้งพาราไดซ์ เตรียมลดภาษีสินค้านำเข้าแบรนด์เนมหวังแข่งประเทศสิงคโปร์และฮ่องกงดันจีดีพีโตร้อยละ 4
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ยอมรับภาคการส่งออกหดตัว จึงหันมาเน้นกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและบริการให้ขยายตัว เพราะมีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ต้นปี และเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้เข้ามาใช้จ่าย 26.4 ล้านคน หรือขยายตัวสูงถึงร้อยละ 18 จากปีก่อน 22.4 ล้านคน ภาคการท่องเที่ยวและบริการมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 50.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มีแรงงานสูงถึงร้อยละ 44.5 รัฐบาลจึงมุ่งหวังให้ไทยเป็นแหล่งชอปปิ้งสำคัญในภูมิภาค โดยชูมาตรการชอปปิ้งพาราไดซ์ เพื่อแข่งขันกับประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งมีภาษีนำเข้าเป็นศูนย์
ดังนั้น ในช่วง 1-2 เดือนนี้ กระทรวงคลังจะสรุปลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย ทั้งน้ำหอม เครื่องสำอาง เสื้อผ้าแบรนด์เนม จากปัจจุบันจัดเก็บภาษีร้อยละ 30 ให้เหลือเบื้องต้นประมาณร้อยละ 5 เชื่อว่าจะทำให้คนไทยที่ออกไปใช้จ่ายต่างประเทศกลับมาซื้อสินค้าในไทยมากขึ้น รวมทั้งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวซื้อสินค้าดังกล่าวที่ไทยและเพิ่มจำนวนวันพักในการท่องเที่ยวต่อครั้งมากขึ้น ทำให้เกิดมูลค่าการใช้จ่ายสูงขึ้น ทดแทนรายได้ภาษีที่ลดลง
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการค้าตามแนวชายแดนด้วยการสนับสนุนให้คนไทยและต่างชาติถือครองเงินสดในรูปเงินบาทมากกว่าข้อกำหนดเดิมที่ 500,000 บาท เพื่อกระตุ้นให้เกิดการค้าขายตามชายแดนและการท่องเที่ยว รวมทั้งมีแผนการบริโภคภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ 880,000 ล้านบาท ประกอบกับมาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณกว่า 41,000 ล้านบาท และการเร่งรัดการลงทุนอีกกว่า 60,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้านที่ออกมาช่วงครึ่งปีหลังจะช่วยผลักดันให้จีดีพีปีนี้ทั้งปีขยายตัวร้อยละ 4